สรุป 10 เรื่องฮอต ‘โอลิมปิก 2024’ สนั่นโซเชียล บทเรียนแบรนด์ ดีไซน์ บริหารคน!

‘โอลิมปิก ปารีส 2024’ รูดม่านอย่างสมบูรณ์เมื่อ 11 ส.ค. นับเป็นโอลิมปิกที่อัดแน่นด้วยความสนุก พลังงานหลากหลาย ประเด็นสังคมให้ได้ถกเถียง และมีมดังเรียกรอยยิ้มจากคนทั่วโลกในภาวะตึงเครียด ‘กรุงเทพธุรกิจ’ สรุป 10 เรื่องฮอต มอบบทเรียนเรื่องแบรนด์ ดีไซน์ การบริหารคน มาฝาก
1. ดราม่า “ชุดพิธีการ” ของนักกีฬาไทย อดชิงซีนแคตวอล์ก “ปารีส 2024”
“4 ปีมีครั้ง” หนึ่งในคีย์เวิร์ดที่ชาวเน็ตคอมเมนต์สนั่นโลกโซเชียลต่อประเด็นดราม่า “ชุดพิธีการ” ของนักกีฬาไทย ซึ่งต้องสวมใส่ในพิธีเปิดการแข่งขัน โอลิมปิก ปารีส 2024 วันที่ 26 ก.ค. ความพิเศษของปีนี้คือขบวนพาเหรดล่องเรือแม่น้ำแซนเป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร มุ่งหน้าไปยังหอไอเฟล พร้อมอวดสายตาแก่ผู้ชมทั่วโลก
หลังปรากฏภาพ “ชุดไทยผ้าไหมสีฟ้า” ที่ ปอป้อ-ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักกีฬาแบดมินตันคู่ผสมทีมชาติไทยเป็นแบบเปิดตัว ไวรัลทั่วโซเชียลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาประหนึ่งวาระแห่งชาติ! ส่วนใหญ่เห็นด้วยเรื่องการใช้ผ้าไทย แต่สิ่งที่อยากให้ต่อยอดคือดีไซน์ทันสมัย เป็นสากล ชนิดเห็นแล้วร้องว้าว! เพราะนี่คือ “โอกาสทอง” ในการประชัน “Soft Power แฟชั่นไทย” บนเวทีโลก ณ ใจกลางกรุงปารีส มหานครแห่งแฟชัน
หลายคนได้แต่บ่น “เสียดาย” ด้วยเมกะอีเวนต์ครั้งนี้ทุกประเทศมีเวลาเตรียมงานเท่ากัน ยิ่งได้เห็นประเทศอื่นๆ จับมือกับแบรนด์แฟชั่น เปิดตัวชุดพิธีการ ขนความพิเศษมากมายมาประชัน ตะโกนก้องถึงบิ๊กไอเดีย ดีไซน์ และสไตล์ ชนิดไม่มีใครยอมใคร
เพราะเห็นพ้องตรงกันว่าโอลิมปิกเป็นมากกว่ากีฬา! นี่คือหนึ่งในเวที “สร้างตัวตน” ว่าประเทศเราอยากสื่อสารอะไร และอยากให้โลกจดจำเราในแบบไหน
2. “พิธีเปิด” ทำถึง! เปิดเวทีถกเถียงอย่างสร้างสรรค์ นั่นแหละ “ฝรั่งเศส!”
