ดุสิตธานี ชงรัฐรีแบรนด์ท่องเที่ยวไทย วีซ่าฟรีดึงคนจริง แต่ต้องเติมคุณภาพ

ดุสิตธานี ชงรัฐรีแบรนด์ท่องเที่ยวไทย วีซ่าฟรีดึงคนจริง แต่ต้องเติมคุณภาพ

จากผลงาน 6 เดือนของ รัฐบาลเพื่อไทย ที่เกี่ยวข้องกับ 'ภาคการท่องเที่ยว' ทาง ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) มองว่า การออกมาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี) แก่ประเทศเป้าหมายเป็นเรื่องดี ดึงคนเข้ามาเที่ยวประเทศไทยได้ง่ายขึ้น...

แต่ยังไม่ได้ช่วยเรื่องคุณภาพ จึงจำเป็นต้องทำอย่างอื่นควบคู่ด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวพำนักในไทยนานๆ และใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น!

มาตรการวีซ่าฟรีช่วยเรื่องจำนวนคน แต่เราต้องการเรื่องคุณภาพการใช้จ่ายด้วย จำเป็นต้องเติมกระแสการเดินทางท่องเที่ยวที่มีวัตถุประสงค์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ การแพทย์และสุขภาพ ไมซ์ (MICE: การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) และมาร่วมงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวกลุ่มทั่วไป เพื่อส่งเสริมคุณภาพการใช้จ่ายให้เติบโต”

นอกจากนี้ ต้องเร่งสร้างมาตรฐานการให้บริการ เพิ่มทักษะแรงงาน ยกระดับบริการในทุกจุดทัชพอยต์ เช่น เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงสนามบินในไทย พบว่าบางช่วงอาจใช้เวลาค่อนข้างนาน ถ้าใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น มีการลงทะเบียนล่วงหน้าเหมือนที่ประเทศญี่ปุ่นกำหนดให้นักท่องเที่ยวลงทะเบียน Visit Japan Web เพียงโชว์ QR Code ก็สามารถผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองได้สะดวกขึ้น 

ขณะเดียวกัน ภาครัฐต้องเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวว่าเดินทางมาไทยแล้วปลอดภัย และควร “ลดความซ้ำซ้อน” ให้เอื้อกับภาคธุรกิจ ด้วยการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการออกมาตรการสนับสนุนภาคธุรกิจท่องเที่ยว เช่น การปรับปรุงกฎหมายด้านโรงแรมที่พักให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป และการออกมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้เพื่อให้ภาพรวมภาคการท่องเที่ยวเติบโตอย่างยั่งยืน!

ศุภจี มองด้วยว่า สิ่งสำคัญคือจำเป็นต้อง “รีแบรนด์ประเทศไทย” ให้เป็น “จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวคุณภาพ” (Quality Destination) เพราะเราต้องการนักท่องเที่ยวคุณภาพ ดึงเข้ามาใช้จ่ายมากขึ้น เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายการสร้างรายได้รวม 3.5 ล้านล้านบาทในปี 2567 ตามที่รัฐบาลตั้งไว้ หากไปถึง จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์มากกว่าปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด ซึ่งเคยทำรายได้รวม 3 ล้านล้านบาท

“ปี 2567 ภาคท่องเที่ยวถือเป็นความหวังของเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางเซ็กเตอร์อื่นๆ กำลังเผชิญปัญหา เช่น ภาคการส่งออกติดลบมาหลายไตรมาส และการบริโภคใช้จ่ายภายในประเทศที่ค่อนข้างตึงตัว”

สำหรับผลการดำเนินงานของโรงแรมในเครือ “ดุสิตธานี” ช่วงไตรมาส 1 คาดราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) เติบโตดี มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 75% เฉพาะโลเกชันหลักในไทย เช่น พัทยา และหัวหิน มียอดจองค่อนข้างเต็ม ขณะที่ไตรมาส 2 ซึ่งเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน ปกติจะต้องชะลอตัวลง แต่กลับพบว่ายอดจองไม่แผ่ว! สอดรับกับภาพรวมท่องเที่ยวไทยในไตรมาส 2 ที่ยังฟื้นตัวดีต่อเนื่อง

ดุสิตธานี ชงรัฐรีแบรนด์ท่องเที่ยวไทย วีซ่าฟรีดึงคนจริง แต่ต้องเติมคุณภาพ

มณิศา มิตรไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่า ด้าน “ธุรกิจอาหาร” ซึ่งขึ้นมาเป็นหนึ่งในเสาหลักสร้างรายได้แก่กลุ่มดุสิตธานี ตามเป้าหมายในปี 2570 “ดุสิต ฟู้ดส์” จะสร้างรายได้ 2,500 ล้านบาท เติบโตเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับรายได้เมื่อปี 2566 ซึ่งทำได้ 1,300 ล้านบาท

