Gen Z ซื้อ ‘ของกินของใช้’ เยอะขึ้น เพราะโดนพ่อแม่-คนในครอบครัวใช้สั่งของแทน

อีคอมเมิร์ซไทยรั้งตำแหน่ง “รองแชมป์” ในภูมิภาค โตแบบ Double Digits ไปอีก 3 ปี พบสัดส่วน “ผู้หญิง” ช้อปปิ้งเสื้อผ้า-ความงามท่วมๆ ส่วน “Gen Z” ซื้อของกินของใช้เยอะมาก เพราะต้องสั่งของแทนพ่อแม่ ก่อนซื้อต้องแชทคุยกับร้านค้าก่อนถึงกดจ่ายเงิน
การซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ยังโตต่อเรื่อยๆ ในไทยเองพบว่า ปี 2566 มีมูลค่าตลาดสูงถึง “9.8 แสนล้านบาท” นับว่า เป็นตัวเลขที่สูงมาก มีศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งในระดับ “รองแชมป์” ของภูมิภาค เป็นรองจากอินโดนีเซียที่มีประชากรมากที่สุดในอาเซียนเท่านั้น ทั้งยังพบว่า เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2565 มากถึง 20%
“วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย บอกว่า เราจะเห็นการเติบโตในระดับนี้ไปอีก 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า สำหรับปีนี้ยังมีเทรนด์ที่น่าสนใจหลายส่วนด้วยกัน อย่างแรก คือสัดส่วนนักช้อปผู้หญิงมีการจับจ่ายเพิ่มขึ้นเยอะมาก โดยเฉพาะหมวดหมู่สินค้าแฟชั่นและความงาม
อย่างที่สอง คือสัดส่วน Gen Z ที่เพิ่มขึ้นมากถึง 35% สิ่งที่น่าสนใจ คือเหตุผลระหว่างบรรทัด เพราะ Gen Z ไม่ได้สั่งของให้ตัวเองเท่านั้น แต่เพราะต้องรับหน้าที่สั่งซื้อแทนพ่อแม่และคนในครอบครัวด้วย ทำให้ Gen Z กลายเป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจในการซื้ออย่างมีนัยสำคัญ
โดย “วาริสฐา” ยังบอกกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ด้วยว่า Gen Z เป็นกลุ่มที่มีเอนเกจเมนต์กับพ่อค้าแม่ค้ามากสุด เวลาจะซื้ออะไรต้องทักแชทถามรายละเอียดสินค้าให้แน่ใจก่อน ซึ่งสัดส่วนการพูดคุยกับร้านค้าของ Gen Z มากกว่าเจเนอเรชันอื่นๆ ถึง 8 เท่าด้วย
ส่วนสินค้าที่ได้รับความนิยมนอกจากหมวดเสื้อผ้าแฟชั่นและความงาม คือสินค้ากลุ่ม “FMCG” หรือสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค สินค้าเพื่อการใช้ในครัวเรือน รวมถึงของชำต่างๆ ก็เป็นส่วนที่ Gen Z ให้ความสนใจด้วย
นอกจากนี้ ผู้บริหารลาซาด้าได้เปิดเผยข้อมูลหลังบ้านในช่วงแคมเปญว่า สำหรับร้านค้าทางการ “LazMall” มีอัตราการเติบโตมากถึง 7 เท่าเมื่อเทียบกับวันธรรมดา มียอดขายสูงกว่าวันธรรมดาถึง 3 เท่า ส่วนร้านค้า SMEs ที่มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ
อาทิ “LOOKBOOK” แบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติไทยที่มียอดสั่งซื้อก้าวกระโดดในช่วงแคมเปญถึง 50 เท่า “Her Hyness” สกินแคร์พรีเมียม มียอดสั่งซื้อสูงกว่าวันธรรมดา 25 เท่า หรืออย่าง “Grey Scale” แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นก็มียอดขายโตแบบก้าวกระโดดกว่าวันธรรมดา
ส่วนของ “LazPayLater” โปรแกรมผ่อนชำระที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้ซื้อมีทางเลือกในการซื้อสินค้ามากขึ้น ผู้บริหารบอกว่า ได้รับฟีดแบ็กค่อนข้างดี โดยเฉพาะหมวดหมู่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้บริโภคนิยมใช้โปรแกรม “LazPayLater” เพราะมีระยะเวลาผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 40 วัน จากสัดส่วนที่อีคอมเมิร์ซเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น