ว่ากันว่าประเทศฝรั่งเศส “ประสบความสำเร็จ” อย่างยิ่งแล้ว โดยเฉพาะพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิก 2024 อันลือลั่นไปทั่วโลก เปิดพื้นที่ให้คนได้ถกเถียง เพราะกล้าฉีกจากทุกกรอบ ด้วยทุกปีที่จัดกันในสเตเดียมขนาดใหญ่ แต่ปีนี้ฝรั่งเศส “เล่นใหญ่” จัดพิธีเปิดในเมือง ใช้ทุกองค์ประกอบ (Element) ซอฟต์พาวเวอร์ ศิลปะ วัฒนธรรม แฟชั่น ดนตรี สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยวได้อย่างคุ้มค่า เรียกได้ว่า “ขายทุกอย่างที่มี”
วิธีเล่าเรื่อง ชั้นเชิงดีจัด เต็มสิบไม่มีหัก เหมือนดูละครเวทีโรงใหญ่ มั่นใจว่าต้องมีสักองค์ประกอบที่โดนใจผู้ชมพิธีเปิดทางบ้านอย่างแน่นอน อาทิ คาแรกเตอร์ เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) มินเนี่ยน (Minion) ที่สอดแทรกเข้ามา รวมถึงนักวิ่งนิรนามที่ถือคบเพลิงสอดประสานการเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นตัวละครจากเกม Assassin’s Creed ภาค Unity ฉากหลังอยู่ในปารีสยุคปฏิวัติฝรั่งเศส ส่วนเพลงที่เลือกนำมามิกซ์ประกอบบางช่วงบางตอน ก็ทำให้คนโหยหาอดีตอย่างเราอดตื้นตันใจไม่ได้ เช่น เพลง Reality ของ Richard Sanderson ประกอบภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่องดัง La Boum ออกฉายเมื่อปี 1980
หรือแม้แต่การปฏิวัติฝรั่งเศส ช็อต พระนางมารี อ็องตัวแน็ต ในชุดสีแดงสด สภาพคอขาดจากการโดนประหารด้วยกิโยตินในช่วงการปฏิวัติเมื่อปี 1789 ได้เซอร์ไพรส์คนดูทั่วโลก หลังปรากฏในการแสดงชุดแรก มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์แข็งแกร่งจากคำขวัญของประเทศฝรั่งเศส “เสรีภาพ เสมอภาค ภารดรภาพ” ที่มีการนำเพลง Do You Hear The People Sing? มาขับขานตรงโรงละครชาเตอเลต์ (Théâtre du Chatelet)
3. เทสที่สร้าง = ร่างที่เป็น (จริงๆ)
“รสนิยม มันสอนกันไม่ได้จริงๆ” หนึ่งในบทสนทนาทั่วโซเชียล แห่แหนชื่นชมรสนิยมด้าน “ดีไซน์” ของประเทศเจ้าภาพ ลงลึกดีเทลกันทุกจุด รวมถึงเรื่อง “สี” ที่เลือกแพนโทนเป็นสีพาสเทล หลักๆ คือ “สีม่วง” น่าค้นหา หรูหรา ทว่าดูซับซ้อนในตัว และ “สีชมพู” อันสะท้อนถึงความโรแมนติกของมหานครแห่งนี้
เมื่อจับคู่กับสีของเมือง ทั้งเหลืองน้ำตาลจากสถาปัตยกรรมในปารีส สีเขียวของต้นไม้ และสีน้ำเงินของสายน้ำ ก็ช่วยขับความโดดเด่น สดใส “ติดแกลม” มอบพลังงานดีๆ ให้นักกีฬาและผู้ชมอย่างยิ่ง เช่น สนามแบดมินตันที่ Arena Porte de la Chapelle จับคู่สีม่วงกับคอร์ตแบดสีเขียวได้ลงตัว หรือจะเป็นลู่วิ่งสีม่วงในสนามกีฬา Stade de France เมื่อตัดกับสีส้มและสีน้ำตาลของอุปกรณ์ตรงจุดออกตัวนักกรีฑา ก็ดูมีคลาส เห็นแล้วเพลินตา
