‘สรวงศ์’ ระดมสมองผู้บริหาร ‘ททท.’ ปลุก ‘ไทย’ ทวงผู้นำท่องเที่ยวโลก
'สรวงศ์' ระดมสมองทัพผู้บริหาร 'ททท.' จาก 74 สำนักงานทั้งในไทยและต่างประเทศ ปลุก 'ไทย' ทวงตำแหน่งผู้นำท่องเที่ยวโลก กระตุ้นความเชื่อมั่น รัฐพร้อมส่งเสริมลงทุนแหล่งท่องเที่ยวแมนเมด และดึงอีเวนต์ระดับโลกมาปักหลักในไทย มั่นใจ Q4 ปีนี้ขนทัวริสต์ต่างชาติได้อีก 10 ล้านคน
บ่ายวานนี้ (3 ต.ค.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก (World Class Destination) ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงและตัวแทนสำนักงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จากในประเทศ 45 สำนักงาน และต่างประเทศ 29 สำนักงาน รวมทั้งหมด 74 สำนักงานเป็นครั้งแรก ณ ห้องนภาลัย แกรนด์ บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ
นายสรวงศ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้รับฟังข้อมูลแนวทางผลักดันภาคการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตต่อไปจาก ททท. ซึ่งสอดรับกับนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่มุ่งเน้นส่งเสริมประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกอีกครั้ง พร้อมให้ความเชื่อมั่นว่าภาครัฐพร้อมส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวไทย เช่น ส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแบบมนุษย์สร้าง (Manmade Destination) รวมถึงการดึงอีเวนต์ระดับโลกมาปักฐานในเมืองไทยให้มากขึ้น
แอร์ไลน์โหมเพิ่มเที่ยวบินไฮซีซัน
นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานจาก ททท.เกี่ยวกับการเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้าไทยมากขึ้นในช่วงตารางบินฤดูหนาว 2024/2025 ครอบคลุมหลายตลาดทั้งภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ รวมถึงภูมิภาคยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา หลังจากมีการยกเลิกเที่ยวบินไปในช่วงโควิด-19 ระบาด อาทิ จากสหราชอาณาจักร แคนาดา และอิตาลี
การเพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศถือเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติในไฮซีซันไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.) ปีนี้ เฉพาะการเดินทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ พบว่าปัจจุบันมีผู้โดยสารเพิ่มจากวันละ 1 แสนคน เป็นแตะวันละ 2 แสนคนแล้ว จึงประเมินว่าน่าจะช่วยหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดปี 2567 รวมแล้วไม่น้อยกว่า 36.7 ล้านคน สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาทได้ตามเป้าหมาย
9 เดือนแรก “ต่างชาติเที่ยวไทย” ทะลุ 26 ล้านคน
หลังจากสถิติ 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) ตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ระบุว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยสะสมแล้ว 26,088,855 คน เพิ่มขึ้น 30% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 1,218,689 ล้านบาท
โดยตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 อันดับแรกที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด ได้แก่ 1.จีน 5,254,764 คน 2.มาเลเซีย 3,742,474 คน 3.อินเดีย 1,536,196 คน 4.เกาหลีใต้ 1,382,785 คน 5.รัสเซีย 1,159,758 คน 6.ลาว 899,576 คน 7.ไต้หวัน 813,255 คน 8.เวียดนาม 786,032 คน 9.ญี่ปุ่น 762,648 คน และ 10.สหรัฐ 707,104 คน
“เมื่อช่วง 9 เดือนแรกมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมมากกว่า 26 ล้านคนแล้ว เท่ากับว่าในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ต้องดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยให้ได้อีกไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน เพื่อผลักดันยอดรวมให้ได้ตามเป้าหมาย 36.7 ล้านคน” นายสรวงศ์กล่าว
