“โฮมโปร” ส่ง 4 สาขา ชูโมเดล "ไฮบริดรวมเมกาโฮม" เรือธงชิงตลาด ดึงลูกค้า
กางแผน “โฮมโปร” รับมือกำลังซื้อซึม โหมหนักไตรมาสสี่ เปิด 4 สาขา เน้นโมเดล ไฮบริดที่รวมโฮมโปร เมกาโฮม ด้วยกัน ใช้งบลงทุน 400-500 ล้านบาทต่อสาขา เร่งจัดโปรโมชั่นถี่ ดึงทราฟฟิกช่วงไฮซีซันโต
ส่องตลาดค้าปลีกกลุ่มก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านในปี 2567 มีมูลค่าประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท จากการประเมินของ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย โดยตลาดในปีนี้ได้รับปัจจัยลบจากตลาดอสังหาริมทรัพย์และโครงการลงทุนใหม่ของภาครัฐที่ชะลอตัวลง ทำให้ตลาดมีความไม่สดใสเหมือนปีก่อนๆ กระทบต่อผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ที่ต้องเร่งปรับแผนรับมือตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึง บิ๊กคอร์ปรายใหญ่ในตลาดโดย “โฮมโปร” ได้เร่งแผนรุกตลาดอย่างหนักในช่วงไตรมาสที่สี่ เพื่อกระตุ้นให้กำลังซื้อกลับมาเติบโตต่อเนื่อง
"รักพงศ์ อรุณวัฒนา" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ กลยุทธ์ และความยั่งยืนองค์กร บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ประเมินภาพรวม ตลาดสินค้าของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ในช่วงไตรมาสที่สี่ ยังเผชิญความท้าทายในเรื่องภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อและหนี้ครัวเรือน ทำให้ผู้ประกอบการต่างวางแผนและกลยุทธ์รับมือปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ
สำหรับ "โฮมโปร" ที่อยู่ในตลาดมาร่วม 28 ปี มุ่งทำตลาดในไตรมาสที่สี่ ผ่านการทำกิจกรรมการตลาด การทำโปรโมชั่น รวมถึงมีการลดราคาสินค้า พร้อมขยายช่องทางทำตลาดผ่านออนไลน์ ร่วมกระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มลูกค้า ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการใช้จ่ายของลูกค้าเริ่มกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่สี่ ทั้งจากสาขาของโฮมโปรและเมกาโฮม
“ในปีนี้บริษัทได้ครบรอบ 28 ปีแล้ว จึงเน้นทำกิจกรรมการตลาดอย่างเข้มข้น การทำโปรโมชั่น ร่วมลดราคาสินค้า เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และการดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการในแต่ละสาขา”
อีกแนวรุกทำตลาดไตรมาสที่สี่กับการเปิดสาขาใหม่รวม 4 สาขา แบ่งเป็น โฮมโปร 3 สาขา มีขนาดพื้นที่ประมาณ 7,000-8,000 ตร.ม. และเมกาโฮม 1 สาขา มีขนาดพื้นที่ประมาณ 10,000-13,000 ตร.ม. โดยวางรูปแบบการเปิดเป็นสาขาไฮบริดประมาณ 2 สาขา อยู่ในรูปแบบรวมสาขาของโฮมโปรและเมกาโฮมมาไว้ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งใช้งบลงทุนเปิดสาขาประมาณ 400-500 ล้านบาทต่อสาขา
แนวรุกการขยายสาขาใหม่ สอดรับกับช่วงไตรมาสที่สาม มีการขยายสาขาใหม่ 3 สาขา ทั้งโฮมโปร และเมกาโฮม มาในรูปแบบไฮบริดทั้งหมด
ทำให้ภาพรวมบริษัทในช่วงไตรมาสที่สาม มีสาขาของโฮมโปร ในประเทศไทยรวม 92 สาขา โฮมโปร เอส ฟอร์มแมท ขนาดเล็ก 5 สาขา มุ่งเน้นเปิดอยู่ในห้าง ส่วนเมกาโฮม 29 สาขา และมีสาขาในประเทศมาเลเซีย ที่เป็นโฮมโปรรวม 7 สาขา ทั้งนี้จากการรุก ขยายสาขาใหม่ตลอดปี ทำให้ประเมินภาพรวมสิ้นปี 2567 มีสาขารวมเปิดให้บริการทั้งหมด 137 สาขาทั่วประเทศ
เรือธงของสินค้า มุ่งนำเสนอสินค้าที่เป็นเฮ้าส์แบรนด์ หรือ ไพรเวทแบรนด์ โดยปัจจุบันมี 36 แบรนด์ จำนวนรวม 15,000 เอสเคยู สำหรับสินค้ากลุ่มนี้มีกำไรมากกว่าปกติ 10-15% มุ่งขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้า ทำให้คาดว่า ภาพรวมยอดขายในสิ้นปีนี้ จะมาจาก ไพรเวทแบรนด์ คิดเป็นสัดส่วน 21% ของยอดขายรวม
ทางด้านการทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้มีการรุกขยายแบรนด์ไปในแพลตฟอร์ม ติ๊กต๊อก (TikTok) มีการไลฟ์สด ทำให้ภาพรวมยอดขายมาจาก ช่องทางออฟไลน์ประมาณ 92-93% และมาจาก ออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ 7-8%
อย่างไรก็ตาม แผนในปี 2568 ต้องการเปิดสาขาใหม่ประมาณ 7-8 สาขา รวมทั้งโฮมโปรและเมกาโฮม โดยใช้งบลงทุนก่อสร้างประมาณ 400-500 ลบ. ต่อสาขา ไม่รวมค่าที่ดิน ซึ่งการเลือกทำเลใหม่มีทีมในการศึกษา มุ่งที่มีตลาดและมีกลุ่มลูกค้า รวมถึงเป็นอำเภอที่มีศักยภาพ
สำหรับภาพรวมผลประกอบการในช่วงไตรมาสสาม 2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 1.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 2.73% และมีกำไรสุทธิ 1,442 ล้านบาท ลดลง 5.94% มาจากการได้รับผลกระทบจากทั้งภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อที่ลดลง หนี้ครัวเรือน รวมถึงฤดูฝน และผลกระทบจากน้ำท่วมมีผลต่อลูกค้าในพื้นที่ดังกล่าวที่มีทราฟฟิกลดลง รวมถึงสาขาโฮมโปร ราชพฤกษ์ ที่เป็นสาขาหลักสร้างรายได้ลำดับต้นๆ มีการปรับปรุงถนนหน้าสาขา ทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการลดลง