งานหนังสือระดับชาติ ชูอ่านยันโลกหน้า หวังนักอ่าน ปันเงินหมื่น เติมความรู้

งานหนังสือระดับชาติ ชูอ่านยันโลกหน้า หวังนักอ่าน ปันเงินหมื่น เติมความรู้

อุตสาหกรรมหนังสือผ่านยุครุ่งโรจน์ เผชิญดิสรัปชัน จากเทคโนโลยี ดิจิทัลมีบทบาทต่อนักอ่าน หนอนหนังสือที่เคยหยิบกระดาษ ไปอ่านคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มออนไลน์แทน ทว่า หนังสือก็ยังไม่เคยตายไป กลับยังมีความสำคัญ เพราะเป็น “รากฐาน” ของขุมทรัพย์ความรู้

ทุกปีงานใหญ่ของแวดวงหนังสือ สำนักพิมพ์คือ การจัดงาน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ” จัดต้นปี และ “งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ” จัดทิ้งท้ายปี และตุลาคม นี้ ถือเป็นครั้งที่ 29 ของงานมหกรรมหนังสือระดับชาติที่มาพร้อมกับธีม “อ่านกันยันโลกหน้า”

สุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ฉายภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมหนังสือ 9 เดือน เติบโต 5-10% อาจดูโตน้อย ทว่า การขยายตลาดไม่อยู่เพียงหน้าร้านหนังสือ แต่มีหน้าร้านออนไลน์บนแพลตฟอร์มของยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ ที่มีหนังสือมากมายพร้อมป้อนนักอ่านอย่างต่อเนื่อง

งานหนังสือระดับชาติ ชูอ่านยันโลกหน้า หวังนักอ่าน ปันเงินหมื่น เติมความรู้

ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี หนังสือประเภท How to มักจะขายดี โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ระบาด คนตกงานไม่น้อย จึงหาคลังความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตร เพาะเลี้ยงสัตว์ต่างๆ เพื่อหาเลี้ยงตัว ทว่า ปี 2567 หนังสือหมวดดังกล่าวหลุดโผท็อป 3 โดย 3 อันดับแรกที่นักอ่านชื่นชอบ ยืนหนึ่งยังเป็น “นวนิยาย” สัดส่วน 45% ตามด้วย มังงะ นวนิยายวัยรุ่นจากญี่ปุ่น(Light Novel) 27% และหนังสือสร้างพลังบวกหรือ Heal ใจผู้คน 17% และคู่มือเตรียมสอบ 9% ถือเป็นหนังสือจำเป็นต้องอ่าน และหนังสือทั่วไป 2%

“ปกติหนังสือ Heal ใจ ไม่เคยอยู่ท็อป 3 มาก่อน อาจเพราะเศรษฐกิจไม่ดี และผู้คนผ่านพ้นโควิด-19 ระบาด ต้องการเสริมพลังบวก ส่วนหนังสือ How to ไปอยู่ในหมวดทั่วไป เทียบกับตอนโควิด-19 ระบาดขายดีมาก”

งานหนังสือระดับชาติ ชูอ่านยันโลกหน้า หวังนักอ่าน ปันเงินหมื่น เติมความรู้

ขณะที่ มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 ได้รับงบสนับสนุนจากกระทรวงวัฒนธรรม 5.5 ล้านบาท ตามนโยบายขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ โดยจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 10-20 ต.ค.2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บนพื้นที่รวมกว่า 20,000 ตารางเมตร 

