‘เวิร์คพอยท์’ เลิกผลิตละคร ลดคน ปรับแผนโต ชู T-Pop จัดอีเวนต์ต้องกำไร 20-25%
![‘เวิร์คพอยท์’ เลิกผลิตละคร ลดคน ปรับแผนโต ชู T-Pop จัดอีเวนต์ต้องกำไร 20-25%](https://image.bangkokbiznews.com/uploads/images/md/2024/12/UtrXFhIBIWzAHPEiyy2T.webp?x-image-process=style/LG)
ธุรกิจสื่อดั้งเดิม “ทีวีดิจิทัล” ยังคงต้องฮึด! ในการสร้างรายได้จากการขายโฆษณา ท่ามกลางพฤติกรรมผู้บริโภคเสพสื่อที่เปลี่ยนไป ดูจอแก้วน้อยลง ส่วน “ลูกค้า” ที่เป็นนักการตลาด แบรนด์ เจ้าของสินค้าต่างๆ หันไปเปย์งบผ่านสื่อใหม่ที่วัดผลได้ และทรงพลังมากขึ้น
“เวิร์คพอยท์” เป็นอีกค่ายทีวีดิจิทัล ที่มุ่งมั่นปรับตัว เพื่อสร้างการเติบโต ทว่า ผลประกอบการยังมีความท้าทาย เพราะไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 509.7 ล้านบาท “ลดลง 17%” จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ “ขาดทุน” 17.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 218 ล้านบาท ทำให้ 9 เดือน มีรายได้รวม 1,612.4 ล้านบาท “ลดลง 13%” มี “กำไรสุทธิ” 41.2 ล้านบาท “ลดลง 55%”
สุรการ ศิริโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินการลงทุน และ ชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานดิจิทัล บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด(มหาชน) ให้มุมมองว่า ช่วงไตรมาส 4 สถานการณ์ของเม็ดเงินโฆษณาทางทีวีมีการปรับตัว “ลดลงมาก” เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดการณ์ภาพดังกล่าว จะส่งผลต่อเนื่องถึงปี 2568
เม็ดเงินโฆษณาทางทีวีที่ลดลงยังเกิดขึ้นในไตรมาส 3 ด้วย ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายเงินของลูกค้าที่ซื้อโฆษณาเกิดจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว
“ไตรมาส 4 เป็นช่วงโลว์ซีซันของการใช้จ่ายเม็ดเงินโฆษณา เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 และตัวเลขของการใช้จ่ายเงินลูกค้าไตรมาส 4 น้อยลงมาก”
จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้เวิร์คพอยท์ คาดการณ์รายได้จากการขายโฆษณาปี 2568 จะอยู่ที่ 1,100 - 1,150 ล้านบาท ลดลง 5-10% จากปีนี้คาดจะปิดตัวเลขที่ 1,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทต้องเดินหน้าปรับตัว เพื่อสร้างการเติบโตธุรกิจ และหารายได้เพื่อ “ชดเชยรายได้โฆษณา” ที่จะลดลง โดยกลยุทธ์สำคัญมีดังนี้ 1.“ยุติ” การผลิตละคร ทำให้ต้องปิดแผนกธุรกิจละคร และ “เลิกจ้างพนักงาน” ในส่วนนี้ไป แผนนี้จะทำให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายราว 100 - 150 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกันโค้งสุดท้ายปี 2567 จะเดินหน้านำละครในสต๊อกมาออกอากาศให้หมดจำนวน 2 เรื่องครึ่ง ส่งผลให้ “ต้นทุนเพิ่ม” ในไตรมาส 4 ราว 30 - 40 ล้านบาท
จากผลิตละครป้อนช่องเวิร์คพอยท์ บริษัทยังคงเดินหน้ารับจ้างผลิตละครหรือเป็นคอนเทนต์โปรวายเดอร์ให้กับลูกค้าต่างๆ
