‘คาราบาวแดง’ แจกหนัก มอเตอร์ไซค์ - ทอง ทั้งปี เฟดพึ่งพลัง ‘แอ๊ด คาราบาว’

ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังขับเคี่ยวด้วย 3 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ โดยมีกลยุทธ์การตลาดสำคัญทั้งการใช้พรีเซนเตอร์ เจาะนักดื่ม การชิงโชคทั้งแจกรถจักรยานยนต์ รถยนต์ แจกทองคำที่นับวันราคาแพง ยังมีกิจกรรมจัดคาราวานเดินสายกระตุ้นผู้บริโภคให้ทดลองดื่มสินค้า เป็นต้น

ทว่า ปี 2566 การสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังคือ ผู้ประกอบการเผชิญต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น อันเป็นผลพวงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่สุด “บิ๊กแบรนด์ 2 ราย” ตัดสินใจขึ้นราคา แต่มี 1 ผู้ต่อกรอย่าง “คาราบาวแดง” กัดฟันตรึงราคาสินค้าไว้ที่ 10 บาท จนถึงทุกวันนี้

เป้าหมายสำคัญของ “เสถียร เสถียรธรรมะ” คือ การพาคาราบาวแดงไปยืนเป็น “เบอร์ 1” ในตลาด และกลยุทธ์ขายสินค้า 10 บาท ตอบโจทย์กำลังซื้อกลุ่มเป้าหมายชนชั้นแรงงาน ตลาดวงกว้าง ทำให้ไล่บี้ผู้นำอย่างต่อเนื่อง

ปี 2568 กมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ยังให้คำมั่นในการพาเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” สู่ตำแหน่งผู้นำตลาดให้ได้ ทว่า ปีนี้มีความน่าสนใจ เมื่อบริษัทพลิกกระบวนท่าในการทำตลาด โดยเฉพาะการที่เคยใช้ทั้งกลยุทธ์การตลาดเชิงกีฬา หรือสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง และการตลาดเชิงดนตรีหรือมิวสิก มาร์เก็ตติ้ง เป็นตัวชูโรง ต้องปรับใหม่

เดิมคาราบาวแดง มีการอิงการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างรายการ Carabao Cup เพื่อสานเป้าหมาย “สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก” (World Class Product, World Class Brand) แต่ปีนี้สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งดังกล่าว จะถูกโยกไปต่อยอดกับกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่าง “เบียร์” โดยก่อนหน้านี้บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือ ได้ใช้เงินราว 18 ล้านดอลลาร์ หรือราว 800 ล้านบาท สนับสนุนคาราบาว คัพ อีก 3 ปี ตั้งแต่ฤดูกาลแข่งขัน 2024/2025, 2025/2026

“สปอร์ต มาร์เก็ตติ้งยังเป็นแรงขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญ แต่การนำแบรนด์ต่อยอดกับรายการแข่งขันคาราบาวคัพ เราโฟกัสไปที่เบียร์มากกว่า เครื่องดื่มชูกำลังยังพอได้รับอานิสงส์อยู่ ส่วนมิวสิค มาร์เก็ตติ้งที่เคยมีพี่แอ๊ด คาราบาว ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ ก็เฟสลง สอดรับกับยุคสมัยด้วยส่วนหนึ่ง”

ขณะที่กิจกรรมการตลาดเชิงรุกปี 2568 บริษัทจะให้น้ำหนักกับการทำโปรแกรม “บาวแดง ช่วยคนไทย สร้างอาชีพ ปีที่ 4” แจกมอเตอร์ไซค์ทุกวัน แจกล้านทุกเดือน เป็นเวลา 300 วัน 300 คัน และทองล้าน 10 ล้าน ที่เริ่มคิกออฟไปแล้ว

“คาราบาวแดงปีนี้อาจไม่ได้ทำกิจกรรมการตลาดอะไรมาก นอกจากโฟกัสการทำโปรแกรมบาวแดง ช่วยคนไทย สร้างอาชีพ ล่าสุดเราได้ทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มคนขับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ อีกกลยุทธ์ที่จะต้องทำในปีนี้ คือการสร้างความแข็งแกร่งด้านดิสทริบิวชัน ที่คาราบาวแดงเราจะเจาะเข้าไปในร้านค้าทั่วไปขนาดเล็กมากขึ้น เพราะห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ค่อนข้างครอบคลุมแล้ว ส่วนการออกสินค้าใหม่ ไม่ได้มีแผนแต่อย่างใด”

กมลดิษฐ์ กล่าวอีกว่า การเสริมแกร่งด้านดิสทริบิวชัน บริษัทให้น้ำหนักร้านค้าทั่วไปในพื้นที่ภาคอีสานมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันยังค่อนข้างมีช่องว่างให้รุก และ “คู่แข่ง” รายสำคัญค่อนข้างมีความแข็งแกร่งในพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คาราบาวแดง แข็งแกร่งมากในพื้นที่ภาคกลาง และกรุงเทพฯ

“ร้านค้าทั่วไปที่เราต้องเข้าไปเจาะคือ ร้านเล็กร้านน้อย และเราต้องการเจาะภาคอีสาน ซึ่งเรายังอ่อนมานาน ส่วนกรุงเทพฯ และภาคกลาง คาราบาวแดงเราแกร่งมากๆ”

ด้านภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง มีมูลค่าราว 2.2 หมื่นล้านบาท ปี 2568 คาดการณ์เติบโตอัตรา 1 หลัก ขณะที่เป้าหมายของคาราบาวแดง คือ การมุ่งสู่ตำแหน่งผู้นำตลาด โดยสถานการณ์ส่วนแบ่งตลาดรายผลิตภัณฑ์ที่ขายดีสุด( นับ 1 รายการหรือเอสเคยู) ข้อมูลจากนีลเส็นระบุว่า คาราบาวแดงมีส่วนแบ่งตลาด 26.8% ส่วนเอ็ม-150( 1 เอสเคยูที่ขายดีสุด) ส่วนแบ่งตลาด 29% และกระทิงแดง( 1 เอสเคยูที่ขายดีสุด)มีส่วนแบ่งตลาด 12.6%

“ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปีนี้คงไม่โตมากนัก และโตแค่ 1 หลักอยู่แล้ว ส่วนเป้าหมายของคาราบาวแดง เราก็ต้องการเป็นผู้นำตลาด และคาดหวังจะทำให้ได้”

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์