ทั้งนี้ ยังคงจัดเต็มกับหนังสือกว่า 2 ล้านเล่ม จาก 286 สำนักพิมพ์รวม 855 บูธ และมีอีกกว่า 100 กิจกรรม เพื่อเอาใจนักอ่าน มีไฮไลต์การพบปะนักเขียนดังอย่าง “จิ่วลู่เฟยเซียง” นักเขียนมือหนึ่งแห่งโลกเทพเซียน มีผลงานเลื่องชื่อ เช่น ปฐพีไร้พ่าย ทาสปีศาจ ล่าหัวใจมังกร, ของรักของข้าฯ ชิเน็น มิกิโตะ (Chinen Mikito) จากญี่ปุ่นเจ้าของผลงาน คดีฆาตกรรมในหอคอยกระจก คิม โฮ ยอน (Kim Ho-yeon) จากเกาหลีใต้ผู้เขียน ร้านไม่สะดวกซื้อของคุณทกโก และปีเตอร์ เอ.แจ็กสัน (Peter A. Jackson) จากออสเตรเลีย ผู้สร้างสรรค์ เทวา มนตรา คาถา เกจิ : ไสยศาสตร์ยุคใหม่กับทุน (ไทย) นิยม เป็นต้น

งานหนังสือระดับชาติ ชูอ่านยันโลกหน้า หวังนักอ่าน ปันเงินหมื่น เติมความรู้

“การจัดงานปีนี้ใช้ธีมอ่านกันยันโลกหน้า เพราะความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะภพชาติไหนก็อ่านได้ และงานปีนี้สมาคมฯ ไม่ได้มุ่งขายหนังสืออย่างเดียว แต่ต้องการให้นักอ่านมาร่วมกิจกรรมให้มาก”

สำหรับงานหนังสือปีนี้ คาดการณ์มีคนเข้าร่วมงาน 1.6 ล้านราย จากคราวก่อน 1.3 ล้านราย และจะมีเงินสะพัด 460-480 ล้านบาท เพิ่มจากงานคราวก่อนเงินสะพัด 400 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมหนังสือปี 2567 คาดการณ์มูลค่า 16,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม อีกประเด็นที่วงการหนังสือคาดหวัง คือ เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท ซึ่งเข้ากระเป๋าประชาชนกลุ่มเปราะบาง และคนพิการวันแรก ต้องการให้มาซื้อหนังสือกัน ทว่า พฤติกรรมของคนไทย เมื่อได้เงิน สิ่งแรกที่จะใช้จ่ายคือ "กิน-เที่ยว" 

จรัญ หอมเทียนทอง ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหนังสือ กล่าวว่า งานหนังสือปีนี้พยายามสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อดึงดูดนักอ่าน เช่น ออกแบบปกให้สวย เพราะเปรียบเสมือนหญิงสาวหน้าตาดี และนักอ่านจำนวนไม่น้อยซื้อเพราะปกเป็นองค์ประกอบการตัดสินใจ ยังมีพื้นที่ให้เด็ก เพราะโลกของเด็กเล็กใหญ่กว่าจักรวาล และเป็นสิ่งสำคัญในการวางรากฐานการอ่าน

งานหนังสือระดับชาติ ชูอ่านยันโลกหน้า หวังนักอ่าน ปันเงินหมื่น เติมความรู้

อย่างไรก็ตาม การจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติปีนี้ เป็นจังหวะที่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านราย วงเงินรวม 1.45 แสนล้านบาท วงการหนังสือมีความคาดหวังอย่างยิ่งที่ประชาชนจะใช้เงินบางส่วนมาซื้อหนังสือ

“ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี หนังสือจะเป็นสิ่งที่นำพาผู้คน นักอ่านไปสู่ความรุ่งเรืองได้อีกครั้ง เพราะหนังสือจะช่วยเพิ่มพูนความรู้ และเตรียมตัวรับ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว เราจะมีความเข้มแข็งในความคิดมากขึ้น ดังนั้นเมื่อรัฐปล่อยเงิน 1.45 แสนล้านบาท เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จึงคาดหวังนักอ่านจะนำเงิน 10,000 บาทรอบแรกที่ใช้จ่ายโดยไม่มีเงื่อนไข มาซื้อหนังสือ เสริมความรู้ มีความคิดเพื่อพัฒนาตนเองต่อไป”

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์