‘Dairy Queen’ สู้ศึกร้านนั่งกิน เปิด ‘DQ Lounge’ เน้นเมนูใหม่ ถือทานยาก

‘Dairy Queen’ สู้ศึกร้านนั่งกิน เปิด ‘DQ Lounge’ เน้นเมนูใหม่ ถือทานยาก

แค่ซอฟต์เสิร์ฟไม่พอแล้ว! “Dairy Queen” ลุยเปิด “DQ Lounge” เน้นพื้นที่นั่งกิน พร้อมเมนูใหม่ “พาเฟ่ต์-โทสต์-ทิมเบอร์ริง-บราวนี่” ย้ำ ไม่ขอแข่งบนเกมราคา-บุก Red Ocean อื่น เชื่อ “Core business” ยังแข็งแรง ปีนี้ได้เห็นเพิ่มอีก “10 แห่ง”

กว่า 80% ของส่วนแบ่งในตลาดไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ ตกเป็นของ “แดรี่ควีน” (Dairy Queen) โดยมีเมนูยอดนิยมอย่าง “บลิซซาร์ด” ที่สร้างยอดขายให้แบรนด์ได้มากถึง 65% โดยในปีนี้ “แดรี่ควีน” มีแผนสร้างการเติบโตอีกมากมาย ทั้งการออกเมนู “Seasonal” ใหม่ๆ รวมทั้งการมาถึงของรูปแบบร้าน “DQ Lounge” จากเดิมที่ “แดรี่ควีน” โดดเด่นในรูปแบบร้าน “คีออส” (Kiosk) เน้นให้ผู้บริโภคซื้อทานแบบ “Grab & Go” มาปีนี้แบรนด์ขอลุยโมเดลใหม่ สู้ศึกของหวานนั่งทานในร้าน โดยมี “เซ็นทรัล เวสต์เกต” (Central Westgate) ประเดิมสาขาแรก ด้วยพื้นที่ 40 ตารางเมตร

“ธนกฤต กิตติพนาชนม์” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมเนอร์ ดีคิว จำกัด บริษัทในเครือ “ไมเนอร์ กรุ๊ป” ระบุว่า แม้ที่ผ่านมา แบรนด์จะมีภาพจำในรูปแบบร้าน “คีออส” แต่กลับพบว่า การจ่ายเงินแล้วเดินออกไปทันทีที่ได้รับสินค้าไม่สามารถสร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภคได้เท่าที่ควร โจทย์ของ “แดรี่ควีน” คือจะทำอย่างไรให้ลูกค้าซึมซับบรรยากาศภายในร้านได้ ให้ลูกค้ามีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจมากขึ้น จึงเป็นที่มาของ “DQ Lounge”

‘Dairy Queen’ สู้ศึกร้านนั่งกิน เปิด ‘DQ Lounge’ เน้นเมนูใหม่ ถือทานยาก

ในส่วนของรูปแบบเลานจ์ “แดรี่ควีน” ได้เพิ่มพื้นที่นั่งกินในร้าน มีสัดส่วนประมาณ 40% ของตัวร้านทั้งหมด เมนูยืนพื้นดั้งเดิมยังคงมีอยู่ และมีเมนูใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาสำหรับสาขารูปแบบนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นครัวซองต์ ทิมเบอริง โทสต์ หรือบราวนี่ “ธนกฤต” ระบุว่า จากการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึกในปีที่ผ่านมาพบว่า “แดรี่ควีน” มีโอกาสเติบโตในสัดส่วนของเครื่องดื่มและเบเกอรีอีก ซึ่งหลังจากร้านรูปแบบเลานจ์เปิดให้บริการไปได้เพียง 1 - 2 เดือน ปรากฏว่า ยอดขายเมนูใหม่เติบโตกว่า 20% ทำให้ในปีนี้ “แดรี่ควีน” ตั้งเป้าปักหมุด “DQ Lounge” เพิ่มอีก 10 แห่ง โดยสาขาที่สองจะไปต่อที่ “ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต”

