‘ลัคกี้ สุกี้’ เปิดมา 3 ปี มีรายได้ทะลุ ‘1 พันล้านบาท’ ม้ามืดตัวจริงที่สุกี้ตี๋น้อยต้องกลัว?

‘ลัคกี้ สุกี้’ เปิดมา 3 ปี มีรายได้ทะลุ ‘1 พันล้านบาท’ ม้ามืดตัวจริงที่สุกี้ตี๋น้อยต้องกลัว?

หรือ “สุกี้ตี๋น้อย” จะเจอผู้ท้าชิงรายใหม่? คุยกับเจ้าของ “ลัคกี้ สุกี้” ตัดสินใจเปิดร้านแม้ไม่เคยทำธุรกิจอาหารมาก่อน เชื่อแบรนด์โตได้เพราะลงมือทำเองตั้งแต่คิดเงินไปจนถึงล้างจาน! ปีนี้เร่งขยายเพิ่มอีก 20 แห่ง วางเป้าทะยานสู่ “2 พันล้าน” หมายมั่นดันธุรกิจ IPO ตั้งแต่วันแรก

KEY

POINTS

  • “ลัคกี้ สุกี้” ร้านสุกี้ตลาดแมสที่เปิดมาได้ยังไม่ครบ 3 ปีดี ก็มีรายได้ทะลุ “พันล้านบาท” แล้ว เจ้าของร้านบอกว่า เป็นเพราะตั้งต้นจากความไม่รู้ และไม่เคยมีใครในบรรดาหุ้นส่วนทำธุรกิจอาหารมาก่อนแม้แต่คนเดียว
  • ร้าน “ลัคกี้ สุกี้” ก่อร่างขึ้นในช่วงที่การแพร่ระบาดใหญ่ยังไม่จบ แต่ในวิกฤติที่มีโอกาสจึงทำให้ร้านขายดีตั้งแต่วันแรก ด้วยคุณภาพอาหาร ความสะอาด การบริการ และบรรยากาศที่คุ้มค่ามากกว่าราคาที่จ่าย
  • ปีนี้  “ลัคกี้ สุกี้” ตั้งเป้าเปิดอีก 20 สาขา พร้อมกับเป้ารายได้อีกเท่าตัว ทะยานสู่ “2,000 ล้านบาท” โดยแง้มว่า มีบรรดา “บ้านใหญ่” เข้ามารุมจีบอยู่หลายเจ้า แต่จะตัดสินใจอย่างไรเป็นเรื่องของอนาคต

ในช่วงเวลาที่ใครๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ปีที่แล้วเผาหลอก ปีนี้เผาจริง” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่ามกลางแวดวงนักธุรกิจที่หากจะมีการลงทุนครั้งใหญ่ทั้งที คงต้องผ่านการคิดทบทวนให้ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่รู้ว่า กว่าจะไปถึง “Break Even Point” หรือจุดคุ้มทุน ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ ยิ่งเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ที่เพิ่งกระโดดร่วมวงในวันที่มีคู่แข่งเล็ก-ใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ผู้เล่นในลักษณะนี้ย่อมเสี่ยงที่จะเจ็บตัว และอาจถึงคราวต้องโบกมือลาไปกลางทางก็เป็นไปได้

ทว่า สำหรับ “แอน-รสรินทร์ ติยะวราพรรณ” เธอกลับเห็นต่างออกไป ก่อนจะเป็นช่วงเผาจริง-เผาหลอก “รสรินทร์” และหุ้นส่วนอีก 3 คน ตัดสินใจกรุยทางทำธุรกิจร้านอาหารในช่วงที่โรคระบาดยังไม่จางหาย แต่เพราะเชื่อว่า ในวิกฤติย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ “รสรินทร์” จึงเริ่มชักชวนหนึ่งในพาร์ทเนอร์คนปัจจุบันที่มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นลูกค้าร้านกาแฟของเธอมาก่อน ตั้งต้นจากความชอบกิน และมองว่า ตลาดสุกี้ชาบูยังมีที่ทางให้แทรกตัวเข้าไปได้ นั่นจึงเป็นที่มาของ “ลัคกี้ สุกี้” ในอีก 4 เดือนให้หลัง

