ยอด 'ผิดนัดชำระหนี้' พุ่งสูงสุดรอบ 16 ปี เกือบเท่า 'วิกฤติการเงิน 2008'
S&P เผยยอดผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอกชน 'ทั่วโลก' พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ในรอบ 16 ปี เกือบเทียบเท่าช่วงวิกฤติการเงินปี 2008 หลังเจอแรงกดดันเงินเฟ้อและแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น พบบริษัทมีปัญหาส่วนใหญ่กระจุกตัวใน 'สหรัฐ'
KEY
POINTS
- จํานวนการผิดนัดชําระหนี้ขององค์กรทั่วโลกตั้งแต่ต้นปีถึงเดือน มี.ค.2567 อยู่ที่ 29 ครั้งซึ่งเป็นจํานวนสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤติปี 2008 ซึ่งอยู่ที่ 36 ครั้ง
- แม้ว่าการผิดนัดชําระหนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกา ทว่านับตั้งแต่เดือน ม.ค.บริษัทในยุโรปผิดนัดชำระหนี้ถึง 8 ครั้ง
S&P เผยยอดผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอกชน 'ทั่วโลก' พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ในรอบ 16 ปี เกือบเทียบเท่าช่วงวิกฤติการเงินปี 2008 หลังเจอแรงกดดันเงินเฟ้อและแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น พบบริษัทมีปัญหาส่วนใหญ่กระจุกตัวใน 'สหรัฐ'
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานข้อมูลจาก เอสแอนด์พี โกลด์บอล เรทติ้งส์ (S&P Global Ratings) (15 มี.ค.) ว่าในปี 2567 ยอดผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอกชนปรับตัวสูงขึ้นเกือบเทียบเท่าช่วงวิกฤติการเงินปี 2008 เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
จํานวนการผิดนัดชําระหนี้ขององค์กรทั่วโลกตั้งแต่ต้นปีถึงเดือน มี.ค. 2567 อยู่ที่ 29 ครั้งซึ่งเป็นจํานวนสูงสุดนับตั้งแต่ วิกฤติปี 2008 ซึ่งอยู่ที่ 36 ครั้ง
เอสแอนด์พีเปิดเผยว่า ความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลงค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่สูงส่งผลกระทบต่อ บริษัทเอกชนที่มีแบกรับภาระหนี้จนทำให้เผชิญกับปัญหาสภาพคล่อง
ด้าน ทอร์สเตน สลอค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกลุ่มการลงทุนอะพอลโล (Apollo) กล่าวว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นคือสิ่งเดียวกับที่เกิดขึ้นตั้งแต่ [ธนาคารกลางสหรัฐ] เริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ย" ในเดือนมี.ค. พ.ศ. 2565 พร้อมเสริมว่า "อัตราการผิดนัดชําระหนี้กําลังเพิ่มขึ้น เพราะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นยังคงกัดกินบริษัทที่มีเลเวอเรจสูงมากขึ้นเรื่อยๆ"
บริษัทที่จะผิดนัดชําระหนี้ในเดือนก.พ. ได้แก่ Hornblower ผู้ให้บริการเรือข้ามฟากและเรือสําราญของสหรัฐ กลุ่มซอฟต์แวร์ของสหรัฐฯ GoTo และกลุ่มโรงภาพยนตร์ในสหราชอาณาจักร Vue Entertainment International
แม้ว่าการผิดนัดชําระหนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกา ทว่านับตั้งแต่เดือน ม.ค.มีบริษัทในยุโรปผิดนัดชำระหนี้ไปแล้วถึง 8 ครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าในทุกๆ ปีที่ผ่านมาถึงสองเท่านับตั้งแต่ปี 2008
บริษัทด้านการดูแลสุขภาพสามแห่งของสหรัฐได้แก่ Radiology Partners, Pluto Acquisition และ Cano Health ผิดนัดชําระหนี้เมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการดําเนินการตามพระราชบัญญัติ No Surprises Act ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2565
ทั้งนี้ ยังมี 14 บริษัทหรือประมาณครึ่งหนึ่งของบริษัทที่ผิดนัดชําระหนี้ทั่วโลกในปีนี้ ถูกจัดประเภทโดยเอสแอนด์พีว่าเป็น "Distressed Exchanges" หรือหมายถึงการที่เจ้าหนี้ได้รับสินทรัพย์มูลค่าน้อยกว่ามูลค่าที่ตราไว้ (Book Value)
โดย เอคาเทรินา ตอลสโตวา นักวิเคราะห์จากเอสแอนด์พีกล่าวว่า มีความเสี่ยงสูงมากที่บริษัทเหล่านั้นจะผิดนัดชําระหนี้เพิ่มเติมในปีนี้ โดยบริษัทเคมีภัณฑ์และการดูแลสุขภาพมีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากภาคส่วนนี้มีบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับไม่ดีและมีกระแสเงินสดติดลบ
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคที่ดีขึ้นและความหวังว่าอัตราดอกเบี้ยขาลงช่วงครึ่งหลังของปีหมายความว่า เอสแอนด์พีคาดว่า อัตราการผิดนัดชําระหนี้ของยุโรปจะทรงตัวที่ประมาณ 3.5% ภายในสิ้นปี ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขของปี 2566
อ้างอิง
