โรงแรมวาลาหัวหิน ขยายธุรกิจสปา-ร้านอาหาร มุ่งสู่เดสทิเนชั่นใหม่หัวหิน

โรงแรมวาลา หัวหิน - นู แชปเตอร์ โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต ได้มีการลงทุนเปิดโรงแรมในช่วง 3 ปีก่อน ด้วยงบกว่า 1,200 ล้านบาท กลายเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวแห่งใหม่ เป็นหมุดหมายสำคัญของกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึงสร้างกระแสที่ร้อนแรงในโลกโซเชียลที่เกิดการบอกปากต่อปาก โดยแม้ว่าการเปิดให้บริการในช่วงที่มีโควิดเกิดขึ้นก็ตาม แต่สามารถพลิกสร้างธุรกิจเติบโต พร้อมร่วมดึงดูดกลุ่มลูกค้าอย่างหนาแน่นในทุกปี

"วศุมา คณาธนะวนิชย์" กรรมการบริหาร นู แชปเตอร์ โฮเทล ฉายภาพธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในหัวหินเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว หลังจากโควิดผ่านพ้นไป แต่อาจจะไม่เต็มที่ 100% โดยกลุ่มที่เข้ามาในพื้นที่มีทั้งลูกค้าคนไทย กลุ่มครอบครัว และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติในอาเซียนและตลาดในยุโรป

 

สำหรับเปิดโรงแรม “โรงแรมวาลา หัวหิน - นู แชปเตอร์ โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต" ในช่วงสถานการณ์โควิด เป็นอีกความท้าทายครั้งสำคัญของบริษัท แต่สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาพักต่อเนื่อง โดยปัจจุบันโรงแรมมียอดการเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 65% มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 97 ห้อง

กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาพักจะเป็นทั้งคนไทยและต่างชาติ มีสัดส่วนคนไทยจะมากกว่า ต่างชาติ สำหรับลูกค้าต่างชาติจะมาจากทั้งในโซนยุโรป และประเทศใกล้ๆ ที่เป็นตลาดใหม่ทั้งจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน โดยนักท่องเที่ยวคนไทยส่วนใหญ่เข้าพักเฉลี่ยวันครึ่ง แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้าพักประมาณ 2-3 วัน

 

วศุมา คณาธนะวนิชย์ กรรมการบริหาร นู แชปเตอร์ โฮเทล

ทั้งนี้จากแนวโน้มตลาดที่กำลังขยายตัว ทำให้บริษัทได้ขยายธุรกิจสู่การเปิด เซลา ซีแซงชัวรี่ สปา (Sela Sea Sanctuary Spa)  ซีสปา แห่งแรกที่ชะอำ-หัวหิน ในคอนเซ็ปต์ทะเลบำบัด หรือ ซีฮีลลิ่ง รองรับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาพักและกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวหัวหิน รวมถึงเปิด คิดส์คลับ การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากป่า เพื่อเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมสำหรับเด็กๆ ในกลุ่มอายุ 2 – 12 ปี

พร้อมกันนี้ได้แตกไลน์ไปสู่ธุรกิจใหม่กับ ร้านอาหารกับ คาซ่ามาเร่ (Casa Mare)  บีชฟร้อนต์ เรสเตอรอง & เลานจ์  (Beachfront Restaurant & Lounge) บนหาดชะอำ-หัวหิน เป็นร้านอาหารสแตนอโลนแห่งแรกของ นู แชปเตอร์ โฮเทล

สำหรับร้านอาหารที่เป็นสไตล์ โมเดิร์นอาเซียนและยูโรเปียน มีจำนวน 250 ที่นั่ง มีพื้นที่กว้างประมาณ 800 ตร.ม. รวมถึงการออกแบบที่มีความสวยงาม มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางและระดับบน ทั้งนี้ได้วางเป้าหมายธุรกิจอาหาร ร่วมสร้างสู่การเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกลุ่มนักท่องเที่ยวในหัวหิน

"การขยายสู่ธุรกิจร้านอาหาร แบบสแตนอโลน มาจากการทำสำรวจพบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวเมื่อเข้ามาพักในโรงแรม จะชื่นชอบการทานอาหารนอกโรงแรมเป็นหลัก จึงอยากให้มีสถานที่ให้บริการแก่ลูกค้าแบบครอบคลุม และเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญให้แก่นักท่องเที่ยวเมื่อมาที่หัวหิน"

อีกทั้งได้มีการขยายสู่การจัดทำสถานที่ในการจัดงานแห่งใหม่ รองรับทั้งการจัดงานสัมมนา และการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ งานอีเว้นท์ ไปจนถึงงานแต่งงาน สามารถจัดงานทั้งพื้นที่อินดอร์และเอ้าท์ดอร์ คาดว่าจะสามารถรองรับการจัดงานที่มีลูกค้าเข้ามาร่วมประมาณ 300 คน

ดังนั้นการขยายสู่ธุรกิจอาหารและสปา จึงเป็นการร่วมเสริมพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจให้มีบริการที่ครบวงจรให้แก่กลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยว ทั้งนี้ มีแผนเปิดให้บริการสปา และธุรกิจร้านอาหาร ในช่วงเดือน เม.ย.นี้ ส่วนระยะต่อไป สนใจขยายพื้นที่สู่การทำเป็นตลาด งานอาร์ตและคราฟท์ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อทำให้ลูกค้าได้เข้ามาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมในพื้นที่มากขึ้น ร่วมกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในพื้นที่ให้คึกคัก 

ทั้งนี้ประเมินว่าจากแผนที่วางไว้ จะทำให้ธุรกิจอาหารสามารถคืนทุนได้ในเวลา 3 ปี โดยเป็นร้านอาหารในสไตล์รูปแบบใหม่ที่จะดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ รวมถึงธุรกิจโรงแรม คาดว่าจะคืนทุนได้ในเวลา 8 ปีตามแผนที่วางไว้

"ในอนาคตหากการก่อสร้างถนนในเส้นทางพระราม 2 ได้สมบูรณ์ จะยิ่งกระตุ้นทำให้ตลาดท่องเที่ยวในหัวหินขยายตัวมากขึ้น จากการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว ส่วนสถานการณ์ในปัจจุบันจากกรณีที่เป็นข่าวเรื่องการก่อสร้าง ยังไม่มีผลกระทบต่อตลาดและการท่องเที่ยว"

อย่างไรก็ตาม หากประเมินแผนในระยะยาว สนใจนำแบรนด์ วาลา (VALA) ไปต่อยอดสู่ธุรกิจโรงแรมในโปรเจ็กต์ใหม่ต่อไป โดยอยู่ในขั้นตอนการศึกษา และมีแผนเปิดตัวในอนาคต เน้นในทำเลที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า พร้อมวางคอนเซ็ปต์ที่มีเอกลักษณ์ การดีไซน์ที่มีความโดดเด่น ให้สอดคล้องในแต่ละพื้นที่