ด้านบริษัทแบรนด์หรูยักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส “LVMH” เจ้าของแบรนด์หรูมากมาย อาทิ “หลุยส์ วิตตอง” (Louis Vuitton) หลังประกาศเป็นผู้สนับสนุนหลักของมหกรรมโอลิมปิก 2024 ได้ทุ่มงบกว่า 150 ล้านยูโร (เกือบ 6 พันล้านบาท) โดยทาง Louis Vuitton รังสรรค์เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์สุดพรีเมียม ทั้งถาดเชิญเหรียญ ชูเอกลักษณ์ของแบรนด์ด้วยลายโมโนแกรมสุดคลาสสิก อัดแน่นด้วยความลักชัวรี เข้ากับเหรียญรางวัลทั้ง 3 สี ขณะที่ชุดแต่งกายของผู้อัญเชิญเหรียญรางวัลนั้นเรียบหรู ดูโมเดิร์น ราวกับตอกย้ำให้โลกรู้ว่าปารีสคือเมืองหลวงของโลกแฟชั่น ทั้งยังถูกดีไซน์ตอบโจทย์ความหลากหลาย เท่าเทียม ไม่มีการแบ่งเพศ สามารถสวมใส่ได้ทั้งชายและหญิง
4. สนามแข่งสุดคลาสสิก ติดแกลม อลังการ ลดภาระส่งต่อถึงลูกหลาน
ความสวยและอลังการของสนามแข่งทั้งในและนอกสเตเดียมหลายแห่ง ดึงดูดทุกสายตาแบบไม่ต้องตะโกนให้เหนื่อย สะท้อนถึงความกล้าของมหานครปารีสตั้งแต่แรกตั้ง ว่าจะผสมผสานสนามแข่งขันกับความเป็นเมืองและเรื่องเล่าทางวัฒนธรรม-ประวัติศาสตร์ให้มากที่สุด เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้างสนามถาวรใหม่ ไม่ต้องส่งต่อมรดกบาปแก่ประเทศ หลังจบการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก โดย โอลิมปิก ปารีส 2024 ใช้งบลงทุนในการจัดราว 9.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแบ่งเป็นงบจากรัฐบาลกลาง ปารีส กับรัฐบาลท้องถิ่น 51% และเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนอีก 49%
ไม่ว่าจะเป็นสนามแข่งวอลเลย์บอลชายหาด ตรงลานระหว่างหอไอเฟล กับโรงเรียนทหาร (Ecole Militaire) ได้กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ตั้งแต่ประกาศ รวมถึงสนามแข่งขันยิงธนู หน้าพิพิธภัณฑ์กองทัพบก Invalides ขณะที่พระราชวังแวร์ซาย อายุเกือบ 400 ปี จัดแข่งขันกีฬาขี่ม้า ส่วนจัตุรัส La Concorde สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในกรุงปารีส ในอดีตเกิดเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง เช่น การปฏิวัติฝรั่งเศส เป็นสถานที่จัดแข่งขันกีฬาเอ็กซ์ตรีม เช่น สเก็ตบอร์ด จักรยาน BMX เต้นเบรกแดนซ์ และบาสเก็ตบอล 3x3