ล่าสุด วานนี้ (20 มี.ค.) ดุสิต ฟู้ดส์ ผนึกความร่วมมือกับ “ฟาร์ม ทู เพลท” เปิดตัว “ปิ่นโตฮับ” (PintoHub) ภายใต้การบริหารของบริษัท เซเวอร์ อีทส์ จำกัด (Savor Eats) บริษัทร่วมทุนที่ “ดุสิต ฟู้ดส์” ถือหุ้น 51% และฟาร์ม ทู เพลท โพรเซสเซอร์ ถือหุ้น 49%

โดย “ปิ่นโตฮับ” จะให้บริการในรูปแบบแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมอาหาร “สตรีทฟู้ด” ชื่อดังของไทย พร้อมเสิร์ฟในรูปแบบอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน (Ready to eat) ในรสชาติเดียวกับร้านดังต้นตำรับ โดยคงรสชาติ สุขอนามัย และสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับสตรีทฟู้ดของไทย ด้วยความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของฟาร์ม ทู เพลท ตอกย้ำเป้าหมายของดุสิต ฟู้ดส์ ที่จะนำอาหารไทยสู่ตลาดโลก ตามพันธกิจ “Bring Asian Food to The World” พร้อมประกาศความร่วมมือกับ “แกร็บ ฟู้ด” (Grab Food) เป็นช่องทางสั่งอาหารและส่งอาหารถึงหน้าบ้าน

ดุสิตธานี ชงรัฐรีแบรนด์ท่องเที่ยวไทย วีซ่าฟรีดึงคนจริง แต่ต้องเติมคุณภาพ

สำหรับเฟสแรก มีร้านอาหารดังเข้าร่วมแพลตฟอร์มแล้ว 21 ราย เป็นร้านจากจังหวัดเชียงใหม่ 6 ร้าน ภูเก็ต 1 ร้าน และกรุงเทพฯ 14 ร้าน เช่น บ้านยี่สาร อาหารไทย, ขาหมูเลิศรส, ก๋วยจั๊บกำลังภายใน, ข้าวพระรามลงสรง (เล้าโอว), ข้าวซอยซอกกำแพงดิน, ข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม, โจ๊กสดใส, ครัวจงจิต เป็นต้น 

“ปิ่นโตฮับจะทำงานร่วมกับเจ้าของร้านในการพัฒนาสูตรเป็นกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และมีรสชาติเหมือนต้นตำรับ และแต่ละเมนูที่วางขายจะอยู่ภายใต้ชื่อเดิมของเอสเอ็มอีเจ้าของแบรนด์นั้นๆ โดยทุกๆ เมนูที่ขาย ทางเอสเอ็มอีเจ้าของแบรนด์จะส่วนรับแบ่งรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์”

ดุสิตธานี ชงรัฐรีแบรนด์ท่องเที่ยวไทย วีซ่าฟรีดึงคนจริง แต่ต้องเติมคุณภาพ

ในส่วนช่องทางการจำหน่ายของ “ปิ่นโตฮับ” จะดำเนินการแบบไฮบริด ผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ ช่องทาง ONLINE คือ การเสิร์ฟอาหารผ่านช่องทางดิลิเวอรี่ ซึ่ง “ปิ่นโตฮับ” ได้ผนึกความร่วมมือกับ “แกร็บ แท๊กซี่” (Grab Taxi) ในการเป็นเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ตเนอร์ ที่จะอำนวยความสะดวกในการจัดส่งอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทานถึงบ้านลูกค้าจากจุดให้บริการ 10 แห่งครอบคลุมพื้นที่หลักในกรุงเทพ ตอกย้ำแนวคิดหลักในการ “นำความอร่อยมาไว้ใกล้บ้าน” ของ “ปิ่นโตฮับ” ขณะเดียวกัน ยังมีช่องทาง ONSITE  ในรูปแบบ “คีออส” (Kiosk) ที่ลูกค้าสามารถซื้ออาหารกลับไปทานที่บ้านได้ หรือรูปแบบหน้าร้าน ที่ลูกค้าสามารถเข้ามาทานที่หน้าร้านหรือซื้อกลับบ้านได้

ทั้งนี้ ปิ่นโตฮับคาดว่าในปี 2568 จะสามารถขยายจุดให้บริการ/สาขาผ่านช่องทางแฟรนไชส์ไปยังต่างจังหวัด โดยวางเป้าหมาย 50 จุดบริการ/สาขาในประเทศไทย ก่อนที่จะขยายแฟรนไชส์ปิ่นโตฮับไปใน “ต่างประเทศ” ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า