ท่องเที่ยวฝ่า 'ซิงซิงเอฟเฟกต์' ดับกระแสลบ ต่างชาติยกเลิก 1.2 หมื่นห้องพัก

ท่องเที่ยวฝ่า 'ซิงซิงเอฟเฟกต์' ดับกระแสลบ ต่างชาติยกเลิก 1.2 หมื่นห้องพัก

“ททท.” ฝ่าโจทย์ใหญ่ “ซิงซิงเอฟเฟกต์” สะเทือนความเชื่อมั่นโลกโซเชียล มุ่งบริหารภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยปลอดภัยในสายตาชาวจีน นำเสนอความเป็นจริงหักล้างกระแสเชิงลบ ค้านข้อเสนอยกเลิกวีซ่าฟรี ย้ำไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

KEY

POINTS

  • “ททท.” ฝ่าโจทย์ใหญ่ “ซิงซิงเอฟเฟกต์” สะเทือนความเชื่อมั่นโลกโซเชียล มุ่งบริหารภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยปลอดภัยในสายตาชาวจีน นำเสนอความเป็นจริงหักล้างกระแสเชิงลบ ค้านข้อเสนอยกเลิกวีซ่าฟรี ย้ำไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
  • “เอกชน” กระทุ้งรัฐเร่งปราบอาชญากรรมข้ามชาติ ค้ามนุษย์ สแกมเมอร์ จริงจัง
  • “สทท.” แย้ม “นายกฯ แพทองธาร” เตรียมเยือนจีนพบ “สี จิ้นผิง” ใช้โอกาสเจรจารัฐบาลจีนดับกระแสเชิงลบ สร้างเชื่อมั่น “เที่ยวไทยปลอดภัย”
  • ด้าน “สมาคมโรงแรมไทย” เผยต่างชาติยกเลิกจอง 1.2 หมื่นห้องพัก ม.ค. เป็นต้นไป

หลังเกิดกรณี “ซิงซิง” นักแสดงชาวจีนหายตัว ถูกหลอกไปทำงานบริเวณชายแดน ไทย-เมียนมา เมื่อต้นเดือน ม.ค. เกิดกระแสเชิงลบบนโลกโซเชียลมีเดียของจีน ประเทศไทยถูกมองว่าไม่ปลอดภัย โจทย์หลักของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงหนีไม่พ้นการบริหารภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้ดีขึ้น หนุนนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเชื่อมั่น

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า กรณี ซิงซิง ส่งผลต่อความรู้สึกชาวจีนบนโซเชียลมีเดีย หากบริหารสถานการณ์ไม่อยู่อาจสะดุดยาว สิ่งที่ ททท.ทำขณะนี้คือมุ่งบริหารภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยบนโลกออนไลน์ ด้วยการนำเสนอความเป็นจริง นำบรรยากาศการท่องเที่ยวจริงมาล้มล้าง พร้อมใช้กลยุทธ์อินฟลูเอนเซอร์ช่วยนำเสนอภาพการท่องเที่ยวไทย จัดโปรโมชันร่วมกับบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ สายการบิน อาทิ ทริปดอทคอมกรุ๊ป สปริงแอร์ไลน์ส  เพื่อกระตุ้นยอดจองการเดินทางเข้าไทยระยะกระชั้นชิด (Last Minute) ช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้

ค้านข้อเสนอยกเลิกวีซ่าฟรี

อย่างไรก็ตาม ททท.ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอจากเอกชนให้ยกเลิกมาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี) แก่นักท่องเที่ยวจีน เพราะไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แต่อาจพิจารณาเกี่ยวกับการปรับลดวันพำนักให้สิทธิยกเว้นวีซ่าตามพฤติกรรมเดินทางจริงของแต่ละตลาด โดยผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีข้อเสนอให้ลดวันพำนักของนักท่องเที่ยวจีนเป็น 10-15 วัน จากไม่เกิน 30 วัน ให้สอดคล้องกับวันพำนักจริงส่วนใหญ่อยู่ที่ 7-10 วัน

"มาตรการวีซ่าฟรียังจำเป็นในแง่สนับสนุนเปิดเที่ยวบินจากเมืองรองในจีนได้มากขึ้น ดึงดูดจีนเดินทางเข้าไทยปี 2568 ที่ ททท. ตั้งไว้ 8 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 10% จาก 6.73 ล้านคนปีก่อน ส่วนเป้าหมายเชิงนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตั้งไว้ที่ 8.8-9 ล้านคน"

ทั้งนี้ ททท.ประเมินเบื้องต้นนักท่องเที่ยวจีนน่าจะหายไปราว 10,000 คนช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์ เดินทางด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) จากเมืองรอง ซึ่งเดินทางมาไทยเป็นครั้งแรก ไม่เคยเห็นภาพจริงของเมืองไทยว่าเป็นอย่างไร ทำให้เกิดความหวั่นวิตก และยกเลิกการเดินทางตามมา”

ท่องเที่ยวตรุษจีนสะพัด 4 หมื่นล้าน

ททท. คาดช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2568 จะก่อให้เกิดรายได้ทางการท่องเที่ยวไทยรวม 40,360-40,660 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9-10% เทียบตรุษจีนปีที่ผ่านมา คาดมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 2.22 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 26% สร้างรายได้ 6,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%

