‘ทุนฝรั่งเศส’ ลงทุนใหญ่ไทยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ผลิตแว่นตาและเลนส์แบรนด์ดัง

อีกทุนภาคเอกชนจากต่างประเทศที่เข้ามาปักหลักลงทุนในประเทศไทยมายาวนานกับ ประเทศฝรั่งเศส โดยแม้ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ยังมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมาตลอด สะท้อนมุมมองได้จาก "อาร์โนด์ เบียเลคกิ" กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โซเด็กซ์โซ่ 

นอกจากนี้ยังมีอีกบทบาทสำคัญกับการได้รับการแต่งตั้งจาก รัฐบาลฝรั่งเศส ในฐานะปรึกษาธุรกิจ สำหรับนักธุรกิจฝรั่งเศสที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และนักธุรกิจไทยจะต้องการไปลงทุนที่ฝรั่งเศส

 

“อาร์โนด์ เบียเลคกิ” กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โซเด็กซ์โซ่ ในฐานะปรึกษาธุรกิจ สำหรับนักธุรกิจฝรั่งเศสที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และนักธุรกิจไทยจะต้องการไปลงทุนที่ฝรั่งเศส ฉายภาพ “ความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทย-ฝรั่งเศส” กับภาคเอกชนฝรั่งเศสมีความเชื่อมั่นกับประเทศไทย จึงมีการขยายการลงทุนมาตลอด และในปัจจุบันมีบริษัทฝรั่งเศสที่อยู่ในประเทศไทยจำนวนประมาณ 300 บริษัท หากสำรวจในปีก่อนมีการลงทุนครั้งใหญ่ในไทยกับ ผู้ผลิตแว่นตาขนาดใหญ่ในโลก กับ บริษัท เอสซีลอร์ลูซอตติกา (ประเทศไทย) จำกัด หรือ EssilorLuxottica (Thailand) ลงทุนสร้างโรงงานในระยอง ด้วยเงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท 

หากทำความรู้จัก เอสซีลอร์ลูซอตติกา จากฝรั่งเศส เป็นผู้นำระดับโลกด้านการออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายเลนส์แว่นตา กรอบแว่น และแว่นกันแดด ให้แก่แบรนด์ระดับโลกมากมาย ซึ่งเป็นการรวมตัวกันระหว่างเอสซีลอร์และลูซอตติกา โดยได้เปิดโรงงานการผลิตที่ประเทศไทย อยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ (WHA Eastern C board 4) จังหวัดระยอง ปัจจุบันมีพนักงาน 600 คน และคาดว่าอีก 2 ปีจะเพิ่มถึง 7,000 คน

สำหรับการเลือกลงทุนในประเทศไทย มาจากการที่บริษัทมีโรงงานในประเทศไทยอยู่แล้วจำนวนสองโรงงาน จึงได้มีการขยายลงทุนเพิ่มเติม โดยที่ผ่านมาได้มีการประเมินว่าจะเลือกไปสร้างโรงงานใหม่ในประเทศอื่นหรือไม่ แต่ได้ตัดสินใจที่จะลงทุนในไทยยาว

ขณะเดียวกันในช่วงสองปีก่อนยังมีภาคเอกชนจากฝรั่งเศส ได้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย กับ Revima Asia Pacific Company ประกอบธุรกิจซ่อมอากาศยานหรือชิ้นส่วนของอากาศยาน เช่น ล้อหรือส่วนใดๆ ที่ใช้รับน้ำหนักเมื่อลงสู่พื้น โดยได้ประเมินถึงโอกาสและศักยภาพของประเทศไทยในการลงทุน รวมถึงมี FORVIA เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ให้กับบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำทั่วโลกเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานในไทยเช่นกัน

ชี้ภาคเอกชนฝรั่งเศส ยังเลือกขยายลงทุนในไทย

ทิศทางระยะต่อจากนี้ไป ภาคเอกชนจากฝรั่งเศสต่างมีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน แม้ว่าประเทศไทยจะมีค่าแรงที่สูงมากกว่าก็ตาม แต่ประเทศไทยมีศักยภาพจากการจากการมีพื้นฐานโลจิสติกส์ที่มีความพร้อม มีระบบสาธารณูปโภคและระบบขนส่งมวลชนที่มีความสะดวกอย่างมาก