ทั้งนี้คาดว่าในปี 2568 จะมีปริมาณที่นั่งโดยสารเส้นทางบินระหว่างประเทศฟื้นตัว 100% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิดระบาด จากปัจจุบันที่หลายสายการบินนำร่องด้วยการเปิดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) เข้าไทยก่อน แล้วเร่งทำตลาด เพิ่มศักยภาพเป็นเที่ยวบินประจำในที่สุด
“เราจะมุ่งเน้นการนำประเทศไทยกลับมาเป็นจุดปลายทางสำคัญของโลกอีกครั้ง อะไรที่ภาครัฐส่งเสริมได้ก็จะเดินหน้าต่อเนื่อง เช่น การเจรจาในแง่มุมต่างๆ เพื่อดึงอีเวนต์ระดับโลกเข้ามาจัดในไทย ทั้งนี้มองว่าอุปสรรคในการทำตลาดต่างชาติเที่ยวไทย ยังคงเป็นเรื่องงบประมาณในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ซ่อมสร้างสิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อดึงดูดคนมาเที่ยวมากขึ้น”
ด้านสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง ยังไม่มีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว หลังจากสำรวจเที่ยวบินและการยกเลิกการจองโรงแรมล่วงหน้าที่ยังไม่มีรายงานเข้ามา ส่วนปัจจัยเงินบาทแข็งค่า จากการติดตามล่าสุดยังไม่มีผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือการจองเข้าพักล่วงหน้าลดลงแต่อย่างใด
“เราเที่ยวด้วยกัน” คิกออฟโลว์ซีซันปี 68
นายสรวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความคืบหน้าของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่จะนำกลับมาทำใหม่อีกครั้ง เบื้องต้นไม่ทันในปี 2567 อย่างแน่นอน เพราะต้องอาศัยงบประมาณซึ่งต้องรอพิจารณาอนุมัติจากรัฐบาลอีกครั้งว่าขนาดโครงการจะใหญ่มากน้อยเท่าใด โดยแนวคิดของการปัดฝุ่นโครงการนี้ ต้องการใช้เป็นตัวกระตุ้นท่องเที่ยวตลาดในประเทศที่มีการเดินทางน้อยในช่วงโลว์ซีซันมากกว่า ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2568 เป็นต้นไป เพราะช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ถือว่าเข้าไฮซีซัน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาตินิยมเดินทางจำนวนมากอยู่แล้ว
“ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ จะมีการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวผ่านแคมเปญต่างๆ เช่น วินเทอร์ เฟสติวัล และอีเวนต์อื่นๆ ที่เหลืออยู่ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการเดินทาง”
ไฮซีซัน Q4 ปัจจัยท้าทายรุมเร้าท่องเที่ยว
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเสริมว่า แนวโน้มสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยในไตรมาส 4 ปีนี้ มีปัจจัยท้าทายรอบด้าน ทั้งผลกระทบจากน้ำท่วมในประเทศไทยและภัยพิบัติในหลายประเทศ สงครามในตะวันออกกลาง รวมถึงปัจจัยเงินบาทแข็งค่าที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยวบ้างแล้ว โดยเฉพาะในมุมผู้ประกอบการที่เริ่มเป็นกังวลหากเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ต้องทบทวนการกำหนดราคาสินค้าบริการเป็นสกุลเงินต่างๆ เพื่อบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ค่าเงิน อย่างไรก็ตามในภาพรวมการเดินทางของตลาดต่างชาติเที่ยวไทยจะยังเดินหน้าต่อไปได้
“ททท.พยายามเดินหน้าให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีปัจจัยบวกเป็นแรงหนุนจากสายการบินในหลายประเทศที่ฟื้นตัวกลับมา ทั้งเที่ยวบินตรงและเที่ยวบินเช่าเหมาลำ”
สำหรับช่วงหยุดยาววันชาติจีน ตั้งแต่วันที่ 1-7 ต.ค. เห็นแนวโน้มดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยแตะ 3 หมื่นคนต่อวัน ทำให้ช่วง 7 วันดังกล่าวน่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนทะลุ 2 แสนคน มากกว่าที่ประเมินไว้เดิมอยู่ที่ 1.3-1.8 แสนคน ซึ่งภาคเอกชนบริษัททัวร์สะท้อนตัวเลขมาว่ายอดจองกรุ๊ปทัวร์ช่วงวันชาติจีนนั้น เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 200% ด้วย