‘ฝรั่งเตะหมอ’ สะเทือนภูเก็ต? ‘สุดาวรรณ’ ย้ำดูแลคนไทย-ต่างชาติ ตามกฎหมายไทย

‘ฝรั่งเตะหมอ’ สะเทือนภูเก็ต? ‘สุดาวรรณ’ ย้ำดูแลคนไทย-ต่างชาติ ตามกฎหมายไทย

‘สุดาวรรณ’ รมว.ท่องเที่ยวฯ ย้ำดูแลความปลอดภัย ‘คนไทย-ต่างชาติ’ ตามกฎหมายไทย หลังคดี ‘ฝรั่งเตะหมอ’ สะเทือนความเชื่อมั่นคนภูเก็ต ‘ฐาปนีย์’ ผู้ว่าการ ททท. ชี้ภาคราชการต้องเร่งสร้างความมั่นใจในทุกพื้นที่ ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ถูกคุกคามโดย 'มาเฟีย' ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ

จากประเด็นร้อน "ฝรั่งเตะหมอ" บนโซเชียลมีเดีย กรณีแพทย์หญิงรายหนึ่งวัย 26 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต ว่าถูกนายอูรส์ บีท เฟอร์ หรือ เดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าของพูลวิลล่าและเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้าง ริมหาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง เตะเข้ากลางหลังได้รับบาดเจ็บ ขณะนั่งชมพระจันทร์ในคืนวันมาฆบูชากับเพื่อน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา บริเวณบันไดพูลวิลล่า ซึ่งคิดว่าอยู่ในพื้นที่ชายหาดสาธารณะ

ล่าสุดชาวภูเก็ตได้รวมตัวออกมาขับไล่ให้นายเดวิดกลับประเทศตนเอง ขณะเดียวกันบนโลกโซเชียลต่างตั้งคำถามเกี่ยวกับการปกป้องดูแลประชาชนเจ้าของพื้นที่

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากกรณีดังกล่าว เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้พยายามอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่ดูแลเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น แต่เป็นประเด็นความปลอดภัยที่ต้องดูแลคนไทยในประเทศด้วย 

“ในเคสนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้องต่างทำงานอย่างขะมักเขม้น เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องของชาวต่างชาติหรือคนไทย เพราะทุกอย่างเมื่อเกิดเหตุบนแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติหรือคนไทย ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายไทย”

ทั้งนี้ จ.ภูเก็ต กลับมาบูมอีกครั้ง หลังได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในยุคหลังโควิด-19 ระบาด ส่งผลให้มีชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่ในภูเก็ตจำนวนมาก จึงมองว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ ต้องบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ทั้งกระทรวงมหาดไทย (มท.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดูแลเรื่องนี้

สำหรับหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ อาทิ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว มีช่องทางรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน พร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง โดยในจุดที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น ทางตำรวจท่องเที่ยวก็จะเข้าไปดูแลอยู่แล้ว ไม่ได้รอให้เกิดเหตุก่อนค่อยลงพื้นที่ ขณะเดียวกันยังร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าไปดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวให้ทั่วถึงมากที่สุด ส่วนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีหน้าที่ทำการตลาดส่งเสริมดึงชาวต่างชาติเข้ามาจับจ่าย กระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง

‘ฝรั่งเตะหมอ’ สะเทือนภูเก็ต? ‘สุดาวรรณ’ ย้ำดูแลคนไทย-ต่างชาติ ตามกฎหมายไทย

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากกรณีชาวต่างชาติทำร้ายแพทย์หญิงใน จ.ภูเก็ต ต้องยอมรับว่าโลกโซเชียลมีเดียจะเป็นตัวช่วยให้กับทุกๆ คนได้เห็นว่าความเป็นจริงคืออะไร ส่งผลให้ภาคประชาชนของภูเก็ตออกมารวมตัวกันเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ขณะเดียวกันเรื่องบังคับใช้กฎหมาย ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ถูกก็ต้องว่าไปตามถูก 

แต่แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่ได้สะท้อนให้ทุกคนต้องพึงระวังว่า สังคมโซเชียลมีเดียสามารถจะพิเคราะห์ได้เองว่าใครควรจะได้รับการลงโทษแบบไหน ทั้งในแง่พฤตินัยและนิตินัย โดยในแง่ของพฤตินัย ถ้าโดนกระแสสังคมจัดการ ตรงนี้ก็หนักแล้ว ส่วนในแง่นิตินัยหรือกฎหมาย ถ้าพบว่าทำความผิด ก็ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด

“ผู้ที่กระทำความผิด ไม่ว่าจะมาจากประเทศอะไรก็แล้วแต่ หน่วยงานภาคราชการและหน่วยงานภาคประชาชนก็ต้องดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ของตัวเอง โดยหน่วยงานภาคประชาชนสามารถเป็นหูเป็นตาช่วยหน่วยงานภาคราชการได้ ขณะเดียวกันหน่วยงานภาคราชการก็ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาลุกลามบานปลาย”

และแน่นอนว่าตอนนี้เราก็เห็นแล้วว่านักท่องเที่ยวหรือใคร ซึ่งยังไม่ควรเจาะจงว่าคนคนนั้นเป็นมาเฟียจากชาติไหน มันอยู่ที่การกระทำมากกว่า เพราะแม้แต่คนไทย ก็จะไปรุกรานชาวต่างชาติไม่ได้เช่นกัน ขณะเดียวกันชาวต่างชาติเมื่อมาท่องเที่ยวหรืออาศัยในไทย ก็ไม่สามารถรุกรานสิทธิของคนอื่นได้เช่นกัน ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสากลที่ทุกคนต้องพึงระวัง ต้องปฏิบัติตามกฎกติกาในการอยู่ร่วมกัน

"และจากเหตุการณ์นี้ ทำให้ภาคประชาชนของจังหวัดภูเก็ตเริ่มออกมาสะท้อนเสียง ทำให้มีการปรามบุคคลที่มีแนวโน้มจะกระทำความผิด ให้หยุดกระทำความผิด ในส่วนของภาคราชการก็ต้องพยายามสร้างความมั่นใจในทุกพื้นที่รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ที่ถูกคุกคามโดยมาเฟีย ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ" นางสาวฐาปนีย์กล่าว

‘ฝรั่งเตะหมอ’ สะเทือนภูเก็ต? ‘สุดาวรรณ’ ย้ำดูแลคนไทย-ต่างชาติ ตามกฎหมายไทย