นอกจากนี้ คาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.34-1.35 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5-6% และมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 34,060-34,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น7-8% เทียบกับปี 2567 สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีนคาดมีจำนวน 2.77-2.87 แสนคน เพิ่มขึ้น 3-7% สร้างรายได้ 8,500-8,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5-9% ขณะเดียวกัน มีนักท่องเที่ยวจากฮ่องกง เกาหลีใต้ และไต้หวัน รวมทั้งนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนในมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เข้ามาสมทบในช่วงเทศกาลตามลำดับ

 

แนะนายกฯ หารือ “สี จิ้นผิง” ดับกระแสลบ

นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า สทท.ติดตามผลกระทบจากกรณี ซิง ซิง พบว่ายังมีประเด็นบนโลกโซเชียลของจีนกังวลเกี่ยวกับการเดินทางมาเที่ยวไทย ส่งผลให้มีการยกเลิกการเดินทาง โดยยกเลิกห้องพัก 4,600 ห้องสำหรับตลาดจีน และตลาดอื่นๆ ในเอเชียที่ไม่ใช่ชาวจีนอีกราว 8,000 ห้อง เพราะเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นอ่อนไหวมาก

“ต้องเข้าใจว่าชาวจีนฟังพวกเขากันเองเท่านั้น เขาไม่ฟังเรา เขาเชื่อคนจีนด้วยกัน สิ่งสำคัญที่จะแก้ปัญหาได้ อยากให้รัฐบาลไทยเยือนจีนอย่างเป็นทางการ โดยทราบมาว่าหลังตรุษจีน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะไปเยือนจีนเพื่อพบกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อมีโอกาสเช่นนี้ก็อยากให้ผู้นำทั้งสองประเทศหารือเรื่องนี้และชี้แจงข้อเท็จจริง เชื่อว่าถ้ารัฐบาลจีนออกมาพูดเรื่องนี้เอง ชาวจีนจะเชื่อมั่นแน่นอน เรื่องนี้สำคัญมาก ต้องเร่งแก้ไขและดับกระแสให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นโดมิโน เอฟเฟกต์”

นอกจากนี้ ขอให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วยตัวเอง เพื่อบูรณาการฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร และตำรวจ อย่าปล่อยให้ขบวนการค้ามนุษย์มาใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และแก้ปัญหาสแกมเมอร์ให้สำเร็จ

 

ยอดยกเลิกโรงแรม 1.2 หมื่นห้อง

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า มีการยกเลิกห้องพักตั้งแต่เดือน ม.ค. 2568 เป็นต้นไป ราว 12,428 ห้อง เป็นนักท่องเที่ยวจีน 4,572 ห้อง และนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่น 7,856 ห้อง โรงแรมที่นักท่องเที่ยวจีนยกเลิกห้องพักมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ 2,001 ห้องพัก รองลงมา คือ นนทบุรี เชียงราย ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี ตาก และนครราชสีมา ตามลำดับ ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่น ยกเลิกห้องพักในพื้นที่ชลบุรีมากที่สุด 2,888 ห้องพัก รองลงมาคือ กรุงเทพฯ กระบี่ ภูเก็ต นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี นนทบุรี เชียงราย ตราด ตาก อุดรธานี เชียงราย ระยอง และพังงา ตามลำดับ

ทั้งนี้ ภาครัฐต้องเร่งแก้ปัญหากลุ่มอาชญากรที่แฝงตัวเข้าเมืองมาตามชายแดนจุดต่างๆ หรือการเข้ามาด้วยเครื่องบินเพื่อป้องกันเหตุการณ์ลักษณะนี้ 

“ไม่ใช่เพียงติดตามหลังเหตุเกิด และเร่งปิดคดีเท่านั้น หากรัฐบาลไม่ทำอะไร ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในสายตาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน เพราะตลาดจีนเที่ยวไทยอ่อนไหวกับเรื่องความปลอดภัยมาก หากมีข่าวเชิงลบเกี่ยวกับความปลอดภัยเกิดขึ้นในสื่อออนไลน์กระจายออกไปในวงกว้าง จะกระทบกับการเข้ามาเที่ยวไทย”

 

บินเหมาลำไทยไลอ้อนฯ ยกเลิก 40 เที่ยว

ก่อนหน้านี้ นายอัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ กล่าวว่า กรณีซิงซิงหายตัวส่งผลกระทบระยะสั้นต่อภาคการท่องเที่ยวไทยเฉพาะธุรกิจของไทยไลอ้อนแอร์ มีการยกเลิกเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) จากจีน ซึ่งขนส่งนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์เป็นหลักในช่วงโกลเด้นวีคเทศกาลตรุษจีนรวม 40 เที่ยวบิน หรือหายไป 20%

“ช่วงหยุดยาวตรุษจีน 10 วัน (24 ม.ค.-2 ก.พ.) ตลาดกรุ๊ปทัวร์จีนยกเลิกการจองตั๋วเครื่องบินค่อนข้างมาก ทำให้เหลือเที่ยวบินทั้งแบบประจำและชาร์เตอร์ไฟลต์จากจีนรวม 200 เที่ยวบิน ในมุมเอกชนอยากให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรงในเชิงความเชื่อมั่นและกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว”