คนซื้อกินเกิน 1 ล้านแก้ว/วัน! ‘Café Amazon’ ยอดพุ่ง รวมทั้งปีขายไปแล้ว 299 ล้านแก้ว
รสชาติไม่ซ้ำ แต่ครองใจคอกาแฟแข็งแกร่ง! “OR” เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี พบ ธุรกิจค้าน้ำมันกำไรลดลง ส่วนพอร์ชันไลฟ์สไตล์โตพุ่ง 8.1% ชี้ “Café Amazon” ยอดขายเกินเป้า ทะลุมากกว่า “1 ล้านแก้ว/วัน” รวม 9 เดือน ขายไปแล้ว 299 ล้านแก้ว!
ยักษ์ค้าน้ำมันอย่าง “ปตท.” หรือ “OR” ครองแชมป์บริษัทรายได้สูงสุดในประเทศมาหลายปีซ้อน สำหรับปีนี้หลังจากผ่านไปแล้วเกินครึ่งทาง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการ โดยระบุว่า 9 เดือนแรกของปี 2567 ทำรายได้ไปทั้งสิ้น “538,054 ล้านบาท” ลดลงจากปีก่อนหน้าในช่วงเวลาเดียวกันราว 6.8%
ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ “4,651 ล้านบาท” ลดลงจากปีก่อนหน้า 57.3% หากแยกย่อยกลุ่มธุรกิจจะพบว่า ธุรกิจ “Mobility” มีผลประกอบการลดลง โดยให้เหตุผลว่า เป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับสภาพการแข่งขันที่ดุเดือด รวมถึงปริมาณการขายที่ลดลงด้วย
ทว่า ส่วนที่น่าสนใจ คือธุรกิจ “Lifestyle” โดย “ดิษทัต ปันยารชุน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง รายได้เพิ่มขึ้น 8.1% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอีก 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า คาดว่า มาจากการลงทุนขยายสาขาใหม่ๆ เพิ่มเติม แม้ว่าพอร์ชันนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการยุติกิจการเขนไก่ทอด “เท็กซัส ชิคเก้น” (Texas Chicken) ทำให้มีค่าใช้จ่ายพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีก “552 ล้านบาท” แต่กลุ่มธุรกิจนี้ก็ยังมีนัยสำคัญต่อการเติบโตของเครือ OR
หากนับเฉพาะกลุ่มธุรกิจ “Lifestyle” เครือ OR มีร้านค้าปลีกและเครื่องดื่มในเครือทั้งหมด 3 แบรนด์ ได้แก่ “Café Amazon” “Pearly Tea” และ “Pacamara Coffee Roasters” ร้านที่มีจำนวนสาขามากที่สุดและเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากที่สุด อย่าง “Café Amazon” พบว่า มียอดขายทะลุเป้า จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 1 ล้านแก้วต่อวัน ปรากฏว่า 9 เดือนแรกของปีนี้ ร้านกาแฟนกแก้วมียอดขายรวมกันมากถึง “299 ล้านแก้ว” เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 8.3%
หรือพูดให้ชัดกว่านั้น ก็คือ “Café Amazon” ขายได้เฉลี่ยเดือนละ “33 ล้านแก้ว” เท่ากับขายได้ราวๆ “1.1 ล้านแก้วต่อวัน” นับว่า เป็นสัดส่วนที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขสาขาของร้านเมื่อต้นปี 2567 อยู่ที่ 4,277 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 270 แห่ง แต่ถึงแม้จะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี “OR” ก็ยอมรับว่า ตอนนี้มีการพิจารณาแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมมากขึ้น สะท้อนจากการตัดสินใจปิดกิจการ “เท็กซัส ชิคเก้น” ซึ่งเชื่อว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะเป็นผลดีกับธุรกิจในระยะยาวได้
ทั้งนี้ สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 “OR” คาดการณ์ว่า ทุกกลุ่มธุรกิจในเครือจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมถึงความคึกคักช่วงส่งท้ายปีที่จะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดจากการเดินทาง ซึ่งจะส่งผลดีกับทุกกลุ่มธุรกิจในเครือตั้งแต่ปั๊มน้ำมัน การขายน้ำมันอากาศยาน รวมถึงธุรกิจค้าปลีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทุนในธุรกิจค้าปลีก ก่อนหน้านี้ “ดิษทัต” เคยเปิดเผยในงานเปิดตัว “OR Space รามคำแหง 129” ว่า มีแผนสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาทดแทน แง้มว่า อีกไม่เกิน 4 เดือน คงได้เห็นแบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่แทนที่ “เท็กซัส ชิคเก้น” ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน