'โต วีรชน' จากนักร้องนำ Silly Fools สู่นักธุรกิจ นำทัพ 'เนื้อแท้' เข้าตลาดหุ้น

'โต วีรชน' จากนักร้องนำ Silly Fools  สู่นักธุรกิจ นำทัพ 'เนื้อแท้' เข้าตลาดหุ้น

เรียนบริหารธุรกิจเพราะพ่อ แล้วเป็นนักร้องนำวง Silly Fools จนโด่งดัง แล้วอำลาวงการ หันหน้าสู่ศรัทธาทางศาสนา และก้าวเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อมพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เจาะเรื่องราวสังเขปของ "โต วีรชน" หรือ โต ซิลลี่ ฟูลส์

“โต Silly Fools” หลายคนคงรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเขาคือ อดีตนักร้องนำ ผู้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางการเป็นศิลปินอย่างดี

ทว่า ปัจจุบันเขาคือ “โต วีรชน ศรัทธายิ่ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมพานี บี จำกัด ที่ผันตัวจากนักร้อง มาสู่นักธุรกิจเต็มตัว โดยร่วมกับเพื่อนสนิท “ตาล นภศูล รามบุตร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอมพานี บี จำกัด ปลุกปั้นอาณาจักรร้านอาหาร เอาใจคนรัก โดยเฉพาะร้านอาหาร “เนื้อแท้” ให้เป็นที่รู้จักแก่ผู้บริโภคชาวไทย

\'โต วีรชน\' จากนักร้องนำ Silly Fools  สู่นักธุรกิจ นำทัพ \'เนื้อแท้\' เข้าตลาดหุ้น

"โต" และทีมงานผู้บริหาร

12 ปี คือ เส้นทางธุรกิจของ “คอมพานี บี” จากเจ้าของ ผู้ก่อตั้งที่รัก และชื่นชอบการรับประทานเนื้อ จนมาเปิดร้านอาหาร มีแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอถึง 7 แบรนด์ เช่น เนื้อแท้, เนื้อแท้ Wok, The Beef Master, เนื้อแท้บุชเชอรี่ เร็วๆ นี้ จะมีแบรนด์ใหม่ “เนื้อแท้ Wok กะ สเต๊ก” เป็นสตรีทฟู้ด หรือฟาสต์ฟู้ด ตอบโจทย์การรับประทานง่ายๆ สะดวกรวดเร็ว มาเสริมแกร่งอีกด้าน

ไม่กี่วันที่ผ่านมา หากใครติดตามเพจ “เนื้อแท้” จะเห็นการเปลี่ยนแปลงโปรไฟล์รูปภาพเป็นสีดำ ทำให้คนสงสัย ซึ่งวันนี้เฉลยแล้วว่า จากนี้ไป “คอมพานี บี” จะเสิร์ฟผลิตภัณฑ์ใหม่แค่ “แองกัสของเนื้อแท้” เท่านั้น

เรื่องเนื้อเว้นไว้ก่อน กรุงเทพธุรกิจ ชวนอัปเดตเรื่องราวการทำธุรกิจของ “โต วีรชน” โดยสังเขป

หนึ่งในประโยคเปิดของ “โต วีรชน” คือ ความตั้งใจ อยากทำอะไร “ที่ดีที่สุด” อย่างการรุกธุรกิจร้านอาหาร รังสรรค์เนื้อดี ดรายเอจเป็นรายแรกสู่ตลาด

\'โต วีรชน\' จากนักร้องนำ Silly Fools  สู่นักธุรกิจ นำทัพ \'เนื้อแท้\' เข้าตลาดหุ้น

“ตอนนั้นมีการเชือดวัว 60 ตัว เก็บไว้ในตู้ เปิดเข้าเปิดออกหลายครั้ง สุดท้ายเนื้อวัวเน่าทั้งตู้ เสียหายหนักมาก แต่ตื่นเต้น”

การทำธุรกิจร้านอาหาร มีการเติบโตต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ “โต” อยากทำคือ การขาย “เนื้อ” เหมือนเป็นวัตถุดิบเสิร์ฟลูกค้ามากกว่า แต่ไม่ง่าย และโจทย์ใหญ่คือ การทำให้เนื้อมีคุณภาพ มีเสถียรภาพ

 แม้จะทำร้านอาหารเติบโต แต่ยังไม่ทิ้งเจตนารมณ์ในการขายเนื้อ และล่าสุดบริษัท มีการเปลี่ยนมาเสิร์ฟเนื้อแองกัสทั้งหมด ซึ่งเบื้องหลัง “โต” และ “ตาล นภศูล" ได้บินไปดูต้นน้ำ หรือจุดให้กำเนิดเนื้อแองกัสที่ประเทศออสเตรเลีย อย่าง “Lawsons Angus” ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำเชื้อวัวหรือโคสายพันธุ์แองกัส ที่ป้อนให้กับฟาร์มวัวต่างๆ ในประเทศออสเตรเลีย

