‘ซัมซุง’ ส่งเอไอ ทีวีครองตลาด ปรับขยายผ่อนสูงสุด 24 เดือน-ขยับวงเงินสินค้า

สมรภูมิตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยในปี 2567 ในกลุ่มทีวี กลับมาคึกคักมากขึ้น จากแรงหนุนของการของ มหกรรมกีฬาระดับโลกครั้งใหญ่ที่ผู้คนในโลกต่างติดตาม ในช่วงกลางปีเดือน มิ.ย.ทั้งฟุตบอลยูโร 2024 สังเวียนจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี เริ่มในวันที่ 14 มิ.ย.- 14 ก.ค.นี้ ซึ่งกีฬาฟุตบอลมีฐานแฟนๆ ทั่วโลกมหาศาล รวมถึงประเทศไทย

อีกมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติกับ “โอลิมปิก 2024” จัดขึ้นในประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.-11 ส.ค.นี้ เป็นแรงหนุนสำคัญทำให้ทีวี ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ตามการประเมินของผู้นำตลาดทีวีในตลาดโลก และในประเทศไทยกับ แบรนด์ “ซัมซุง” ด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 30.1% ในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา

 

นายชวพจน์ เทียนทอง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ประเมินภาพรวมของแบรนด์ ซัมซุง สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในทีวีในโลกและในตลาดไทย ด้วยแบ่งการตลาด 30.1% ใกล้เคียงกัน โดยประเมินว่า ตลาดรวมทีวีประเทศไทยในปี 2567 ที่มีมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท และมีจำนวนทีวีรวมประมาณ 2.5 ล้านเครื่อง จะมีการเติบโตประมาณ 20% ในด้านยูนิต เฉพาะในช่วงที่มีการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับโลก

“ตลาดทีวีในปีก่อนในด้านมูลค่าหดตัวลงติดต่อกันมา 3-4 ปีแล้ว เนื่องจากผู้ประกอบการมีการแข่งขันในเรื่องราคาสูงมาก ทำให้มีราคาปรับลดลง แต่ด้านปริมาณมีการขยายตัวอยู่ประมาณ 6% เนื่องจากความต้องการซื้อทีวีรุ่นใหม่มีมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าจอทีวีที่มีขนาดใหญ่ขึ้น”

แผนของซัมซุงในปี 2567 พร้อมรุกตลาดทีวีด้วยเทคโนโลยี เอไอ ทีวี (Samsung AI TV) เทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาพลิกโฉมตลาดทีวีในโลก และเป็นการเปลี่ยนผ่านของทีวีสู่ยุคเอไอ พร้อมเน้นสินค้ารุ่นพรีเมียม โดยทีวีซัมซุงมีราคาสูงกว่าทีวีทั่วไปในตลาดประมาณ 50% 

พร้อมมีการเปิดตัวสินค้าไลน์อัปใหม่ 6 รุ่น ได้แก่ Neo QLED 8K, Neo QLED 4K, Samsung OLED, Micro LED, Lifestyle TV และ Sound Device ซึ่งมีสินค้ารุ่นไฮไลต์กับ Neo QLED 8K รุ่นแฟลกชิป ด้วยระบบประมวลผลที่เร็วกว่ารุ่นก่อน 2 เท่า และคอนเทนต์ที่ใกล้เคียงกับ 8K รวมถึงมีรุ่น OLED Glare-Free เป็นรายแรกในโลก ที่ร่วมลดการสะท้อนแสง

สำหรับสินค้าใหม่ได้เน้นเชื่อมโยงกับสมาร์ทโฟนของผู้ใช้งาน ทั้งมีระบบเมื่อมีการเปิดใช้ Smart Mobile Connect ฟีเจอร์ที่ช่วยเปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้เป็นรีโมท สามารถควบคุมทั้งทีวีและเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน รวมถึงมี AI Energy Mode ช่วยลดค่าไฟได้ประมาณ 30% เพื่อนำเสนอเครื่องใช้ไฟฟ้าสอดรับกับแนวทางความยั่งยืน

หากประเมินราคาทีวีซัมซุง ในรุ่นพรีเมียม QLED ขนาด 70 นิ้ว มีราคาตั้งแต่ 3 หมื่นบาทขึ้นไป จนถึงขนาดใหญ่ ราคาสูงสุดที่ 7 แสนบาท รวมถึงรุ่นใหม่ Micro LED เทคโนโลยีใหม่ ที่มี 4 รุ่นใหม่ ในราคาสูงในหลักล้าน ตั้งแต่ 3.5 – 6 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ซัมซุงยังเตรียมแผนการรุกตลาดผ่านบริการสินเชื่อ ร่วมกับ บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล ในการให้บริการ ซัมซุงไฟแนนซ์พลัส (Samsung Finance+) สินเชื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้เปิดให้ลูกค้าได้สามารถผ่อนนานสูงสุด 24 เดือน และใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว พร้อมปรับให้ผ่อนได้ยาวนานขึ้น จากเดิมเปิดให้ผ่อนได้ 11 เดือน ซึ่งได้ปรับใหม่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา และขยายให้ผ่อนในราคาสินค้าที่สูงถึง 45,000 หมื่นบาท จากเดิมให้ผ่อนในราคา 15,000 บาท เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกได้มากขึ้น สอดรับกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบทีวีมีขนาดใหญ่ขึ้น

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยได้กำหนดไว้ที่ 0.7% โดยตั้งแต่เปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือน ก.ค.ปีก่อน รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด จะเป็นรุ่น 55 นิ้วและ 65 นิ้ว ส่วนภาพรวมอัตราหนี้เสียประมาณ 3-5% ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูง ถือว่าสอดคล้องกับตลาด เนื่องจากลูกค้าอาจมีภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มขึ้น แต่หากลูกค้าไม่สามารถผ่อนต่อได้ ระบบจะล็อคทีวีอัตโนมัติทำให้ไม่สามารถเปิดใช้งานได้และต้องคืนทีวีกลับเข้ามาในระบบ

ทั้งนี้ จากแผนการรุกตลาด ทำให้ซัมซุงมีการประเมินว่า ภาพรวมในสิ้นปีนี้ จะสร้างยอดขายเติบขึ้น 10% พร้อมครองส่วนแบ่งการได้เพิ่มขึ้น 1-2% ในตลาดรวมทีวี จากในปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด 30.1% โดยซัมซุงมีสินค้ารุ่นเอไอ ทีวี ในสัดส่วนประมาณ 40-50% ของสินค้าทีวีทั้งหมด

สำหรับภาพรวมทีวีซัมซุงในปีก่อน 2566 มีการเติบโตมากกว่าตลาดประมาณ 8% มีสินค้าเรือธงยอดนิยมในรุ่น 75 นิ้ว ส่วนภาพรวมยอดขายจะมาจากช่องทาง B2B ประมาณ 7% และช่องทาง B2C ประมาณ 93%

อย่างไรก็ตาม การรุกทีวีจอใหญ่และกลุ่มพรีเมียม ในรุ่น QLED และ Neo QLED มาตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา สร้างยอดขายในทั่วโลก สะสมรวมกว่า 40 ล้านเครื่องแล้ว โดยในปี 2566 สร้างยอดขาย QLED ได้สูงถึง 8.31 ล้านเครื่อง