นอกจากนี้สนามในร่มอย่าง Grand Palais สถานที่จัดแข่งขันฟันดาบและเทควันโด ด้วยเส้นสายของโครงสร้างเหล็ก บันได หลังคากระจกใส ผสมผสานศิลปะบาโรคและอาร์ตนูโว พื้นที่โปร่งโล่งขับบรรยากาศหรูแทรกซึมทุกอณู ยิ่งจังหวะเปิดตัวนักกีฬา ดูสง่างาม และชวนให้ใจระทึกในคราวเดียว
5. “วิว & วิคเตอร์” ไอดอลแบดมินตัน แพสชัน “คนไม่ยอมแพ้”
สำหรับผลงานของนักกีฬาไทย “วิว - กุลวุฒิ วิทิตศานต์” นักแบดมินตันชายเดี่ยว วัย 23 ปี สามารถคว้าเหรียญเงิน เหรียญประวัติศาสตร์ของวงการแบดมินตันไทยในรอบ 32 ปี นับตั้งแต่มีการบรรจุกีฬาแบดมินตันในโอลิมปิกตั้งแต่ปี 1992
กระแสความนิยมของ วิว กุลวุฒิ ในโอลิมปิกครั้งนี้ เริ่มฉายตั้งแต่ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม เข้ารอบ 8 คนสุดท้าย พกพาความนิ่ง ปราบ “ฉือ หยู่ฉี” (Shi Yuqi) มือวางอันดับ 1 ของโลกชาวจีน วัย 28 ปี ที่ก่อนหน้านี้ฟอร์มดีมากจากเกมบุกสุดคมได้สำเร็จ ด้วยเทคนิค ข้อมือแพรวพราว เด่นเรื่องเกมรับ เหนียวแน่น ชิงจังหวะบุกได้ยอดเยี่ยม นอกจากฝีมือโดดเด่นแล้ว ชาวเน็ตยังกรี๊ดกร๊าดความหล่อใส ตั้งฉายาให้ว่า “ฮยอนวิว” ด้วยมีเค้าเหมือนพระเอกซูเปอร์สตาร์แดนกิมจิ “ฮยอนบิน” นั่นเอง
เมื่อเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ วิว กุลวุฒิ สามารถเอาชนะ “ลี ซีเจี๋ย” (Lee Ziijia) ชาวมาเลเซีย วัย 26 ปี เดินทางสู่รอบชิงเหรียญทอง ดวลกับ “วิคเตอร์ แอ็คเซลเซ่น” (Viktor Axelsen) มือวางอันดับ 2 ของโลก ชาวเดนมาร์ก วัย 30 ปี อดีตเหรียญทอง โตเกียว 2020 แม้จะพ่ายให้กับคุณพ่อขายาว ความสูง 194 เซนติเมตร ที่กลับมา “ร่างทอง” ฟอร์มเทพเหมือนปี 2021-2022 แต่เชื่อว่าคนไทยทุกคนต่างภาคภูมิใจกับเหรียญเงินประวัติศาสตร์ของ วิว กุลวุฒิ เจ้าของวรรคทอง “ไม่สูงต้องเขย่ง ไม่เก่งต้องขยัน” สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน
ด้าน วิคเตอร์ แอ็คเซลเซ่น ได้กลายเป็นคนดังบนโซเชียลไทยทันทีตั้งแต่ผ่านเข้าชิงเหรียญทอง หลังชาวเน็ตขอแซ็วกึ่งๆ อวยพรทำนองว่า “วิคเตอร์ ได้เหรียญทองแดง ริโอ 2016 ได้เหรียญทอง โตเกียว 2020 แล้ว ขอให้ได้เหรียญเงิน ปารีส 2024 จะได้ครบคอลเลกชันทุกสี” และด้วยสรีระของวิคเตอร์ที่แข้งขายาว เคลื่อนที่ได้ทั่วคอร์ตทั้งรับและรุก แบบไร้ที่ติ ประจักษ์แก่สายตาชาวไทย จนต้องขอส่งมีมขายาวของผู้จัดการดาราดังอย่าง “พี่เอ ศุภชัย” บนคอร์ตแบดเข้าประกวด ไปท้าดวลกับวิคเตอร์ในโอลิมปิก ลอสแอนเจลิส (LA2028) ให้รู้แล้วรู้รอด
