เปิดวิชั่น ‘โชติ เชษฐโชติศักดิ์’ ทายาทเฮียฮ้อ ช่วยพ่อเบ่งอาณาจักร GIFT โต
อุตสาหกรรมสื่อและบันเทิง โดยเฉพาะ “เพลง” เชื่อว่า “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” แม่ทัพใหญ่แห่ง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS Group เป็นที่รู้จักกันดีในวงกว้างทั้งแวดวงธุรกิจ และผู้บริโภค ฐานแฟนต่างๆ
"เฮียฮ้อ สุรชัย" นอกจากสร้างอาณาจักรให้เติบโต ยังเป็นผู้ที่พลิกโฉมองค์กรหรือทรานส์ฟอร์มธุรกิจรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างดี
นอกจาก “อาร์เอส” ที่ “เฮียฮ้อ สุรชัย” ขับเคลื่อน อีกด้านยังมีการลงทุนในกิจการส่วนตัวผ่าน GIFT มีการจัดทัพธุรกิจ รวมถึงดึง “ทายาท” เข้ามารับบทเป็น “ขุนพล” คนสำคัญเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว
กรุงเทพธุรกิจ ได้สัมภาษณ์ “โชติ เชษฐโชติศักดิ์” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิฟท์ อินฟินิท จำกัด(มหาชน)หรือ GIFT บุตรชายคนเล็กของ “เฮียฮ้อ สุรชัย” ถึงวิสัยทัศน์ และภารกิจในการนำทัพบริษัท
“ผมโชคดีที่คุณพ่อไม่เคยบังคับอะไรเลยตั้งแต่เด็ก และผมโชคดีที่ได้เข้ามาจับธุรกิจ ทำสิ่งที่ถนัดและชอบอย่างธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งทำมาราว 10 ปีแล้ว ที่สำคัญผมชอบธุรกิจเป็นทุนเดิม ดังนั้น ไม่ว่าจะได้จับธุรกิจเซ็กเตอร์ไหนจึงรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทำ” โชติ ฉายภาพถึงการรับไม้ต่อดูแล GIFT
ธุรกิจอยู่ในสายเลือด
“โชติ” ย้อนเส้นทำงาน การเคลื่อนธุรกิจถือว่าอยู่ในสายเลือด เพราะรับรู้และมีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจกับพ่อตั้งแต่ยังเด็ก ผ่านรายการทีวีของอาร์เอส และสิ่งที่พ่อทำเป็นตัวอย่าง ขณะที่การเข้ามารับบทบริหาร เริ่มต้นราว 10 ปี ที่อาร์เอสในช่วงองค์กรเปลี่ยนผ่านหรือทราน์ฟอร์มพอดี จึงมีส่วนช่วยการพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซ การวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อสร้างโอกาสใหม่ เพื่อตอดยอดอาณาจักร กับตำแหน่ง Head of New Business Development และ Business Leader Assistant to CEO พร้อมย้ำว่า “เฮียฮ้อ สุรชัย” ไม่ได้รับบทเป็นกุนซือสอนการบริหารงานให้โดยตรงแต่อย่างใด
เมื่อต้องรับบทบริหาร GIFTที่ตรงกับความชอบ “โชติ” วางเป้าหมายนำพาองค์กรเติบโตหลากมิติ หลังจาก “เฮียฮ้อ สุรชัย” เข้าไปถือหุ้น GIFT ในปี 2565
หลักๆนอกจากรับภารกิจทำให้ GIFT เติบโต ในฐานะทายาท "โชต" บอกว่า ยังช่วยพ่อบริหารธุรกิจเพราะเรื่อง "เวลา" ด้วย เนื่องจากพ่อมีธุรกิจใหญ่ และต้องทุ่มสรรพกำลัง แรงกาย แรงใจ และเวลา จนบางครั้งการดูแลธุรกิจส่วนตัวอาจทำได้ไม่เต็มที่
"ผมช่วยปิดช่องโหว่ตรงที่คุณพ่อไม่มีเวลามากกว่า เพราะคุณพ่อดูแลอาร์เอส งานค่อนข้างเยอะมาก"
3 สูตรเคลื่อน GIFT กำไรดี ขยายใหญ่ และไม่โดนดิสรัป
บทบาทของ GIFT เปรียบเป็น “โฮลดิ้ง คัมปะนี” ทำหน้าที่ลงทุนในกิจการที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบันมี 3 เสาหลัก ประกอบด้วย 1.กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม(Tech & Innovations) 2.ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม และ3.ธุรกิจบริการ สุขภาพและความงาม(Hospitality Health & Beauty)
“การขับเคลื่อนธุรกิจของ GIFT ยึดหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1.โฟกัสธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไร 2.ธุรกิจที่สามารถขยายให้ใหญ่หรือสเกลได้ และ3.เป็นธุรกิจที่ไม่โดนดิสรัป ซึ่งจากการดูข้อมูลช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 3 กลุ่มธุรกิจของบริษัทไม่โดนดัสรัป และเป็นธุรกิจที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน อีกทั้งอยู่ในกระแส พร้อมตอบไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค”
“โชติ” เล่าถึงการขยายธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรม ภายใต้ A Lot Tech การขายปลีกสินค้าไอทีที่มีลูกค้า “นับล้านราย” ใช้บริการ จะขยายต่อเนื่อง เพื่อสานเป้าการ “Spin Off” ในปี 2569
ส่วนธุรกิจร้านอาหารที่มี 3 กลุ่ม คือ 1.ร้านแฮงก์เอาต์ ซึ่งเป็นธุรกิจ “กำไรดี” ปัจจุบันมีแบรนด์ BEAMCUBE, BEAM Club, Beer Belly ตามแผนจะขยาย 3-5 สาขาในปี 2568 และปีนี้จะลุยเมืองท่องเที่ยว “สมุย” ด้วย 2.ร้านอาหารและคาเฟ่ญี่ปุ่น แบรนด์ OKONOMI, Yuji Ramen และ3.ร้านอาหารเกาหลี แฟรนไชส์ไก่ทอดแบรนด์ Mom’s Touchจะเห็นการขยายร้าน 20-30 สาขา
เป้าหมายมุ่งเป็นเชนธุรกิจร้านอาหาร
ในส่วนของธุรกิจร้านอาหารถือว่ามีขนาดใหญ่ระดับ "แสนล้านบาท" เมื่อเจาะลึกร้านไก่ทอดมีมูลค่าระดับ "หมื่นล้านบาท" ทำให้มองโอกาสผลักดันร้านไก่ทอด Mom’s Touch เข้าแข่งตลาดร้านอาหารบริการด่วน(QSR)หมื่นล้านบาท
การขยายธุรกิจจะเห็น "สปีด" การเติบโตผ่านโมเดล “แฟรนไชส์” ในปีหน้า ส่วนปีนี้ผนึกพันธมิตรเพื่อทดลองโมเดลให้พร้อมก่อน อีกด้านจะเห็นการเปิดร้านแฟล็กชิปของ “OKONOMI” ที่ผสานร้านอาหารญี่ปุ่นและคาเฟ่พรีเมียมเข้าด้วยกัน ส่วน “เม็ดเงินลงทุน” จะใช้งบประมาณราว 10 ล้านบาท เพื่อเปิดร้านแต่ละสาขา
“ตอนนี้ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มมี 3 แบรนด์ แต่เป้าหมายใหญ่เรามองภาพในการก้าวเป็นเครือข่ายหรือเชนด้วย”
ขณะที่กลุ่มธุรกิจบริการ สุขภาพและความงามจะเห็นการ “ซื้อกิจการ” เข้ามาเสริมพอร์ตโฟลิโอ ซึ่งคาดว่าจะปิดดีลไตรมาส 3 ปีนี้
“GIFT ให้ความสำคัญกับคุณค่าแบรนด์หรือ Brand Equity เพราะผู้บริโภคที่มีความจงรักภักดีหรือ Loyalty ในอนาคต แบรนด์มีแวลู่จะต่อยอดการเติบโตได้”
จากเกณฑ์การลงทุนภายใต้ 3 ปัจจัย กำไรงาม ขยายใหญ่ได้ และไม่โดนดิปรัป “โชติ” บอกว่า ยังมองหาโอกาสจากธุรกิจอื่นเพิ่มเติมที่ตอบเป้าหมายดังกล่าว ส่วนด้านรายได้ ปี 2567 ต้องการผลักดันให้อยู่ที่ 2,700 ล้านบาท จากปี 2566 มีรายได้ 806 ล้านบาท
