‘งู-หอยทาก’ ติดอันดับสัตว์เลี้ยงมาแรง ไม่ส่งเสียง เลี้ยงง่าย กินน้อย

‘งู-หอยทาก’ ติดอันดับสัตว์เลี้ยงมาแรง ไม่ส่งเสียง เลี้ยงง่าย กินน้อย

ขอเปย์สัตว์เลี้ยงแทนมีลูก! “Pet Parent” มาแรง หมดไปกับค่าเลี้ยงดู เฉลี่ย 14,000 บาท/ปี อาหารแมวโตพุ่ง เลี้ยงง่าย-ไม่ส่งเสียงดัง ส่วน Exotic Pet พบ คนเลี้ยงกระต่าย-กิ้งก่า-งู เยอะขึ้น แปลกสุด คือ “หอยทาก” บางบ้านเลี้ยงเต่าเป็นมรดกจากรุ่นปู่สู่รุ่นหลาน

ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมในช่วงแพร่ระบาดใหญ่ รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาลง ส่งผลต่อวิธีคิดในการสร้างครอบครัวของคนรุ่นใหม่อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อการเลี้ยงเด็ก 1 คน ต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล แนวคิด “Pet Parent” จึงถือกำเนิดขึ้น หมาแมวไม่ใช่เพียงสัตว์เลี้ยงแก้เหงา แต่ยังกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของครอบครัว จนมีธุรกิจในอีโคซิสเทมแตกแขนงออกไปอีกมากมายเพื่อรองรับเทรนด์ที่เกิดขึ้น

“สิริปรางค์ ศรีโยธินเมธากุล” Category Leadership Manager บริษัท โรยัล คานิน (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลว่า จากแนวคิด Pet Parent คนปฏิบัติกับสัตว์เลี้ยงเหมือนลูกมากขึ้น ทำให้เกิดเทรนด์ “Premiumization” คือการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับหมาแมว เมื่อเรามองเขาเหมือนลูก เหมือนคนในครอบครัว คนเลี้ยงจึงอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดไม่ต่างจากสมาชิกคนอื่นๆ

ทุกวันนี้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์พรีเมียมและซูเปอร์พรีเมียมเป็นที่นิยมมากขึ้น “สิริปรางค์” ระบุว่า หลังจากนี้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงจะเติบโตอีกปีละ 5.2% ไปจนถึงปี 2570 โดยปีที่ผ่านมาผลสำรวจพบว่า เจ้าของหมาแมวใช้จ่ายไปกับสัตว์เลี้ยงราว 14,000 บาท ต่อปี ซึ่งถ้าลงลึกไปในเซกเมนต์ตลาดพรีเมียมก็จะพบว่า มีค่าใช้จ่ายมากกว่านั้นด้วยซ้ำไป

สำหรับ “โรยัล คานิน” (Royal Canin) พบว่า รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ช่วงโควิด-19 เป็นต้นมา “สิริปรางค์” ให้ข้อมูลว่า ปี 2563 โรยัล คานิน เติบโตแบบ “Double Digit” และหลังจากนั้นก็มีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องเรื่อยมา แม้แบรนด์จะเน้นจับกลุ่มพรีเมียม มีราคาสูงเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นในท้องตลาด แต่ข้อสังเกตประการหนึ่ง คือโดยมากแล้วเจ้าของจะไม่ลดคุณภาพอาหารสัตว์เลี้ยง หากเคยกินของดีก็ต้องได้กินดีเท่าเดิม น้อยคนที่จะลดเกรดอาหารลงไป หากเจ้าของท่านไหนต้องการลดรายจ่าย บางรายเลือกที่จะลดทอนค่าใช้จ่ายของตัวเองแทน

“สิริปรางค์” ให้ข้อมูลอินไซต์เพิ่มเติมกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า มีลูกค้าบางรายเคยดาวน์เกรดคุณภาพอาหารให้พรีเมียมน้อยลง ปรากฏว่า สัตว์เลี้ยงมีปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ขนร่วง ขณะนี้สูตรอาหารของแบรนด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ยังเป็น “สูตร Puppy” สำหรับลูกหมา ส่วนที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ได้แก่ อาหารแมว ตามเทรนด์หลังโควิด-19 ที่แมวได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

‘งู-หอยทาก’ ติดอันดับสัตว์เลี้ยงมาแรง ไม่ส่งเสียง เลี้ยงง่าย กินน้อย

ด้าน “สัตวแพทย์หญิง นวพร ชวนปรีชา” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ให้ข้อมูลในมุมของการรักษาว่า เมื่อทุกคนเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก นอกจากอาหารการกินแล้วเมื่อถึงยามเจ็บป่วย การจะพาลูกๆ ไปหาหมอก็มีวิธีคิดไม่ต่างจากคน

สมัยก่อนเราอาจมองว่า สัตว์แพทย์ 1 คน รักษาได้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์พัฒนาไปใกล้เคียงกับคนแล้ว โรงพยาบาลจึงมีหมอเฉพาะทางเกือบทุกคลินิก ตั้งแต่คลินิกตา หัวใจ ระบบประสาท กระดูกและข้อ ฯลฯ รวมถึงสัตว์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเอ็กซเรย์ ทำ MRI ทำ CT Scan หรือแม้กระทั่ง “Echocardiogram” หรือ การตรวจหัวใจด้วยคลื่นความถี่เอคโคก็มีให้บริการเช่นกัน

นอกจากนี้ คุณหมอนวพรยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับคลินิก “The Exotique Project” คลินิกรักษาสัตว์แปลกที่เป็นความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ และโรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซด้วยว่า เดิมทีโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อมีความถนัดในการรักษาหมาแมวเป็นหลัก

แต่ในระยะหลังพบว่า เทรนด์การเลี้ยงสัตว์แปลกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จึงเกิดเป็นโปรเจกต์ที่ทำงานร่วมกันระหว่างสองโรงพยาบาล มีคุณหมอที่เชี่ยวชาญในการผ่าตัดสัตว์แปลกโดยเฉพาะ อาทิ ผ่าตัดต้อกระจกหรือผ่าตัดไขสันหลังกระต่าย เป็นต้น สามารถให้บริการได้ครบวงจรมากขึ้น

สัตว์แพทย์หญิง นวพร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันกลุ่มประชากรสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดยังคงเป็นน้องหมา แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดขึ้นหลังโควิด-19 คือ แมวและสัตว์เลี้ยง “Exotic Pet” เติบโตค่อนข้างเยอะ เนื่องจากใช้พื้นที่ในการเลี้ยงค่อนข้างน้อย สามารถเลี้ยงในคอนโดมิเนียมได้ บางสายพันธุ์แทบไม่ต้องการเวลาในการออกกำลังกาย จึงทำให้ตลาดนี้เติบโตได้ดี

“จริงๆ แล้ว สัตว์ Exotic เลี้ยงค่อนข้างง่ายในบางตัว อย่าง “งู” ทานอาหารสัปดาห์ละ 1 ครั้ง มีตากแดดบ้าง แล้วก็เงียบเลยค่อนข้างเลี้ยงง่าย ส่วนนิยามของ “Exotic Pet” เป็นคำกว้างมากๆ ที่ใช้เรียกสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ที่ไม่ใช่หมาแมว และไม่ใช่สัตว์เลี้ยงทางปศุสัตว์อย่างหมู ไก่ วัว หรือสัตว์เศรษฐกิจ ถ้าให้จัดหมวดหมู่สัตว์แปลกจะแบ่งออกเป็น กลุ่มที่ 1 กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น กระต่าย กระรอก จิงโจ้บิน กลุ่มที่ 2 สัตว์เลื้อยคลาน มีตั้งแต่งู กิ้งก่า เต่า และกลุ่มที่ 3 คือนกสวยงาม และปลา”

‘งู-หอยทาก’ ติดอันดับสัตว์เลี้ยงมาแรง ไม่ส่งเสียง เลี้ยงง่าย กินน้อย

สัตว์ “Exotic Pet” ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ยังคงเป็น “กระต่าย” และสัตว์ฟันแทะขนาดเล็ก ด้วยความน่ารัก เลี้ยงง่าย และมีราคาไม่สูงมาก รวมถึง “หนูสวยงาม” ยังเป็นสัดส่วนที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยคุณหมอให้ข้อมูลว่า สัตว์เลี้ยงประเภท Exotic Pet แปลกที่สุดที่เคยเจอ คือ “หอยทาก” มารักษาด้วยสาเหตุบาดเจ็บจากกระดองแตก และต้องเข้าเครื่อง CT Scan

นอกจากนั้นก็มีกิ้งก่าและงูที่ได้รับความนิยมด้วย กระทั่ง “เต่า” ก็พบว่า มีการเลี้ยงส่งต่อเป็นมรดกในครอบครัว บางตัวที่มารักษามีอายุมากถึง 70 ปี เลี้ยงกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ใส่รถเข็นมารักษาในโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว

นอกเหนือจากการรักษาทั่วไป ยังมี “Pet Wellness” บริการอาบน้ำ ทำสปา รับส่งสัตว์เลี้ยง รวมถึงคลินิกพฤติกรรม เรียกว่า เป็น “One stop service” ให้กับสัตว์เลี้ยงที่รักในการดูแลผิวหนัง ขน ไปจนถึงการใช้น้ำมันหอมระเหยในการอาบน้ำ เหมาะสำหรับหมาแมวที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัว หรือจะเป็นบริการสระว่ายน้ำสำหรับออกกำลังกาย เพื่อรักษาและป้องกันโรคข้อและสะโพกก็มีให้บริการด้วย

ตอนนี้ทุกคนมองว่า น้องหมาน้องแมวเป็น Global Citizen ไปแล้ว เป็นประชากรที่สมควรได้รับนวัตกรรมและการดูแล นวัตกรรมไม่ใช่แค่การรักษาอย่างเดียวแต่รวมถึงของใช้ด้วย อย่างที่โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อมีการออกโปรดักต์ “ทรายแมวมันสำปะหลัง” ใช้นวัตกรรมมาผลิตทรายแมวที่ดีกับสิ่งแวดล้อม 100% ปลอดภัยทั้งกับแมวและลูกแมวที่เกิดใหม่ ซึ่งนวัตกรรมนี้ยังทำให้สินค้าเกษตรมีมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วย” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ กล่าวปิดท้าย