สรรหาวัตถุดิบดีแล้ว ก้าวต่อไปของ “โต” คือ การพา “คอมพานี บี” และธุรกิจร้านอาหารเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) โดยมี “ตาล นภศูล” เป็นมือการเงิน และเคียงข้างการคิด ตัดสินใจกับ “โต” อย่างล่าสุด เป้าหมายใหญ่ “โต” อยากพาธุรกิจร้านอาหารไทยก้าวสู่แบรนด์ระดับโลก(Global Brand) คิดชื่อไว้แล้ว แต่มีเพียง “ตาล นภศูล” เท่านั้นที่รู้

\'โต วีรชน\' จากนักร้องนำ Silly Fools  สู่นักธุรกิจ นำทัพ \'เนื้อแท้\' เข้าตลาดหุ้น

โต-ตาล 

“ธุรกิจผมทำเองไม่ได้ แค่ฝัน และจู้จี้จุกจิก อาหารไม่อร่อยจะบ่นไปเรื่อย ผมไม่ค่อยรู้เรื่องการเงิน 1+1 = 5 คุณตาลรู้ว่าผมอยากกินเนื้อ และอยากลาลาแลนด์ไปเรื่อย ซึ่งตาลก็เป็นคนชักจูงผมมาทำธุรกิจ พร้อมดูแลการเงินทั้งหมดให้”

“ตาล นภศูล” เล่าว่า ต้องการขับเคลื่อนธุรกิจร้านอาหารของ “คอมพานี บี” เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 2569 หรือ 2570 ซึ่งวันนี้ บริษัทจะต้องมียอดขายทะยานสู่ 1,500 - 1,800 ล้านบาท และมีอัตรากำไรระดับ “ร้อยล้านบาท”

เพื่อให้แผนงานบรรลุเป้าหมาย จะเห็นการขยายร้านอาหารแบรนด์ใหม่ๆ สาขาใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยปี 2567 จะมีร้านอาหารให้บริการทั้งสิ้น 35 สาขา จากปัจจุบันมีร้านทุกโมเดล เล็กใหญ่ รวม 29 สาขา

การเปิดร้านใหญ่ เช่น เนื้อแท้ พื้นที่ราว 250 ตารางเมตร(ตร.ม.) จะใช้เงินลงทุน 7 - 8 ล้านบาท และร้านเล็กราว 100 - 150 ตารางเมตร ลงทุน 3 - 4 ล้านบาท จะเป็นจิ๊กซอว์การสปีดขยายสาขา ล่าสุดยังเปิดแบรนด์ใหม่ “เนื้อแท้ Wok กะ สเต๊ก” ฟาสต์ฟู้ด และสตรีทฟู้ด ที่อนาคตอยากปั้นบุกตลาดต่างประเทศในรูปแบบ “แฟรนไชส์”

\'โต วีรชน\' จากนักร้องนำ Silly Fools  สู่นักธุรกิจ นำทัพ \'เนื้อแท้\' เข้าตลาดหุ้น

เนื้อแท้ Wok กะ สเต๊ก จิ๊กซอว์ที่จะมาสปีดธุรกิจ ขยายร้านอาหาร

ร้าน “เนื้อแท้ Wok กะ สเต๊ก” จะให้บริการเร็วๆ นี้ จะเสิร์ฟเมนูเด่น เช่น สเต๊กขนาด 200 กรัม กะเพราเนื้อ อาหารจานด่วน รับประทานง่าย รับไลฟ์สไตล์ ผู้บริโภคที่เร่งรีบ

การไปต่างประเทศ บริษัทยังเล็งโอกาส มาเลเซีย อินโดนีเซีย และตะวันออกกลาง ซึ่งขณะนี้ได้เจรจาพันธมิตรแล้ว กลยุทธ์ดังกล่าวจะเป็นกุญแจผลักดันธุรกิจอาหารของไทยก้าวสู่แบรนด์ภูมิภาค(Regional Brand)ด้วย

ปี 2567 บริษัทมองรายได้จะแตะ 750 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนมีรายได้ 500 ล้านบาท ขณะที่หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ “โต-ตาล” ยังต้องการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปขยายแบรนด์ใหม่ ลงทุนโรงงาน เพราะการผลิตสินค้าบางรายการ เช่น ลูกชิ้น มีศักยภาพโตได้ แต่มาตรฐานการผลิตต่างๆ ต้องยกระดับยิ่งขึ้น เพื่อป้อนตลาดในวงกว้าง รวมถึงการขยายร้านอาหารหรือเพิ่มจำนวนสาขานั่นเอง

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์