นอกจากฝีมือแล้ว เหล่าแฟนตัวยงของกีฬาแบดมินตันทราบกันดีว่า วิคเตอร์ นั้นสามารถสื่อสาร “ภาษาจีนกลาง” ได้อย่างคล่องปร๋อแค่ไหน แต่พอสปอตไลต์โอลิมปิกส่องอีกหน และมีคู่แข่งเป็น วิว กุลวุฒิ ทำให้ชาวไทยหลายคนทราบถึงแพสชั่นของวิคเตอร์เกี่ยวกับภาษาจีนว่า ในช่วง วิคเตอร์ ขึ้นเป็นดาวรุ่ง เขาต้องปะทะฝีมือกับนักแบดมินตันชายเดี่ยวสุดแข็งแกร่งแห่งยุคนั้นอย่าง หลิน ตัน (จีน) ลี ชอง เหว่ย (มาเลเซีย) และ เฉิน หลง (จีน) ซึ่งทั้งสามคนล้วนพูดจีนได้
วิคเตอร์ เริ่มฝึกภาษาจีนเมื่อปี 2014 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เพื่อหวังว่าจะได้พูดคุย เรียนรู้วิชา และเทคนิคการเล่นแบดมินตันจากบรรดาผู้เล่นหลายๆ คน โดยเฉพาะชาวจีน กระทั่งความพยายามของเขาออกดอกผล สามารถเอาชนะ หลิน ตัน ได้สำเร็จในนัดชิงเหรียญทองแดง ริโอ 2016 ก่อนจะไต่บันไดคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยติดต่อกันได้สำเร็จ เหมือนที่ หลิน ตัน เคยทำได้จาก ปักกิ่ง 2008 และลอนดอน 2012 หนุนวิคเตอร์ก้าวสู่ผู้เล่นระดับตำนานคนถัดไป และด้วยความนิยมของกีฬาแบดมินตันในจีน การที่ วิคเตอร์ มีทักษะสื่อสารภาษาจีนยังสามารถต่อยอดเรื่องนอกสนาม ทั้งการขอสปอนเซอร์และงานอีเวนต์ต่างๆ อีกด้วย
6. “โค้ชเป้” บ้านทองหยอด ไลฟ์โค้ชคนใหม่แห่งโลกโซเชียล
ในแมตช์ชิงเหรียญทองระหว่าง วิว กุลวุฒิ VS วิคเตอร์ แอ็คเซลเซ่น ท่ามกลางสถานการณ์อันกดดันและตกเป็นรองเรื่องรูปเกมทุกประตู ทำให้ในช่วงเบรก “โค้ชเป้ ภัททพล เงินศรีสุข” ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนแบดมินตันบ้านทองหยอด หนึ่งในโค้ชที่ยืนติว วิว กุลวุฒิ ข้างสนาม ผู้คอยส่งยิ้มให้ตลอด ไม่ดุด่า หรือสาดอารมณ์เสียใส่ ได้พูดให้กำลังใจนักกีฬาหนุ่มที่เข้าแข่งโอลิมปิกครั้งแรกและมาไกลจนเข้าชิงเหรียญทองว่า...
“พี่บอกแล้วไง เอ็งจะหาประสบการณ์แบบวันนี้ไม่ได้แล้ว เอ็งจะแพ้หรือชนะไม่เป็นไร เอ็งเอาความรู้ ความรู้สึก วิธีคิดวิธีเล่นเอาไปใช้ เขาคือสุดยอด เราต้องเรียนรู้จากเขาใช่ปะ”
คำพูดของ โค้ชเป้ ไม่ได้สื่อสารถึงแค่ วิว กุลวุฒิ แต่ทัชใจโลกโซเชียลอย่างมากจนกลายเป็นไวรัล เป็นคำพูดที่คอยปลอบประโลมเราทุกคนในวันที่สู้ไม่ได้ คู่แข่งรู้ทันเราไปหมด ในตอนนั้นจะมีอะไรดีไปกว่าคำพูดให้กำลังใจ และทำให้รู้สึกว่าเรามีศักยภาพ นี่เป็นแค่ขั้นตอนของการเรียนรู้ ยกระดับสู่ Better Version หรือ Best Version ในวันหน้า!