สุรการ ศิริโมทย์
“แผนงานในอนาคต ปีหน้าจะไม่มีคอนเทนต์ละครในช่องเวิร์คพอยท์ เราเปลี่ยนกลยุทธ์เน้นผลิตรายการวาไรตี้ รายการเทเลอร์เมด พ่วงกิจกรรมออนกราวด์ การจัดอีเวนต์ต่างๆ ซึ่งทำให้รักษาฐานลูกค้าเดิมเพิ่มลูกค้าใหม่ เพราะลูกค้าแบรนด์ต่างๆ ต้องการใกล้ชิด พบเจอผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย”
2.รุกปั้นศิลปินที-ป๊อป(T-Pop) เสริมแกร่งธุรกิจบริหารจัดการศิลปินภายใต้ค่าย XOXO ENTERTAINMEN ขณะนี้ยังมีเด็กฝึกในสังกัด 24 ชีวิต คาดว่าจะปลุกปั้นเป็นศิลปินเดี่ยว ศิลปินกลุ่มทั้งบอยแบนด์ และเกิร์ลกรุ๊ปได้ประมาณ 2-3 กลุ่ม นอกจากนี้ ศิลปินในสังกัด ไม่ว่าจะเป็น 4EVE(โฟร์อีฟ) และ ATLAS(แอทลาส) ผนึกกับพันธมิตร เพื่อหาทางลุยตลาดต่างประเทศ และยัง “ร่วมทุน” กับ “เบิ้ล ปทุมราช” ตั้งบริษัท ดับเบิ้ลพอยท์ 98 จำกัด เพื่อปั้นศิลปินแนวเพลงอิสระหรืออินดี้ เพื่อรุกตลาด
ขณะที่การดึงคอนเสิร์ตจากต่างประเทศมาจัด ภายใต้บริษัท กรุงเทพ เอ็กซิบิชั่น จำกัด จะปรับกลยุทธ์ “ลดจำนวนงาน” เพราะตลาดดังกล่าวกลายเป็น “สงครามเดือด” หรือ Red Ocean ไปแล้ว มีศิลปินตบเท้ามาเปิดคอนเสิร์ต จัดอีเวนต์ แฟนมีทในไทยแน่นขนัด โดยบริษัทจะให้ความสำคัญกับการจัดคอนเสิร์ต T-Pop ศิลปินในสังกัดแทน ยังมีการจัดแสดงละครเวทีอย่างต่อเนื่อง
ชลากรณ์ ปัญญาโฉม
อย่างไรก็ตาม โจทย์การจัดอีเวนต์เอง และรับจ้าง คือ การ “ทำกำไรให้ได้ 20-25%” จากเดิมจัดงานเองกำไรอยู่ราว 10% ถึง 20% ปลายๆ โดยภาพรวมการจัดอีเวนต์ ปี 2568 จะมีราว 50 งาน
3.เดินหน้าผลิตภาพยนตร์ปีละ 2-3 เรื่อง ผ่าน “จังก้า” เบื้องต้นวางงบลงทุน 100-120 ล้านบาท 4.การผลิตรายการตามลูกค้าต้องการ(Tailar made) ซึ่งปัจจุบันมี 2 รายการ ได้แก่ Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ ของ “บางจาก” และ The MIX Master ของ “เนสกาแฟ” 4.ผนึกพันธมิตรแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์(OTT) ผลิตรายการป้อนคนดูเพิ่ม จาก 2 รายการ โอ้ละหนอ I Love เมืองไทย และ The MARK Soulmate ออกอากาศบน “เน็ตฟลิกซ์”
5.ผลิตคอนเทนต์ออนไลน์ ทั้งจาก “โคตรคูล” และจากบริษัทร่วมทุนกับ “เบิ้ล ปทุมราช” และ 6.จับมือพาร์ตเนอร์ใช้เวลาออกอากาศทางทีวี(Airtime) พัฒนาสินค้ามาจำหน่ายอีก 2 หมวด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และอาหาร จากปัจจุบันมี 2 สินค้า คือ น้ำหวาน HELLO BOY และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแอสตาเซีย
“เหล่านี้เป็นกลยุทธ์การเคลื่อนธุรกิจช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทว่า จากแผนข้างต้นจะส่งผลให้รายได้ปี 2568 อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท และทำกำไรสัดส่วน 2-3% เพราะยังมีการใส่เงินลงทุนฝึกศิลปิน 24 คนในปีหน้า เป็นต้น”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์