‘เซ็นทารา อยุธยา’ โรงแรมไลฟ์สไตล์อวดเสน่ห์ร่วมสมัย ใจกลางเมืองมรดกโลก

บริการโรงแรมน้องใหม่แห่งนี้ เปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2566 เผยโฉมโดดเด่น ดีไซน์ทันสมัย พร้อมมาตรฐานระดับสากล ปักธงใจกลาง “พระนครศรีอยุธยา” เมืองมรดกโลกแห่งประวัติศาสตร์

ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา เล่าว่า “เราพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกสู่ เซ็นทารา อยุธยา โรงแรมไลฟ์สไตล์สมัยใหม่พร้อมมาตรฐานการบริการระดับสากล โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่บนทำเลอันยอดเยี่ยม สะดวกสบาย ใกล้แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ชื่อดัง และติดศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา พร้อมเป็นจุดหมายปลายทางแบบ All-In-One ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักเดินทางทั้งสำหรับผู้ที่มาท่องเที่ยว พักผ่อน และติดต่อธุรกิจ”

 

เซ็นทารา อยุธยา ตั้งอยู่ใจกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง และห่างจากอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาเพียง 15 นาที เมื่อโดยสารทางรถยนต์ อีกทั้งยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ของอยุธยา อาทิ วัดใหญ่ชัยมงคล และวัดมหาธาตุ เหมาะสำหรับการมาท่องเที่ยวและพักผ่อนทั้งสำหรับชาวไทยและต่างชาติ 

โดยให้บริการห้องพักและสวีทจำนวน 224 ห้อง เริ่มตั้งแต่ห้องดีลักซ์ ขนาด 30 ตารางเมตร ไปจนถึงห้องเอ็กเซ็กคูทีฟสวีท ขนาด 63 ตารางเมตร ห้องพักทุกห้องได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานระหว่างความสง่างามร่วมสมัยและเสน่ห์ของความเป็นอยุธยาแบบดั้งเดิมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว 

 

นอกจากนี้ เซ็นทารา อยุธยา ยังเป็นโรงแรม “เพ็ท-เฟรนด์ลี่”  (Pet-Friendly) ตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกลุ่ม “คนรักสัตว์เลี้ยง” ด้วยการอนุญาตให้แขกผู้เข้าพักสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าพัก และใช้บริการโรงแรมได้โดยไม่จำกัดน้ำหนักของสัตว์เลี้ยง ค่าบริการเริ่มต้นที่ 500 บาทต่อตัวต่อคืน โดยจัดสรรพื้นที่ของโรงแรมบนชั้น 4 เป็นการเฉพาะ รวม 16 ห้องพักเพื่อรองรับแขกผู้เข้าพักที่นำสัตว์เลี้ยงมาด้วย

ขณะเดียวกัน โรงแรมแห่งนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าองค์กร ที่มองหาพื้นที่สำหรับจัดงานอีเวนต์ งานสัมมนา และงานประชุม โดยมีห้องประชุม 3 ห้อง รวมถึงบริเวณพื้นที่ส่วนกลางกว้างขวาง สามารถรองรับแขกรวมกันได้ถึง 250 คน

นอกจากความทันสมัยของตัวโรงแรมแล้ว เซ็นทารา อยุธยา ยังมอบประสบการณ์ด้านอาหารให้แก่แขกผู้เข้าพัก เพราะเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร “House of Kin” ให้บริการอาหารไทยและนานาชาติหลากหลายเมนู พร้อมเสิร์ฟความอร่อยตลอดวัน ทั้งมื้อเช้า กลางวัน และเย็น อีกทั้งยังมี “Summer Coffee” คาเฟ่ชื่อดังของอยุธยา ที่เซ็นทารานำมาเปิดให้บริการบริเวณล็อบบี้ของโรงแรม นำเสนอกาแฟคุณภาพระดับพรีเมียม เครื่องดื่มสูตรพิเศษต่างๆ รวมถึงเค้กและขนมอบหลากเมนู

สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบบรรยากาศของสีสันยามค่ำคืน เซ็นทารา อยุธยา ยังเป็นที่ตั้งของ “Diwa Rooftop Bar & Restaurant” ห้องอาหารและบาร์ที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 20 ของโรงแรมฯ ให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อยกับอาหารไทยฟิวชั่น พร้อมเพลิดเพลินกับวงดนตรีสดทุกสุดสัปดาห์ไปพร้อมๆ กับวิวสวยของเมืองอยุธยา

วธูกานต์ อินทศรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย เซ็นทารา อยุธยา กล่าวว่า หลังจากเปิดให้บริการโรงแรมแห่งนี้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าพักด้วยสัดส่วนเท่ากันที่ 50% โดยชาวต่างชาติที่เข้าพักสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เกาหลีใต้ ไต้หวัน สเปน สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย จากแผนงานตั้งเป้าดึงชาวไทยเข้าพัก 70% ส่วนอีก 30% เป็นชาวต่างชาติ สร้างอัตราการเข้าพักเฉลี่ยตลอดปีนี้ให้ได้ 50% 

ปัจจุบันโรงแรมมีลูกค้ากลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ซึ่งนิยมมาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม กับกลุ่มองค์กร เดินทางเชิงไมซ์ (MICE) เพื่อประชุมสัมมนา ครองสัดส่วนกลุ่มละ 50% เท่าๆ กัน โดยตลาดกลุ่มองค์กร ส่วนใหญ่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งนิยมเข้าพัก 3-4 วัน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มมาจัดเอาท์ติง (Outing) และในอนาคตมีแผนดึงลูกค้ากลุ่มพำนักระยะยาว (Longstay) ด้วย โดยในไตรมาส 1 ปี 2567 ตั้งเป้าหมายทำราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) ให้ได้ 3,500 บาทต่อคืน 

“เมื่อดูซัพพลายโรงแรมในอยุธยาแล้ว พบว่ายังมีไม่มากนัก เฉพาะโรงแรมที่มีเชนรับบริหาร 2 แห่ง นอกนั้นเป็นรีสอร์ตสไตล์บูทีคริมน้ำ เราจึงเห็นโอกาสเข้ามาทำตลาดที่นี่ ด้วยการพัฒนาสไตล์โรงแรมตึกสูงที่มีรูฟท็อปบาร์ให้บริการ เพื่อเจาะลูกค้าทั้งนักท่องเที่ยวและกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการมาพักผ่อนสังสรรค์หลังเลิกงาน”