การเข้าซื้อ 7-Eleven จะจบลงอย่างไร? | พสุ เดชะรินทร์

ข่าวความพยายามในการเข้าซื้อกิจการบริษัท Seven & i Holdings ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ 7-Eleven โดยบริษัท Alimentation Couche-Tard จากแคนาดามีมาอย่างต่อเนื่อง และน่าจะใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าจะยุติ จนน่าจับตามองว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงอย่างไร?
Alimentation Couche-Tard (ACT) ตั้งในปี 2523 มีแบรนด์หลัก ได้แก่ Circle K (ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาในหลายประเทศทั่วโลก) Couche-Tard (ในแคนาดา) และ Holiday Stationstores (ในอเมริกา) ปัจจุบัน ACT มีสาขารวมกันกว่า 16,700 สาขาใน 31 ประเทศทั่วโลก
Seven & i Holdings ก่อตั้งในปี 2547 เป็นเจ้าของ 7-Eleven ที่ปัจจุบันมีมากกว่า 80,000 สาขาทั่วโลก และยังเป็นเจ้าของอีกหลายธุรกิจในญี่ปุ่น ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า Loft ร้านอาหาร การให้บริการทางการเงิน ฯลฯ
จริงๆ 7-Eleven เริ่มต้นจากอเมริกา มีบริษัทแม่คือ Southland Corporation ต่อมาบริษัทประสบปัญหาเนื่องจากขยายตัวและกู้ยืมมากเกินไป
จนในปี 2534 Ito-Yokado บริษัทค้าปลีกของญี่ปุ่น และเป็นผู้ดำเนินงาน 7-Eleven ในญี่ปุ่น เข้าไปถือหุ้นใน Southland 70% ทำให้ได้รับสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของแบรนด์ 7-Eleven ทั่วโลก จึงตั้งบริษัท Seven & i Holdings เพื่อเป็นบริษัทโฮลดิ้งและนำทั้ง 7-Eleven และ ธุรกิจอื่นๆ ของ Ito-Yokado มาอยู่ภายใต้ Seven & i
Seven & i มีสาขา รายได้ หรือ สินทรัพย์ที่มากกว่า ACT แต่มูลค่าของ ACT กลับสูงกว่า Seven & i แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเห็นถึงมูลค่าและโอกาสในการเติบโตของ ACT มากกว่า
โดย ACT จะเน้นแต่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ขณะที่ Seven & i มีธุรกิจที่หลากหลายและหลายธุรกิจเช่นห้างสรรพสินค้าก็จะมีอัตราส่วนของกำไรที่ต่ำ นอกจากนี้ ACT ยังเน้นการเติบโตโดยการเข้าควบรวมกิจการ เพื่อทำให้เกิดข้อได้เปรียบจากขนาดและมี Synergy เกิดขึ้น
ประกอบกับ 7-Eleven ในอเมริกาประสบกับปัญหาเงินเฟ้อและส่งผลต่อยอดขาย ซึ่งส่งผลต่อบริษัทแม่ในญี่ปุ่นด้วย ราคาหุ้นของ Seven & i Holdings ได้ลดต่ำลง 13% ในรอบปีที่ผ่านมา ก่อนที่ทาง ACT จะทำข้อเสนอซื้อเข้าไป
นอกจากนี้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาทาง Seven & i ก็ประกาศปรับลดประมาณการกำไรของปีนี้ลงจากเดิมถึง 40% โดยระบุว่าได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ
ACT ต้องการซื้อ Seven & i เพราะจะนำไปสู่โอกาสในการเติบโต การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การสร้าง Synergy ระหว่างธุรกิจ รวมถึงการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ เช่น ภูมิภาคเอเชียที่ Seven & i มีความเชี่ยวชาญ
ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาทาง ACT ทำคำขอเสนอซื้อที่ $39 billion ซึ่งทาง Seven & i Holdings ก็ตอบปฏิเสธกลับมาด้วยสาเหตุของมูลค่าที่ต่ำเกินไป
เมื่อเดือนตุลาคม ACT ก็ยื่นคำเสนอซื้อเข้ามาใหม่ที่ $47 billion ทางกลุ่มตระกูล Ito ที่เป็นผู้ก่อตั้งและถือหุ้นใหญ่สุดใน Seven & i ก็ตอบโต้ด้วยความพยายามที่จะระดมเงินให้ได้ $52 billion เพื่อทำเรื่องขอซื้อหุ้นของ Seven & i ออกจากตลาด (หรือ Management Buyout)
ถึงแม้ผู้บริหารของ ACT ก็ประกาศว่าไม่ได้ต้องการเข้าไปซื้อ Seven & i ในรูปแบบของ Hostile Takeover แต่ต้องการเข้าไปซื้อแบบเป็นมิตร (Hostile Takeover การครอบงำกิจการอย่าง “ไม่เป็นมิตร” เป็นการเข้าถือหุ้นของกิจการเป้าหมาย โดยฝ่ายผู้ถือหุ้นเดิมนั้น ไม่ได้เห็นชอบและไม่ยินยอม)
นอกจากนี้ จากแรงกดดันของ ACT ก็ทำให้ผู้บริหาร Seven & i ต้องปรับเปลี่ยนองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการเติบโต โดยเริ่มมีแนวคิดที่จะขายธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดกำไรออกไป และปรับโครงสร้างระหว่างธุรกิจต่างๆ ใหม่
ต้องติดตามว่าเรื่องราวครั้งนี้จะจบลงอย่างไร ซึ่งถ้าสำเร็จ (ไม่ว่าจะเป็นการเข้าควบรวมกิจการหรือ Management Buyout) ก็จะถือเป็นดีลที่มีมูลค่าสูงสุดดีลหนึ่งเลยทีเดียว และก็เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับธุรกิจอื่นๆ ที่มีศักยภาพที่ดี แต่ไม่ได้บริหารธุรกิจให้เต็มศักยภาพว่า อยู่ดีๆ วันหนึ่งอาจจะมีคนอื่นมาขอซื้อธุรกิจไปเพื่อบริหารให้ดีขึ้นก็ได้.