นับจากวันก่อตั้งจนถึงขณะนี้ “ลัคกี้ สุกี้” กำลังจะมีอายุครบ 3 ปี ในวันที่ 27 มกราคม 2568 จากปีแรกที่มีรายได้ 79 ล้านบาท ปีถัดมา “ลัคกี้ สุกี้” ทะยานสู่ 409 ล้านบาท และสิ้นปีที่ผ่านมาร้านสุกี้น้องใหม่แห่งนี้ทำรายได้ทะลุ “พันล้านบาท” ได้สำเร็จ รสรินทร์บอกกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สูตรโตของ “ลัคกี้ สุกี้” ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่ผู้บริหารทุกคนยังใช้เวลาอยู่กับร้านเหมือนเดิมทุกวัน เธอบอกว่า แม้แต่การเป็นแอดมินตอบคำถามหลังบ้าน ก็เป็นเธออีกนั่นแหละที่เข้าไปแก้ปัญหาให้ลูกค้าด้วยตัวเอง

‘ลัคกี้ สุกี้’ เปิดมา 3 ปี มีรายได้ทะลุ ‘1 พันล้านบาท’ ม้ามืดตัวจริงที่สุกี้ตี๋น้อยต้องกลัว?

ไม่เคยทำร้านอาหารมาก่อน แค่อยากให้ลูกค้าได้กินในแบบที่เราชอบ

ใครจะคิดว่า ร้านสุกี้ที่โตเร็วและแรงขนาดนี้ เกิดจากเจ้าของที่ไม่เคยคร่ำหวอดในธุรกิจร้านอาหารมาก่อนแม้แต่คนเดียว “รสรินทร์” หนึ่งในผู้ก่อตั้งและรับหน้าที่ดูแลงานด้านการตลาด งานขาย และสร้างแบรนดิ้ง เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ก่อนจะต่อปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจ เธอมีโอกาสนำวิชาที่ร่ำเรียนมาช่วยธุรกิจอาหารสัตว์ที่บ้านอยู่บ้าง รวมถึงการเปิดร้านกาแฟ “Rolling Roasters” หรือที่คนแถวนั้นเรียกกันติดปากว่า “กาแฟลูกโลก”

ดูแลร้านกาแฟได้สักพัก “รสรินทร์” ก็ได้เจอกับลูกค้าประจำที่มากินบ่อยๆ จนมีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เธอเล่าว่า คุยไปคุยมาก็รู้สึกว่า เคมีตรงกัน จึงเอ่ยปากชักชวนลูกค้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจร่วมกัน ซึ่งธุรกิจที่เธอเสนอไอเดียก็คือการเปิดร้านสุกี้ โดยก่อนหน้านั้นรสรินทร์เริ่มศึกษาตลาดสุกี้มาพักใหญ่ มั่นใจว่าทำได้ เพราะเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต และหวังว่า จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ตลาดไปข้างหน้า

ใช้เวลาหลังจากลั่นระฆังเพียง 3-4 เดือน ก็ออกมาเป็นร้าน “ลัคกี้ สุกี้” สาขาแรก จากหุ้นส่วน 2 คน ขยายมาเป็น 4 คน โดยที่ไม่มีใครเคยทำธุรกิจอาหารมาก่อน แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน เพราะตั้งต้นจากโจทย์สั้นๆ ง่ายๆ นั่นคือ ตัวเราต้องการกินอาหารแบบไหน อยากส่งต่ออะไรให้กับลูกค้ากันแน่ รสรินทร์บอกว่า เธอใช้ความไม่รู้นำทาง ใช้สัญชาตญาณในการทำธุรกิจล้วนๆ

กระทั่งมาถึงการตามหาโลเกชันแรกของร้านลัคกี้ สุกี้ สำหรับแบรนด์ใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจรจากับแลนด์ลอร์ดในวันที่ “ลัคกี้ สุกี้” ยังไม่มีพอร์ตโฟลิโอหนาแน่นพอ รสรินทร์บอกว่า ทุกที่ที่เธอเข้าไปติดต่อสอบถามแทบจะได้รับการปฏิเสธกลับมาทั้งหมด จนมาเจอกับ “People Park อ่อนนุช” คอมมูนิตี้มอลล์ที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป เป็นอันได้ตัดเชือกสาขาแรกบนพื้นที่เกือบๆ 500 ตารางเมตร 

‘ลัคกี้ สุกี้’ เปิดมา 3 ปี มีรายได้ทะลุ ‘1 พันล้านบาท’ ม้ามืดตัวจริงที่สุกี้ตี๋น้อยต้องกลัว? -รสรินทร์ ติยะวราพรรณ หนึ่งในผู้ก่อตั้งร้าน ลัคกี้ สุกี้-

