‘สุกี้จินดา’ โกยรายได้ 18 ล้าน กำไร 3 แสนบาท หมาล่าสายพานยังไหว ?

‘สุกี้จินดา’ โกยรายได้ 18 ล้าน กำไร 3 แสนบาท หมาล่าสายพานยังไหว ?

หมาล่าสายพานยังไปไหว? “สุกี้จินดา” ส่งงบการเงิน 2566 แล้ว โกยรายได้ 18 ล้านบาท กำไรสุทธิ 324,448 บาท ล่าสุดปรับเป็นบุฟเฟ่ต์ 35 สาขา ตอกย้ำยุคหมาล่าเฟ้อ คนไทยยังชอบจ่ายจบราคาเดียว

หลายปีที่ผ่านมาเป็นยุคทองของธุรกิจร้านอาหารหมาล่าในไทยสุดๆ จากการมาถึงของร้าน “ไหตี่เลา”  (Haidilao) เมื่อปี 2562 และรุ่งเรืองถึงขีดสุดจากลูกเล่นหมาล่าสายพานเจ้าแรกในไทยของ “สุกี้จินดา” สร้างปรากฏการณ์ต่อคิวยาวเหยียด จนมีร้านสายพานเจ้าใหม่ผุดขึ้นอีกนับร้อย นับพันแห่งทั่วประเทศภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

แต่เมื่อกราฟขึ้นไปแตะจุดสูงสุด ปลายปี 2566 ก็เริ่มเข้าสู่ปฐมบท “หมาล่าเฟ้อ” เมื่อผู้เล่นเยอะขึ้นแต่คนจ่ายมีจำนวนเท่าเดิม ร้านหมาล่าจึงต้องงัดหมัดเด็ดขึ้นมาช่วงชิงฐานลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการอัดโปรโมชันฟรีน้ำซุป-น้ำจิ้ม มา 3 จ่าย 2 ไปจนถึงยอมหักด้ามพร้า เปลี่ยนจากอะลาคาร์ต กินแค่ไหนจ่ายแค่นั้น เป็นรูปแบบ “All you can eat” หรือ “บุฟเฟ่ต์” ตามสไตล์ไทยนิยม หลังจากก่อนหน้านี้มีหลายเสียงพูดตรงกันว่า หมาล่าสายพานราคาสูงจนไม่สามารถกินตามใจปากได้

‘สุกี้จินดา’ โกยรายได้ 18 ล้าน กำไร 3 แสนบาท หมาล่าสายพานยังไหว ?

อย่างไรก็ตาม บริษัท สุกี้ จินดา จำกัด ส่งงบการเงินปี 2566 เรียบร้อยแล้ว โดยพบว่า มีรายได้รวม 18.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 324,448 บาท สินทรัพย์รวม 1.3 ล้านบาท และหนี้สินรวม 63,517 บาท โดยตัวเลขนี้ครอบคลุมเฉพาะร้านสุกี้จินดา 2 สาขาเท่านั้น ส่วนอีก 40 แห่ง อยู่ภายใต้การบริหารของแฟรนไชส์ซี ทำให้ไม่มีตัวเลขที่แน่นอนปรากฏชัด

ขณะนี้ร้านสุกี้จินดาเปิดให้บริการทั้งหมด 42 แห่ง กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และเริ่มบุกตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่แล้ว อาทิ ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ระยอง เชียงใหม่ เป็นต้น 

ส่วนการเปลี่ยนแปลงจากอะลาคาร์ตสู่บุฟเฟต์ไม่ได้ทำครบทุกสาขา มีเพียง 35 จาก 42 แห่งเท่านั้น โดยในคราวแรกทดลองทำเพียงไม่กี่สาขาก่อน เมื่อกระแสตอบรับดีจึงขยายให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงขยายเวลาโปรโมชันบุฟเฟ่ต์อย่างไม่มีกำหนดในราคา 388 บาทด้วย

ก่อนหน้านี้ “จินดา ล่อเจริญ” ผู้ก่อตั้งร้านสุกี้จินดาเคยให้ข้อมูลไว้ว่า ช่วงแรกที่ตนทำร้านหมาล่ารูปแบบบุฟเฟ่ต์พบว่า ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงหันมาเติมลูกเล่นสายพาน กินเท่าไหนจ่ายเท่านั้น ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ทว่า ในช่วงเวลาที่สายพานไม่ใช่กิมมิคเฉพาะตัวอีกต่อไป การปรับตัวสู่แนวทางที่คนไทยคุ้นเคยอย่างบุฟเฟ่ต์ ก็อาจเป็นคำตอบที่ทำให้หมาล่าสายพานยังไปต่อได้ ในวันที่ “ราคา” ยังเป็นแต้มต่อสำคัญ ท่ามกลางตลาดแข่งขันสมบูรณ์ที่พบเห็นร้านหมาล่าได้แทบทุกหัวมุมถนนเช่นนี้