‘สตาร์บัคส์’ มองร้านกาแฟยังโต ลุยเปิด 30 สาขาต่อปี ย้ำไม่เลิก ‘โปรฯ 1 แถม 1’

ล่าสุด สตาร์บัคส์ ได้เปิดสาขาใหม่ภายในอภิมหาโปรเจคแสนล้านอย่าง “วัน แบงค็อก” ซึ่งมีร้านทั้งสิ้น 3 สาขา ทว่า ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การเปิดร้านคอนเซปต์สีเขียวที่ใหญ่สุดในประเทศไทย Greener Store และยังเป็นโมเดล “สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ” แฟล็กชิปสโตร์แห่งที่ 4 ต่อจากสาขาสยามสแควร์วัน เซ็นทรัลเวิลด์ และไอคอนสยาม

เนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ฉายภาพว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของสตาร์บัคส์ โดยเฉพาะการเปิดร้านใหม่แต่ละปีอยู่ที่ 30 สาขา และช่วงโค้งสุดท้ายปีจะเดินหน้าเปิดร้านอีก 5 สาขา เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ขณะที่ล่าสุดได้ปักหมุดทำเลทองในโครงการวัน แบงค็อก เมืองใจกลางมหานคร จึงออกแบบ ดีไซน์ร้านให้กลมกลืนกับโครงการ สร้างความมีชีวิตชีวา ความคักคักให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ

นอกจากนี้ ยังนำวัฒนธรรมกาแฟ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไร่กาแฟมาสร้างบรรยากาศ ที่ขาดไม่ได้คือ การคงคอนเซปต์บ้านหลังที่ 3 หรือ Third Place รองรับผู้คนที่หลากหลายในการเข้ามาใช้บริการ พร้อมทั้งเป็น “สาขาแรก” ที่มี “Condiment Bar” ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมให้ลูกค้าเทเครื่องดื่มที่เหลือทิ้งในที่ที่เหมาะสม และ “ล้างแก้ว” ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยให้การนำขยะไปรีไซเคิลได้ดียิ่งขึ้น

จุดเด่นของ “สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก” ยังเดินหน้าสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าต่อเนื่อง ทั้งการชงด้วยเครื่อง OVISO ที่มองแทบไม่เห็นเครื่อง และเป็นสาขาที่ 3 ในการชงกาแปรูปแบบดังกล่าว ในร้านยังมีขนมที่เป็นจุดขาย และเพิ่มเติมคือเมนู “ซุป” และ “พาสต้า” เสิร์ฟลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น

“ด้านการมอบประสบการณ์ให้ลูกค้า สตาร์บัคส์ยังทำหลายมิติ ทั้งการการชงกาแฟด้วยเครื่อง OVISO ให้บาริสต้า สื่อสารกับลูกค้าได้มากขึ้น รวมถึงการเสิร์ฟนวัตกรรมเครื่องดื่มสำหรับคนรักกาแฟ และชื่นชอบชาโดยมีบาร์ทีวาน่าให้บริการ เป็นต้น”

สำหรับ สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก มีพื้นที่ 860 ตารางเมตร(ตร.ม.) รองรับลูกค้าเข้ามาใช้บริการสูงสุด 230 ที่นั่ง แบ่งโซนเครื่องดื่มต่างๆ เช่น 1.บาร์เครื่องดื่มหลัก เสิร์ฟกาแฟ เมนูซิกเนเจอร์ต่างๆ 2.บาร์ Starbucks Reserve™ 3.บาร์ Mixologist บาร์ที่นำเสนอนวัตกรรมและการผสมเครื่องดื่มไว้อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะ “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” หลากแบรนด์จากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) 4.ห้องประชุม 2 ห้อง รักษาคอนเซปต์ The Third Place หรือ บ้านหลังที่สาม พื้นที่ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน เป็นต้น

ภาพรวมตลาดกาแฟปี 2567 ยังมีการเติบโต และต่อเนื่องถึงปี 2568 เห็นจากร้านกาแฟที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทำให้บริษัทจึงมองโอกาสขยายสาขาในระยะยาว ปัจจุบันร้านสตาร์บัคส์ที่ขายดีอยู่ในทำเลสนามบิน และร้านที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เป็นต้น

“เศรษฐกิจมีความท้าทายทั่วโลก รวมถึงไทย เราเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด และสถานการณ์การเมือง ตลอดจผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย แต่ในธุรกิจร้านกาแฟ ภาพรวมยังมีความคึกคัก จากมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามา นำเสนอนวัตกรรมต่างๆ และตลาดมีการแข่งขันสูง แต่ยังเชื่อว่าตลาดร้านกาแฟยังไปต่อได้”

ที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ ระดับโลก มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เมื่อ “ซีอีโอใหม่” อย่าง “Brian Niccol” นำทัพธุรกิจ ซึ่งการขับเคลื่อน และนโยบายของธุรกิจกาแฟมีทิศทางอย่างไร “เนตรนภา” ระบุว่า หลังซีอีโอ Brian ได้แสดงวิสัยทัศน์ในภาพกว้าง ภาพรวมของสตาร์บัคส์ ยังมุ่งเน้นธุรกิจหลักอย่างเปิดร้านกาแฟ การนำพาแบรนด์ไปสร้างแรงบันดาลใจ สร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการสร้าง Human Connection ผ่านผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มทุกแก้ว

“แนวนโยบายการดำเนินธุรกิจยังไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งการมุ่งสู่ความยั่งยืน การสร้าง Human Connection จากผลิตภัณฑ์ที่ดีของเครื่องดื่มทุกแก้ว”

ส่วนกลยุทธ์การตลาดของสตาร์บัคส์ ในประเทศไทย โดยเฉพาะโปรโมชั่น 1 แถม 1 ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสจะยกเลิก

“โปรโมชั่น 1 แถม 1 ของสตาร์บัคส์ อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่เราจะไม่ทำบ่อย จะทำเพื่อให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายคิดถึง และกระตุ้นการสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้ลองมาชิม ซึ่งโปรโมชั่น 1 แถม 1 จะยังมีอยู่”

ด้านการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน สตาร์บัคส์ มีการตั้งเป้าหมายการอนุรักษ์น้ำ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลดขยะ และการใช้วัสดุอย่างรับผิดชอบ สอดรับเป้าหมายระดับโลกในการรับรอง Greener Stores 10,000 แห่งภายในปี 2568 และมุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้น้ำ และขยะฝังกลบลง 50% ภายในปีพ.ศ. 2573

ภารกิจการ “ลดขยะ” ยังกลับมาปลุกให้ผู้บริโภคนำแก้วส่วนตัวมาใส่เครื่องดื่มเอง ซึ่งปี 2567 ผู้คนกลับมาใช้แก้วส่วนตัวกว่า 1.6 ล้านแก้ว หรือกลับมา 50% เทียบกับก่อนโควิดที่นำแก้วส่วนตัวมาใส่เครื่องดื่มกว่า 3 ล้านแก้