แม้จะเป็นแบรนด์ใหม่แกะกล่อง แต่เชื่อหรือไม่ว่า ตั้งแต่วันแรกที่เปิดทำการ “ลัคกี้ สุกี้” มีคนมาเข้าแถวรอคิวกันอย่างคับคั่ง นอกจากการรีวิวบนโซเชียลมีเดีย หัวใจสำคัญที่ทำให้ชื่อเสียงของร้านถูกพูดถึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รสรินทร์เชื่อว่า เพราะที่ร้านให้ลูกค้ามากกว่าสุกี้ กำเงินมาสามแบงก์แดงต้องคุ้มค่า และต้องได้รับประสบการณ์ดีๆ ทุกมิติ ตั้งแต่ความอร่อย บรรยากาศ และการให้บริการด้วย

“หุ้นส่วนเราคนหนึ่งทำธุรกิจโรงงาน เขาก็จะคิดแบบคนโรงงาน คือเอาทุกอย่างให้ดี จะไม่ซื้อของถูก ต้องซื้อของดีแล้วใช้ระยะยาวได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งมันย้อนกลับมาถึงวิธีคิดในการให้บริการของเราด้วยว่า เวลาเราเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า เราเอาแต่ของที่ลูกค้ากินแล้วต้องว้าวกับมัน ของที่ลูกค้ากินคือของที่เรากินได้ พอเราตั้งเป็นรากฐานที่ชัดเจน น้องๆ ในร้านก็จะทำตามขั้นตอนที่เรากำหนดได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่า ที่ผ่านมาจะไม่มีปัญหาเลย พอเราไม่ได้อยู่กับธุรกิจอาหารมาก่อน เราต้องใช้เวลาเรียนรู้ค่อนข้างเยอะ แรกๆ ไม่รู้ว่า หนึ่งสาขาต้องใช้คนทำงานประมาณเท่าไหร่ ก็ต้องเรียนรู้กันไป พอเรียนรู้ได้ถึงค่อยเปิดสาขาที่สอง”

โตได้เพราะรสชาติ เก็บทุกฟีดแบ็กมาปรับ ยังอินกับธุรกิจทุกวัน

การตกแต่งด้วยธีม “Chinese Experience” ความสะอาดสะอ้าน น้ำจิ้มรสจัดจ้าน ฯลฯ หลอมรวมให้ “ลัคกี้ สุกี้” โตวันโตคืนมาตลอด 3 ปี รสรินทร์บอกว่า หมุดหมายที่ต้องการเป็นมากกว่าร้านสุกี้ต้องแตกย่อยให้เห็นภาพชัดเจน สำหรับเธอ คำว่า “มากกว่าสุกี้” คือบรรยากาศร้านต้องดี เพราะไม่ใช่ทุกร้านที่จ่ายราคานี้แล้วจะได้กลิ่นอายเดียวกัน ความสะอาดก็สำคัญไม่แพ้กัน รวมถึงคำติชมจากลูกค้าที่หากได้รับฟีดแบ็กต้องรีบเก็บมาพัฒนาต่อทันที

แต่สูตรโตที่รสรินทร์มองว่า เป็นคีย์หลักส่งให้ธุรกิจโตเร็ว คือการที่หุ้นส่วนทุกคนยังอยู่กับธุรกิจ เมื่อเริ่มต้นจากความไม่รู้ จึงเลือกที่จะ “ใส่สุด” กับทุกๆ รายละเอียด อย่างตัวเธอเองยังคงทำงานแบบไม่มีวันหยุด ถ้าวันไหนลูกอยากอยู่ด้วยก็จะเลือกพาลูกมาที่ร้านแทน รสรินทร์บอกว่า ทุกวันนี้ตนยังคอยตอบข้อความหลังบ้านบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียบ่อยๆ เชื่อว่า คนเป็นผู้บริหารยิ่งเห็นปัญหาเร็วเท่าไหร่ ก็จะตัดสินใจได้เร็วเท่านั้น 

‘ลัคกี้ สุกี้’ เปิดมา 3 ปี มีรายได้ทะลุ ‘1 พันล้านบาท’ ม้ามืดตัวจริงที่สุกี้ตี๋น้อยต้องกลัว?

หากถามว่า เคยคิดหรือไม่ว่า “ลัคกี้ สุกี้” จะมาไกลเพียงนี้ เธอบอกว่า เชื่อมาตลอดว่าร้านนี้จะโตตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจทำ แต่ไม่เคยคิดว่า จะโตไวขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่า เปิดมา 3 ปี จะทำเงินทะลุพันล้านบาทได้ แต่เป็นเพราะทุกคนมีธุรกิจอยู่แล้ว การทำร้านลัคกี้ สุกี้ จึงไม่ได้คิดเรื่องกำไร-ขาดทุนเป็นตัวแปรลำดับต้นๆ มีการคุยกันกับหุ้นส่วนทั้ง 4 คนตั้งแต่แรกว่า ถ้าเปิดร้านแล้วไม่เวิร์ก อนาคตเกิดเจ๊งขึ้นมาก็แยกย้ายกลับไปทำธุรกิจของตัวเองกันต่อก็ได้

“ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่คนมีตังใครๆ ก็ลงมาเล่นได้ แต่จะโตได้รึเปล่าอยู่ที่พวกเขา” รสรินทร์บอก

เว้นช่วงเปิดสาขาที่สองจากสาขาแรกนานถึง 6 เดือน เพราะต้องการเรียนรู้ระบบหลังบ้านให้กระจ่างชัด ถึงจังหวะนี้ร้านไม่ได้เป็นฝ่ายติดต่อหาแลนด์ลอร์ดเองแล้ว เนื้อหอมจนมีหลายๆ เจ้ารุมจีบให้ไปอยู่ด้วย ซึ่งโลเกชันที่ “ลัคกี้ สุกี้” เลือก จะเน้นแถบชานเมือง ใกล้ชุมชนและมีประชากรหนาแน่นเป็นหลัก ด้วยกลุ่มเป้าหมายที่ต้องอาศัยจำนวนคน ที่สำคัญพฤติกรรมคนเมืองจะไม่ยอมรอคิวนาน 2-3 ชั่วโมงเหมือนกับโซนรอบนอก 

“สำหรับบางคนเงิน 300 บาท มันมีคุณค่ามาก บางทีมีลูกค้าเขามาถามเราเหมือนกันนะว่า พี่ได้กำไรจากตรงไหนเหรอด้วยราคาเท่านี้ เราก็บอกว่า ณ วันแรกที่คนถามพี่ที่อ่อนนุช พี่ทำไปก็ยังไม่รู้เลยว่า กำไรหรือขาดทุน แต่ที่ทำก็เพราะอยากทำ อยากให้ลูกค้าได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ มีไลน์อาหารหลากหลาย ที่สำคัญมีของทอด แล้วก็มีสเลอปี้ มั่นใจว่า เราเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำ มันจับใจลูกค้าได้ 

ปีนี้เปิดอีก 20 แห่ง ตั้งเป้า 2,000 ล้านบาท ฮอตจนมี “บ้านใหญ่” รุมจีบหลายเจ้า

ปัจจุบัน “ลัคกี้ สุกี้” มีทั้งหมด 20 สาขา พร้อมกับแบรนด์ใหม่ในเครือ “ลัคกี้ บาร์บีคิว” จากการมองเห็นโอกาสที่ยังไม่มีเจ้าตลาดเหมือนฝั่งสุกี้ รสรินทร์บอกว่า “ลัคกี้ บาร์บีคิว” แตกต่างจากร้านสุกี้โดยสิ้นเชิง ทั้งการตกแต่งที่เน้นสไตล์ญี่ปุ่น ผุดไอเดียเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ จนยก “สลัดบาร์” มาไว้ภายในร้าน เพิ่มไลน์ของกินเล่นอย่างปลาซาบะ ยากิโซบะ ไข่ตุ๋น เกี๊ยวซ่า ฯลฯ โดยราคาจะขยับขึ้นจากฝั่งสุกี้ราวๆ 80 บาท ตามคอนเซปต์เดิมที่รสรินทร์บอกว่า อยากให้ลูกค้าได้กินของดีแบบที่ไม่ต้องจ่ายเยอะ

“เวลายืนแคชเชียร์เราจะมองลูกค้าไปด้วย ถ้าเห็นโลโก้ร้านนั่นคือรูปครอบครัว อยากให้เขารู้สึกว่า พาครอบครัวมากินแล้วจบทุกอย่างแบบคุมราคาได้ ทำสาขาแรกไม่รู้หรอกจะกำไรรึเปล่าแต่อยากทำ ไอเดียนี้ก็เป็นเราอีกที่เอาไปเสนอหุ้นส่วน ซึ่งตอนแรกเขาก็บอกว่า สุกี้ยังทำได้อีกไกล จะทำบาร์บีคิวอีกทำไม แต่เราคิดว่า บาร์บีคิวยังไม่มีใครเป็นแมสชัดเจน ซึ่งเราเพิ่งเริ่มเปิดเมื่อช่วงกลางปี 2567 นี้เอง”

‘ลัคกี้ สุกี้’ เปิดมา 3 ปี มีรายได้ทะลุ ‘1 พันล้านบาท’ ม้ามืดตัวจริงที่สุกี้ตี๋น้อยต้องกลัว? -ลัคกี้ บาร์บีคิว แบรนด์ใหม่จากเครือลัคกี้ สุกี้-