โค้ชเป้ กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงบทเรียนสำคัญและแนวทางการปั้นนักกีฬาแบดมินตันของบ้านทองหยอดต่อจากนี้ไว้น่าสนใจว่า “เราจะไม่ Push เขาหนักเหมือนกับ เมย์ (รัชนก อินทนนท์) อยากจะผลักดันแบบค่อยเป็นค่อยไปเหมือนวิว กุลวุฒิ เพราะตอนเมย์เราทำหนักมากจนน้องเขาไม่ไหว ผมเองก็ผิด ยอมรับว่าเราเองก็ผิดด้วยในตอนนั้น (ตอนที่เมย์ได้แชมป์โลกหญิงเดี่ยวเมื่อปี 2013 ด้วยอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์) และทุกคนก็เข้ามาหาเขาหมด”
“ผมมองว่า คนเราอาจจะชนะบางอย่างได้ แต่ชนะธรรมชาติไม่ได้ เพราะเมย์ที่มีอายุ 18 ปีในตอนนั้น เรา Push เขาทุกอย่าง มันไม่ไหว เราจึงเอาตรงนั้นมาเรียนรู้และปรับใช้กับวิว”
โค้ชเป้ ภัททพล เงินศรีสุข
7. “หงส์ไทย” โปรดักต์ดี ใช้จริง ไม่ต้องพูดเยอะ
นอกจากยาดม “หงส์ไทย” จะสนับสนุนทุกลมหายใจของคนไทยตอนเชียร์โอลิมปิกด้วยใจเต้นระทึกแล้ว ยังอยู่ในสถานการณ์แข่งขันจริงของนักกีฬาด้วย และได้กลายเป็นมีมดังจากกีฬา “ยกน้ำหนัก” เมื่อภาพของฮีโร่เหรียญเงิน “ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย” นักกีฬายกน้ำหนักชาย รุ่น 61 กก. วัย 20 ปี จาก จ.ศรีษะเกษ และ “เวฟ วีรพล วิชุมา” นักกีฬายกน้ำหนักชาย รุ่น 73 กก. วัย 19 ปี จาก จ.สุรินทร์ ได้รับพลังลับจากหงส์ไทย สูดเข้าเต็มปอด ก่อนขึ้นเวที เรียกเอ็นเกจเมนต์จากโลกโซเชียลได้อย่างล้นหลาม ไม่ต้องลงทุนจ่ายค่าโฆษณา สอดรับกับปรัชญาการปั้นแบรนด์ฉบับคลาสสิก “โปรดักต์ที่ดี จะโปรโมตได้ด้วยตัวเองของมันเอง!”
โดยแฟนเพจ “บริษัทสมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด - เพจสำนักงานใหญ่” ระบุข้อความตอนหนึ่งของโพสต์ร่วมแสดงความยินดีไว้ว่า “หงส์ไทยดีใจที่ได้เป็นส่วนร่วม เพิ่มกำลังใจสร้างความสดชื่น เป็นอาวุธลับ อยู่คู่นักกีฬาไทย และอยู่เคียงข้างมุ่งสู่ความสำเร็จของคนไทยทุกคน”
ล่าสุด หงส์ไทย ได้ร่วมเป็นหนึ่งในแบรนด์สนับสนุนนักกีฬาไทย มอบเงินอัดฉีดให้ผู้คว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ทุกเหรียญรางวัล คนละ 200,000 บาท พร้อมมอบผลิตภัณฑ์สมุนไพร จำนวน 1,200 โหล ให้ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อส่งมอบให้ทางสมาคมกีฬาของนักกีฬาที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้
8. “เทนนิส พาณิภัค” ตำนานฝากร้านระดับโลก
“เทนนิส - พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ” คือตัวอย่างของคำว่า “Seize The Day” คว้าโอกาสตรงหน้า หรือจะแปลว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก ก็ย่อมได้! เพราะหลังจาก เทนนิส คว้าเหรียญทองจากการแข่งขันเทควันโด รุ่น 49 กก. หญิง สร้างตำนานให้ตัวเองในฐานะ “GOAT” หรือ Greatest of All Time และยังสร้างประวัติศาสตร์นักกีฬาไทยคนแรกคว้าเหรียญทองได้ 2 สมัยติดต่อกันแล้ว ในช่วงสัมภาษณ์หลังพิธีรับเหรียญ เทนนิสคว้าโอกาสทองตรงหน้า สร้างตำนาน “ฝากร้าน” ระดับโลกไว้เป็นที่เรียบร้อย
“ร่างกายของหนูตอนนี้มีแต่อาการบาดเจ็บ ทั้งเข่า สะโพก หรือข้อเท้า ต่างหักไปหมดแล้ว ดังนั้นถึงเวลาที่ต้องเลิก ต้องเกษียณตัวเอง ที่สำคัญยังมีเด็กๆ รอหนูอยู่ที่เมืองไทย เพราะหนูเปิดสอนเทควันโดที่ประเทศไทย ชื่อว่า พาณิภัค ยิม ถ้าทุกคนอยากเรียนให้มาที่ไทย มาเรียนกับยิมของหนูได้” เทนนิสกล่าวด้วยรอยยิ้ม
9. “โอลิมปิก” ปลุกแบรนด์คึก เกาะกระแส Sport Marketing
จะเห็นว่าบรรดาแบรนด์ต่างๆ ได้เลือกใช้กลยุทธ์ “สปอร์ต มาร์เก็ตติง” (Sport Marketing) เกาะกระแสโอลิมปิก 2024 ทั้งแคมเปญออฟไลน์และออนไลน์ บางแบรนด์สนับสนุนการถ่ายทอดสดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ บางแบรนด์ดึงนักกีฬาโอลิมปิกมาเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อสร้างการรับรู้ของสินค้า บางแบรนด์ประกาศสนับสนุนหรืออัดฉีดหลังนักกีฬาคว้าเหรียญรางวัลสำเร็จ แตกต่างกันไป
ทว่ากลยุทธ์ “สปอร์ต มาร์เก็ตติง” อีกมุมนั้นลึกซึ้ง! สามารถฝังรากลึก ช่วยสนับสนุนสมาคมกีฬา สโมสร และนักกีฬาในระยะยาว ให้มีทุนทรัพย์ในการทำทีม ปั้นนักกีฬา เติบโตในเวทีระดับประเทศและนานาชาติได้อย่างมั่นคง หวังว่าโอลิมปิกครั้งนี้จะช่วยตรึงความสนใจจากแบรนด์ต่างๆ ช่วยกันทุ่มเทสรรพกำลัง สนับสนุนการเติบโตของนักกีฬาไทยตั้งแต่วันที่เขายังไม่ประสบความสำเร็จ มุ่งมั่นฝึกซ้อมจนสามารถคว้าชัย สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ เพื่อให้วงการกีฬาไทยแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน
10. “ทอมครูซ” เซอร์ไพรส์พิธีปิด ส่งไม้ต่อสู่ LA2028
เมื่อโลกกลับสู่ภาวะปกติหลังผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 แม้ความขัดแย้งระหว่างประเทศจะทำให้ตึงเครียด แต่มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 ได้เรียกคืนบรรยากาศที่ทุกคนในโลกต่างโหยหา เชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในโอลิมปิกครั้งตราตรึงใจที่สุดตลอดกาล
และพิธีปิดส่งไม้ต่อการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก LA2028 สู่ “ลอสแอนเจลิส” ได้ช่วยรูดม่านอย่างสมบูรณ์ เมื่อนักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง “ทอม ครูซ” วัย 62 ปี เซอร์ไพรส์ (ตามคาด) โรยตัวจากหลังคาสนามกีฬา Stade de France เพื่อรับธงโอลิมปิก ราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ดัง Mission Impossible ขี่มอเตอร์ไซค์นำธงโอลิมปิกขึ้นเครื่องบิน เดินทางสู่ลอสแอนเจลิส สหรัฐ และกระโดดร่มลงไปยังป้าย HOLLYWOOD แลนด์มาร์กสำคัญของเมืองเจ้าภาพ
จากนั้นศิลปินชื่อดัง Red Hot Chili Peppers, Billie Eilish, Dr Dre และ Snoop Dogg (แร็ปเปอร์ชื่อดังที่โอลิมปิก ปารีส โลกโซเชียลแซ็วว่าเขาเป็นกองเชียร์สหรัฐที่ร้องแร็ปได้นิดหน่อย) ก็ได้ขึ้นแสดงเพลงฮิตบริเวณหาด Venice Beach รับไม้ต่อการเป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการ พร้อมโชว์ให้ทั่วโลกเห็นว่าโอลิมปิกครั้งต่อไป น่าจะได้เห็นความบันเทิงเริงใจจาก LA เมืองต้นแบบซอฟต์พาวเวอร์โลกอย่างแน่นอน!