“เราจะเปิดร้านรูปแบบนี้ ก็ต่อเมื่อเป็นสาขาแห่งที่ 2 หรือ 3 ของ “แดรี่ควีน” ในห้างนั้นๆ เพราะพฤติกรรมส่วนใหญ่ของลูกค้ายังติดกับการซื้อรูปแบบ “Grab & Go” แต่ก็มีอีกส่วนที่สนใจจะพักผ่อน และอยากลองสินค้าใหม่ๆ สาขาที่ 2 ของ “DQ Lounge” ตอนนี้เราดูที่ “ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต” ซึ่งจะเป็นสาขาที่ 3 ที่อยู่ในศูนย์การค้าดังกล่าวแล้ว เป็นโอกาสที่ดีที่จะขยับขยายให้ลูกค้าทราบว่า เรามีมากกว่าร้านคีออส

ทั้งนี้ อีกส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามา คือตู้ดิสเพลย์หน้าร้าน เพื่อโชว์สินค้าเมนูพิเศษ ผู้บริหาร “แดรี่ควีน” ให้ข้อมูลว่า จากร้านคีออสรูปแบบเดิม ทำให้พบว่า สินค้าที่ถูกวางในตู้แช่ด้านข้างร้านให้ความรู้สึกเหมือน “ตู้เก็บของ” มากกว่า ลูกค้าต้องการเห็นหน้าตาสินค้าเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย

‘Dairy Queen’ สู้ศึกร้านนั่งกิน เปิด ‘DQ Lounge’ เน้นเมนูใหม่ ถือทานยาก

เมื่อถามว่า การมาถึงของร้านรูปแบบ “DQ Lounge” เกิดขึ้นเพราะการแข่งขันในตลาดไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟที่ดุเดือดขึ้นหรือไม่ “ธนกฤต” ให้ข้อมูลว่า ทุกครั้งที่มีการออกโปรดักต์ หรือประเดิมคอนเซปต์ใหม่ ทีม “แดรี่ควีน” จะวางแผนกันล่วงหน้า 1 ปี สิ่งที่แบรนด์โฟกัสมีสองส่วนหลักๆ คือ โปรดักต์ และการสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค

หากถามว่า มีความกังวลในเรื่องของคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ระบุว่า มีความกังวลบ้าง แต่ด้วยความที่ “แดรี่ควีน” เป็นเจ้าตลาด จึงเลือกที่จะโฟกัส “Key competency” หรือสมรรถนะ-ความชำนาญของแบรนด์เป็นหลัก ไม่ขอลงแข่งในเรื่อง “เกมราคา” หรือบุก “Red Ocean” ที่มีผู้ครองตลาดอยู่แล้ว เพราะตอนนี้แบรนด์ยังเติบโตได้ดี เชื่อว่า ความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีกับแบรนด์ยังแข็งแรง

สำหรับเป้าหมายของ “DQ Lounge” ในปีนี้ “ธนกฤต” เปิดเผยว่า ตั้งเป้าไปให้ถึง 10 สาขา โดยราคาลงทุนต่อสาขาอยู่ที่ “3 ล้าน ถึง 3.5 ล้านบาท” มากกว่าร้านรูปแบบคีออสราว 20% ส่วนขนาดพื้นที่ของร้าน วางไว้ที่ 50 ถึง 60 ตารางเมตรต่อสาขา โดยจะเลือกปักหมุดห้างสรรพสินค้าที่มีร้านแดรี่ควีนแบบคีออสก่อน ส่วนแผนในการบุกโซน “CBD” เป็นหนึ่งในเป้าหมายเช่นกัน และตั้งใจปั้นให้เป็นรูปแบบ “แฟลกชิป สโตร์” ด้วย แต่จะไปถึงตรงนั้นเมื่อไร คงเป็นแผนการที่ต้องมีการพูดคุยกันต่อไปในอนาคต