“หากพิจารณาค่าแรงของประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้าน โดยประเทศไทยอาจสูงกว่าก็ตาม แต่เมื่อเปรียบเทียบในด้านอื่นๆ ประเทศไทยมีปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน”

อีกปัจจัยน่าติดตามกับในช่วงปลายสัปดาห์นี้โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย มีกำหนดการเดินทางไปเยือนฝรั่งเศส พร้อมมีแผนหารือกับ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส รวมถึงมีแผนหารือกับภาคเอกชนในประเทศฝรั่งเศสหลากหลายกลุ่ม ในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมการบิน เพื่อเชิญชวนเข้ามาขยายการลงทุนในประเทศไทยระยะต่อไป ในอุตสาหกรรมที่ภาครัฐไทยกำลังเร่งผลักดัน ทั้งรถยนต์ การบิน และโครงการแลนด์บริดจ์ 

ประเมินธุรกิจรีเทลไทยมีโอกาสสูงขยายลงทุนในฝรั่งเศส

อย่างไรก็ตาม แม้ที่ผ่านมา ภาคเอกชนจากฝรั่งเศส จะเข้ามาลงทุนจำนวนมาก แต่ในอีกด้านประเทศฝรั่งเศสพร้อมเปิดรับภาคธุรกิจจากประเทศไทยเข้าไปลงทุนเช่นกัน ยกตัวอย่างบริษัทไทยที่ทำธุรกิจอยู่ในฝรั่งเศสแล้ว อาทิ บริษัท ไทยยูเนี่ยนโฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำ กัด (มหาชน) - PTTGC และ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยอยู่

ทั้งนี้โอกาสการลงทุนของภาคเอกชนไทยในประเทศฝรั่งเศสมีระดับสูง ยกตัวอย่างกับ ธุรกิจรีเทล โดยธุรกิจศูนย์การค้าในประเทศฝรั่งเศส จะไม่มีรูปแบบเหมือนกับประเทศไทย ซึ่งในประเทศไทย ศูนย์การค้าจะรวบรวมแบรนด์ต่างๆ และร้านค้าได้อย่างครบวงจร แต่ในฝรั่งเศสจะเป็นร้านแบรนด์เนมที่อยู่กันตามทำเลต่างๆ ดังนั้น หากผู้ประกอบการไทยกลุ่มรีเทล เดินหน้าขยายไปในฝรั่งเศสเชื่อว่ามีโอกาสขยายธุรกิจได้ดีในระยะยาว

“กลุ่มผู้ประกอบการรีเทลในไทย เป็นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูงมากและหากเปรียบเทียบกับฝรั่งเศสมีความโดดเด่นมากกว่าด้วย เพราะศูนย์การค้าในไทยได้จัดทำพื้นที่ และรวบรวมแบรนด์ต่างๆ ได้อย่างครบ พร้อมสร้างบรรยากาศ ที่ร่วมดึงดูดทุกคนให้อยากมาเดินเลือกซื้อสินค้า มองว่า หากผู้ประกอบการรีเทลไทยไปขยายการลงทุนในฝรั่งเศส เชื่อว่ามีศักยภาพมากที่จะดึงดูดความสนใจจากทั้งกลุ่มลูกค้าในฝรั่งเศส และนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ"

โซ่เด็กซ์โซ่ เดินหน้าสร้างธุรกิจอย่างยั่งยืนในไทย

สำหรับโซ่เด็กซ์โซ่ (Sodexo) ประเทศไทย ได้เข้ามาขยายธุรกิจในไทยตั้งแต่ปี 2547 แล้ว ร่วมประมาณ 20 ปีมีธุรกิจทั้งบริการด้านอาหาร ด้านอาคาร บริการด้านเทคนิคและวิศวกรรมอาคารและบริการทั่วๆ ไป  ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 3,700 คน ประจำอยู่กว่า 200 ไซต์งาน 

สำหรับโซ่เด็กซ์โซ่ ทั่วโลก ปัจจุบันมีพนักงาน 430,000 คน จำนวน 45 ประเทศทั่วโลก โดย โซเด็กซ์โซ่ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้คะแนนสูงสุดจากการประเมินด้านความยั่งยืนของบริษัทติดต่อกัน 18 ปีซ้อน  (GJSI :  Dow Jones Sustainability Indices)