เซ็นทรัลรีเทล-ซีพีออลล์ หนุน Easy E-Receipt 2.0 ดันเม็ดเงินสะพัด 7 หมื่นล้าน

เซ็นทรัลรีเทล-ซีพีออลล์ หนุน Easy E-Receipt 2.0 ดันเม็ดเงินสะพัด 7 หมื่นล้าน

ค้าปลีกไทย โดยเซ็นทรัลรีเทล ที่มีร้านค้าปลีกในเครือรวม 3,000 สาขา - ซีพีออลล์ ที่มี ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น 15,000 สาขา ร่วมหนุนมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ของภาครัฐ กระตุ้นกำลังซื้อ หนุนยอดขายช่วงไตรมาสแรก คาดสร้างเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจพุ่ง 7 หมื่นล้านบาท

ส่องค้าปลีกไทยในช่วงไตรมาสแรกคึกคัก ค่ายใหญ่เร่งทำแผนกระตุ้นตลาดดึงดูดลูกค้าร่วมใช้จ่าย ขานกับมาตรการของภาครัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568 กับ Easy E-Receipt 2.0 โดยมาตรการนี้ เปิดให้ประชาชน สามารถลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าได้สูงสุดที่ 50,000 บาท แบ่งเป็น

  • นำมาลดหย่อนสูงสุด 30,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้า โดยต้องออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ให้แก่ลูกค้า
  • ลดหย่อนได้เพิ่มอีก 20,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP), ซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยต้องมี e-Tax Invoice หรือ e-Receipt 

 

ทางด้าน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัลรีเทล (CRC) ได้เข้าร่วมกับโครงการ Easy E-Receipt ของภาครัฐบาล โดยนำร้านค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล จำนวน 3,000 สาขาทั่วประเทศไทย ทั้ง ท็อปส์, โก โฮลเซลล์, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, ร้านค้าในเครือเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG), ไทวัสดุ, เพาเวอร์บาย, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์, ท็อปส์แคร์, ท็อปส์ วีต้า และเพ็ทแอนด์มี ร่วมจัดโปรโมชั่นกระตุ้นลูกค้าเข้ามาใช้จ่ายในช่วงนี้

 

เซ็นทรัลรีเทล-ซีพีออลล์ หนุน Easy E-Receipt 2.0 ดันเม็ดเงินสะพัด 7 หมื่นล้าน

เซ็นทรัลรีเทล ประเมินเม็ดเงินสะพัด 7 หมื่นตามที่ภาครัฐคาดไว้

“ปิยวรรณ ลีละสมภพ” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เซ็นทรัลรีเทลได้ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยนำธุรกิจรีเทล ที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มฟู้ด กลุ่มแฟชั่น กลุ่มฮาร์ดไลน์ กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ และกลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส มีจำนวน 3,000 สาขาทั่วประเทศ ร่วมมาตรการ ทั้งนี้ประเมินว่าจะร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของคนในประเทศให้ขยายตัว พร้อมทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยช่วงไตรมาสแรกได้ถึง 7 หมื่นล้านบาท ตามที่ภาครัฐประเมินไว้ อีกทั้งช่วงไตรมาสแรก ถือเป็นฤดูกาลใช้จ่ายสำคัญในประเทศไทย จากการมีเทศกาลต่างๆ ทั้งปีใหม่ วันเด็ก ตรุษจีน หรือวาเลนไทน์ ฯลฯ ร่วมกระตุ้นบรรยากาศการใช้จ่ายในประเทศ

นอกจากนี้ทาง "ท็อปส์" รีเทลกลุ่มฟู้ดในเครือของ เซ็นทรัลรีเทล ได้วางแผนเพิ่มสินค้ากลุ่มโอท็อปและเอสเอ็มอี สินค้าจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติมเช่นกัน รองรับกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า

ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา เซ็นทรัลรีเทล ได้ร่วมโครงการ Easy E-Receipt ของภาครัฐ โดยสร้างยอดขายโดยรวมให้เซ็นทรัล รีเทล เพิ่มขึ้นกว่า 40% โดยประเมินว่า  การเข้าร่วมโครงการในปีนี้จะได้ร่วมดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ และร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย

 

เซ็นทรัลรีเทล-ซีพีออลล์ หนุน Easy E-Receipt 2.0 ดันเม็ดเงินสะพัด 7 หมื่นล้าน

ซีพีออลล์ ดึงสินค้าโอท็อป เอสเอ็มอีเสริมทัพในสาขาทั่วประเทศ

สำหรับ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ที่มีร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ในปัจจุบันมีสาขาทั่วประเทศไทยประมาณ 1.5 หมื่นสาขา ได้เร่งเครื่องหนักตั้งแต่ต้นปี 2568 ทั้งการงบลงทุนเบื้องต้น 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท มุ่งพัฒนาระบบไอที คลังสินค้า รีโนเวทสาขาเดิม และการเปิดสาขาใหม่ ประมาณ 700 สาขา ใกล้เคียงกับปี 2567 

แผนเชิงรุกนอกจากการขยายสาขาใหม่ในประเทศไทย ยังวางหมากกำลังซื้อโดยในช่วงต้นปีนี้ โดยได้มีการคอลแลปครั้งใหม่กับ หมีเนย (ButterBear) เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมทำแคมเปญ “เพื่อนที่ฮีลใจใกล้ๆ คุณ” ร่วมทำภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ที่เป็นเรื่องราวของ หมีเนย ได้แปลงโฉมสู่พนักงานฝึกงานใน ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ร่วมกระตุ้นตลาดค้าปลีกและร่วมดึงดูดกลุ่มแฟนๆ ที่เป็นฐานแฟนคลับ

อีกทั้งในช่วงที่ภาครัฐออกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2568 กับ  Easy E-Receipt 2.0 ทำให้ได้ร่วมนำเสนอสินค้า โอท็อป​ (OTOP) และจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวน 750 รายการ เข้าร่วมโครงการ

สำหรับสินค้าที่เข้ามาร่วมมีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ของทานเล่น และข้าวของเครื่องใช้ โดยมีการทำป้ายสัญลักษณ์ที่ชั้นวางสินค้าว่าสินค้านี้เป็นสินค้า OTOP ลดหย่อนภาษีได้ 

จึงต้องจับตาว่า การเข้าร่วมโครงการของ ซีพี ออลล์ และเซ็นทรัลรีเทล รวมถึงค้าปลีกรายอื่นๆ ในตลาดครั้งนี้ จะผลักดันยอดขายในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ขยายตัวไปในทิศทางใด ท่ามกลางปัจจัยที่ต้องติดตามกับภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังคงตรึงตัวสูงในกลุ่มลูกค้าระดับล่าง ! ยังไม่กลับมาฟื้นตัว