ยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้าจีน ‘ไฮเซ่นส์’ เปิดโรงงานไทยครั้งแรก หนุนยอดโต 30%

ยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้าจีน ‘ไฮเซ่นส์’ เปิดโรงงานไทยครั้งแรก หนุนยอดโต 30%

ปักหมุดลงทุนไทย เครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จีน ‘ไฮเซ่นส์’ แบรนด์ที่สามจากประเทศจีน ประกาศแผนลงทุนในไทย เดินหน้าเปิดโรงงานเครื่องปรับอากาศครั้งแรก เร่งแผนขยายพอร์ตพรีเมียม ประเมินสิ้นปี 2568 สร้างยอดโต 30%

สำรวจการลงทุนของ "แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า" ของประเทศไทยในปี 2568 มีความร้อนแรงอีกครั้ง ภายหลังท็อปแบรนด์จากประเทศจีน ปักหมุดเข้ามาสร้างโรงงานในประเทศไทย เพื่อขยายกำลังการผลิตและวางยุทธศาสตร์ให้ประเทศไทยเป็นฮับในการส่งออกไปต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย ตลาดสหรัฐและยุโรป

โดยบริษัทที่ประกาศลงทุนในไทยรอบปีนี้มีทั้ง ไฮเออร์ (Haier) แบรนด์ขนาดใหญ่ในโลกด้านเครื่องปรับอากาศ จากจีนเตรียมลงทุนขยายโรงงานแห่งใหม่ในไทย มูลค่าการลงทุนมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท ประเมินว่าจะผลิตตู้เย็นและเครื่องซักผ้า เตรียมแผนประกาศในเดือน พ.ค.นี้ 

ต่อมา ไมเดีย (Midea) แบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับต้นๆ ในประเทศจีน ได้ลงทุน 2,260 ล้านบาท เปิดไลน์การผลิตใหม่เครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ในไทย มีกำลังการผลิตเบื้องต้น 6 แสนยูนิตต่อปี และสนใจเตรียมขยายการผลิตเพิ่มในอีกหลายกลุ่มสินค้า รวมถึงล่าสุด ไฮเซ่นส์ แบรนด์อันดับต้นๆ ด้านจอโทรทัศน์ในโลก จากแดนมังกร ได้ปักหมุดเปิดโรงงานครั้งแรกในประเทศไทยกับโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศ ในช่วงไตรมาสสามปี 2568 อย่างเป็นทางการแล้ว

 

ยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้าจีน ‘ไฮเซ่นส์’ เปิดโรงงานไทยครั้งแรก หนุนยอดโต 30%

ทำเลสำคัญที่แบรนด์จากประเทศจีนเลือกลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หมุดหมายสำคัญที่ได้รับการส่งเสริมจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยจากข้อมูลของบีโอไอ สะท้อนการลงทุนในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2567 มีสถิติการใช้วัตถุดิบในโรงงาน รวม 1.13 ล้านล้านบาท

แบ่งเป็น วัตถุดิบจากต่างประเทศ 8.57 แสนล้านบาทและใช้วัตถุดิบจากในประเทศ ประมาณ 2.80 แสนล้านบาท รวมถึงมีสถิติการใช้แรงงานในระบบประมาณ 74,000 คน ทั้งหมดสะท้อนถึง อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยกำลังขยายตัว อีกทั้งส่วนหนึ่งมาจากเอฟเฟกต์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้หลายแบรนด์เลือกมาลงทุนในไทย

 

ยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้าจีน ‘ไฮเซ่นส์’ เปิดโรงงานไทยครั้งแรก หนุนยอดโต 30%

ไฮเซ่นส์ ลุยสร้างโรงงานในไทยครั้งแรก 

คลาร่า ชาง ประธานกลุ่ม บริษัทไฮเซ่นส์ประจำภูมิภาคอาเซียน และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเซ่นส์ ประเทศไทย กล่าวว่า แผนของบริษัทในปี 2568 ได้เข้ามาลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในประเทศไทยครั้งแรก สำหรับการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยกำหนดเริ่มเดินเครื่องผลิตอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสสามของปี 2568  นำร่องการผลิตเครื่องปรับอากาศ ก่อนขยายไปสู่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ทั้งตู้เย็นและเครื่องซักผ้า  

สำหรับการเลือกเข้ามาลงทุนในประเทศไทยครั้งนี้ มาจากความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย และการมองโอกาสตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยกำลังขยายตัว รวมถึงการมีซัพพลายเชนของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความครอบคลุมและมีความพร้อมสูง อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีแบรนด์จากต่างประเทศ เลือกเข้ามาลงทุนสร้างโรงงาน ส่วนโรงงานแรกของไฮเซ่นส์ในประเทศไทย มุ่งทำตลาดในประเทศและการส่งออกไปสู่ตลาดต่างประเทศ ส่วนงบประมาณในการสร้างโรงงานยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ 

“หากประเมินภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศไทย อาจจะมีความชาเลนจ์อยู่ก็ตาม แต่บริษัทมองโอกาสในตลาดที่มีอยู่หลายด้าน ทำให้เดินหน้าลงทุนในประเทศไทย” 

 

ยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้าจีน ‘ไฮเซ่นส์’ เปิดโรงงานไทยครั้งแรก หนุนยอดโต 30%

 

พร้อมกันนี้ได้เตรียมแผนเชิงรุกขยายแบรนด์ ไฮเซ่นส์ (Hisense) ในประเทศไทย ทั้งการใช้งบการตลาดเพิ่มขึ้น 25-30% สร้างแบรนด์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์  รวมถึงการใช้กลยุทธ์ สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ในการร่วมเป็นสปอนเซอร์กีฬาระดับโลก โดยไฮเซ่นส์ โกลบอล ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก หรือ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 มีกำหนดจัดขึ้นในช่วงวันที่ 15 มิ.ย. – 13 ก.ค.2568 ที่ประเทศสหรัฐ 

อีกทั้งได้การมุ่งนำเสนอสินค้ารุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดปี รวมถึงเน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในตลาดกลางและตลาดบน (พรีเมียม) มากขึ้น ทางด้านไลน์อัปสินค้า เน้นที่มีนวัตกรรมอัฉริยะและมีสไตล์ มุ่งนำเสนอในคอนเซ็ปต์ "Innovation In-Style” ประกอบด้วย จอโทรศัพท์ ทั้งรุ่นธรรมดาและรุ่นที่มีขนาด 100 นิ้ว เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า พร้อมด้วย C2 Ultra Triple Laser Smart Mini Projector โปรเจกเตอร์ ขนาดพกพา สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความบันเทิง ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละรุ่น ได้มุ่งผสมผสานกับเทคโนโลยีเอไอและการใช้ง่ายที่ง่าย 

ทั้งนี้ประเมินว่าจากการลงทุนผลิตเครื่องปรับอากาศ และการโหมทำตลาดในประเทศไทย ทำให้ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทในปี 2568 สร้างการเติบโตประมาณ 30% ในประเทศไทย พร้อมสามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดในแต่ละกลุ่ม ทั้งเครื่องซักผ้า มีส่วนแบ่งการตลาด 7-8% ตู้เย็น มีส่วนแบ่งการตลาด 10% และจอโทรทัศน์ 13-14% แตกต่างจากในปี 2567 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด แบ่งเป็น จอโทรทัศน์มากกว่า 10% ตู้เย็น 8% และ เครื่องซักผ้า 5% ซึ่งในกลุ่มเครื่องซักผ้าลูกค้าไทยตอบรับดีต่อเนื่อง ภายหลังเข้ามาทำตลาดในไทยประมาณสองปี ส่วนจอโปรเจกเตอร์รุ่นใหม่ คาดว่าจะสร้างยอดขายมากกว่า 1,000 จอ 

“แบรนด์ไฮเซ่นส์ในปี 2568 มุ่งเน้นการขยายตลาดและเพิ่มการเข้าถึงของสินค้าของกลุ่มลูกค้าทั่วไป รวมถึงได้มุ่งกลุ่มตลาดระดับไฮเอนด์ด้วยผลิตภัณฑ์พรีเมียม พร้อมมุ่งปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้า เพื่อร่วมยกระดับประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ทั้งหมดจะทำให้แบรนด์ สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดไทย”

อย่างไรก็ตาม หากประเมินในตลาดโลกแบรนด์ไฮเซ่นส์ มีจุดกำเนิดในประเทศจีน และปัจจุบันได้ทำตลาดใน 160 ประเทศทั่วโลก โดยเป็นแบรนด์ที่สร้างยอดขายจอทีวีในโลก อยู่อันดับสองในด้านยอดขาย และอันดับหนึ่งในด้านจอทีวี ที่มีขนาด 100 นิ้วขึ้นไป