‘หาดทิพย์’เล็งขยายพอร์ต ‘เครื่องดื่มแอลกอฮอล์-รีเทล’

ช่วงโควิด-19 ระบาด “หาดทิพย์” เผชิญวิกฤติและความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจไม่แพ้กัน จนหาทางรอดด้วยการขยายธุรกิจใหม่ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้จัดจำหน่ายและกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงผนึกพันธมิตรลุยธุรกิจร้านอาหาร

ทว่า 2 ปี ต้องยุติกิจการต่างๆ เพราะ “ขาดทุนหลักร้อยล้าน” เหลือไว้เพียงอสังหาฯ ต่อยอดที่ดินหรือแลนด์แบงก์ใน 14 จังหวัด

“ตอนขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเรามีประสบการณ์ อยู่ในพื้นที่ภาคใต้มาครึ่งศตวรรษ ด้วยกำลังพล 2,500 ชีวิต มองว่ามีศักยภาพในการทำอย่างอื่นได้เพื่อตอบโจทย์คนในพื้นที่กว่า 10 ล้านคน แต่กลับสะดุดหน้าคว่ำ จมูกแตก” พลตรี พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด(มหาชน) ฉายภาพ

บริษัทวางแผน 10 ปี (2566-2575) สร้างการเติบโตเกือบ “เท่าตัว” หรือมีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลมในพื้นที่ภาคใต้ไม่ต่ำกว่า 80% จากปี 2566 ปิดรายได้ 7,806 ล้านบาท เติบโต 14% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้โต 6-8% “กำไรสุทธิ” 598 ล้านบาท เติบโต 38.8%

เป้าหมายเติบโตเกือบเท่าตัวมุ่งสู่ 1.5 หมื่นล้านบาท

ตามแผน 10 ปี บริษัทมีโปรเจกต์ลงทุน “เมกะแพลนต์” หรือสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มขนาดใหญ่ 4 สายการผลิต ทั้งไลน์ผลิตเครื่องดื่มขวดแก้ว ไลน์ผลิตเครื่องดื่มบรรจุภัณฑ์พีอีที (PET) ในพื้นที่เดียวกันที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และ “ปิดโรงงานผลิตเครื่องดื่ม” ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

“โรงงานผลิตใหญ่ที่พุนพินอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ ศูนย์กลางการขนส่ง ป้อนวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ และผลิตเครื่องดื่มเพื่อกระจายไปยังจุดบริการของบริษัท 20 แห่ง ใน 14 จังหวัดภาคใต้ ช่วยประหยัดต้นทุนดีกว่า"

เมกะแพลนต์ลงทุนราว 1,000 ล้านบาท อีก 2-3 ปีแล้วเสร็จ ส่วนโรงงานหาดใหญ่จะแปรเป็นคลังสินค้า คาดเพิ่มพื้นที่อีก 1 หมื่นตร.ม. จากคลังที่สุราษฎร์ฯ มีพื้นที่ 2-3 หมื่นตร.ม.

โปรเจคลงทุนใหญ่ "เมกะแพลนต์" รวมโรงงานผลิตไว้ที่อ.พุนพิน

ปี 2567 บริษัทยังเตรียมงบลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท โดย 200 ล้านบาท เป็นงบลงทุนปกติ อีก 800 ล้านบาท ใช้ซื้อเครื่องจักรผลิตเครื่องดื่มบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วแบบคืนขวด และลงทุนคลังสินค้า 

กลยุทธ์สร้างการเติบโต บริษัทยังมีแผนนำเข้าสินค้าใหม่ๆ ของกลุ่มโคคา-โคล่า มาจำหน่ายเพิ่มโดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมดื่ม (RTD : Ready to Drink) ซึ่ง “โคคา-โคล่า” ได้จับมือวิสกี้ “แจ็คเดเนียล” ออกสินค้าขายในประเทศอื่นๆ เมื่อปี 2564 และมองเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์หมวดอื่น เช่น ชา กาแฟพร้อมดื่ม หรือ Juice & Dairy & Plant Base ภายใต้พอร์ตโฟลิโอโคคา-โคล่า ที่มีสินค้ามากกว่า 200 แบรนด์

โดยแผนดังกล่าวอยู่ระหว่างหารือกับพาร์ทเนอร์บิ๊กน้ำดำ "โคคา-โคล่า" เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ

น้ำอัดลมทำรายได้หลักให้หาดทิพย์

ในอนาคตยังมองการพัฒนาอสังหาฯ ต่อเนื่อง และร่วมมือพันธมิตรรุก “ค้าปลีก”หรือรีเทล การขยายทำเลไปกระบี่ จากปัจจุบันพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับ 3-4 ล้านบาท ที่หาดใหญ่เข้าสู่เฟส 3 มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท

ด้านตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมปี 2567 คาดเติบโตไม่ต่ำกว่าปี 2566 จากการท่องเที่ยวโดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ฟื้นตัวเร็วกว่าภูมิภาคอื่นของไทย เฉพาะตลาดน้ำอัดลมในภาคใต้เติบโต 17% ขณะที่ภาพรวมเติบโต 12-13% ปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 6-8%