ในจำนวน 20 สาขา ณ ปัจจุบัน แบ่งออกเป็น “ลัคกี้ สุกี้” 15 สาขา “ลัคกี้ บาร์บีคิว” 6 สาขา กระแสตอบรับบาร์บีคิวเป็นไปในทางบวก ถ้าเทียบกับจำนวนเดือนแล้วเท่ากับว่า เปิดสาขาใหม่แทบทุกเดือน แต่ธุรกิจปิ้งย่างก็มีเรื่องให้เรียนรู้อีกแบบ รสรินทร์บอกว่า จุดอ่อนของร้านสไตล์ปิ้งย่าง คือคนไม่นิยมมากินช่วงกลางวัน อาจจะกลัวเรื่องกลิ่นติดตัว ซึ่งก็เป็นโจทย์ที่ต้องหาวิธีปรับแก้กันต่อไป

แนวโน้มที่ดูจะไปได้สวย ทำให้มีบรรดา “บ้านใหญ่” ติดต่อทาบทามเข้ามาหลายเจ้า เธอแง้มว่า มีคุยอยู่หลายที่ แต่เพราะเป็นแบรนด์ที่ฟูมฟักมาตั้งแต่วันแรกจึงยังมีความต้องการให้ทิศทางเป็นไปในแบบที่ตนเองต้องการ แรกๆ ก็มีติดต่อเข้ามาขอซื้อแฟรนไชส์อยู่บ้าง แต่เธอปฏิเสธตั้งแต่ต้นเพราะอยากควบคุมดูแลด้วยตัวเอง ทว่า อนาคตก็ยังไม่แน่นอน ระยะยาวหากต้องติดสปีดขยายสาขาเร็วขึ้น ถี่ขึ้น ถึงตอนนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที

สำหรับตอนนี้ “รสรินทร์” บอกว่า เธอและหุ้นส่วนยังเอาอยู่ ทุกวันนี้การขยายสาขายังเป็นการควักกระเป๋ากันเองล้วนๆ อย่างแผนขยายปีนี้อีก 20 แห่ง มองว่า ยังไปต่อด้วยตัวเองไหว มีการคุยกันกับหุ้นส่วนว่า อาจจะจบสูงสุดที่ 40 แห่ง แล้วหลังจากนั้นจะมี “บ้านใหญ่” มาช่วยเสริมทัพอีกแรงหรือไม่ก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน

‘ลัคกี้ สุกี้’ เปิดมา 3 ปี มีรายได้ทะลุ ‘1 พันล้านบาท’ ม้ามืดตัวจริงที่สุกี้ตี๋น้อยต้องกลัว?

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ “ลัคกี้ สุกี้” จะลุยต่างจังหวัดอย่างจริงจัง ก่อนหน้านี้มีสาขาอยุธยาเป็นแห่งแรก และในเดือนมีนาคมนี้จะไปปักหมุดที่ “สระบุรี” ถัดจากนั้นมอง “ชลบุรี” และ “ระยอง” ไว้ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับระบบโลจิสติกส์เป็นหลัก เนื่องจากตอนนี้แบรนด์ยังผลิตน้ำจิ้มด้วยตัวเอง ต้องส่งของกันทุกวัน หากเป็นระยะไกลออกไป อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น หรือจังหวัดทางภาคใต้ คงต้องวางแผนกันอีกสักพัก

โดยนอกจากการขยายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดแล้ว ยังมีบางส่วนมาทาบทามให้ไปเปิดที่ต่างประเทศด้วย แต่เธอมองว่า ในประเทศไทยยังมีอีกหลายแห่ง เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ “ลัคกี้ สุกี้” ยังไม่ครอบคลุมด้วยซ้ำไป

ส่วนภาพใหญ่ในการเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ “รสรินทร์” บอกว่า เป็นเป้าใหญ่ที่คุยกันตั้งแต่วันแรก ถ้าทำธุรกิจต้องทำเพื่อ IPO แต่จะเป็นระยะเวลาอีกกี่ปีนั้นไม่มีกำหนดตายตัวแน่นอน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต

“ปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 16-20 สาขา คุยกับหุ้นส่วนว่า เราน่าจะจบที่ 38-40 สาขา คิดว่า เรายังทำไหว แต่หลังจากนี้คงต้องดูว่า อาจจะมีใครหรือคุยกับบ้านใหญ่อย่างไร ตอนนี้คุยอยู่เยอะมาก ตั้งเป้าปีนี้กับหุ้นส่วนไว้ว่า ต้องไปให้ถึง 2,000 ล้านบาท ด้วยจำนวนสาขาที่เพิ่มอีกเท่าตัวด้วย”