แผนปี 67 ‘อาฟเตอร์ ยู’ ลงสนามใหญ่ เล็งออกสินค้าใหม่ เจาะร้านสะดวกซื้อ
หมากรบ "อาฟเตอร์ ยู" ปี 2567 นอกจากจะเห็นการเปิดร้านขนมหวานเพิ่ม 10-12 สาขา ปีนี้จะเห็นการพัฒนาสินค้าอุปโภคบริโภคหรือ Consumer Goods เพื่อเจาะร้านสะดวกซื้อและห้างค้าปลีกประเภทอื่นๆ นับเป็นการลงสนามใหญ่ เพื่อสร้างการเติบโตของบริษัท
“อาฟเตอร์ ยู” ร้านขนมหวานพันล้าน ที่ “เมย์ กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ” ปลุกปั้นร่วมกับญาติพี่น้อง ยังคงสร้างการเติบโตต่อเนื่อง และเมื่อดูผลงานปี 2566 เรียกว่ากลับเข้าสู่การทำเงินปกติเหมือนปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด ส่วน “กำไรสุทธิ” ยังต้องออกแรงฮึด! อีกอึดใจ เพราะจบปีด้วยตัวเลขที่ยังต่ำกว่า 200 ล้านบาท
แผนงานปี 2567 บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด(มหาชน) ยังคงเปิดเกมรุกสร้างการเติบโต โดยปักหมุดทำเลทองเปิดร้านขนมหวานและเครื่องดื่มเพิ่ม 10-12 สาขา โฟกัสพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวและย่านที่พักอาศัยที่ “มีกำลังซื้อ” มีลูกค้าจำนวนมาก เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมมากขึ้น ร้านผลไม้ “ลูกก๊อ” ก็เปิดเพิ่ม 5-7 สาขา ยังคงยึด “ห้างค้าปลีก” ในกรุงเทพฯ ขณะที่ร้านกาแฟ “มิกก้า” ยังมองโอกาสมีร้านใหม่ๆ จากปัจจุบันร้านมีทั้งสิ้น 125 สาขา
เล็งออกสินค้าใหม่ป้อนร้านสะดวกซื้อ ห้างค้าปลีก
เพราะสินค้า(Product) คือหัวใจสำคัญในการดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ปี 2567 บริษัทจะพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ “หมวดอุปโภคบริโภค” หรือ Consumer Goods เจาะช่องทางจำหน่าย “ร้านสะดวกซื้อและค้าปลีกอื่น” พร้อมมองโอกาสใหญ่ด้วยการร่วมมือกับ “คู่ค้าทั้งในและต่างประเทศเพื่อออกสินค้าใหม่ๆ” ขายผ่านห้างค้าปลีกสมัยใหม่(Modern trade)แบบเต็มตัวด้วย ซึ่งนับเป็นการมอง “ขุมทรัพย์การตลาด” ที่ใหญ่ขึ้น เพราะเป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่และกว้าง(Mass)ยิ่งกว่าเดิม ส่วนผลิตภัณฑ์เดิม จะเห็นการผนึกพันธมิตรเพื่อปั๊มยอดขายโตคู่ขนานกันไป
ด้านแผนงานต่างประเทศ อาฟเตอร์ ยู เพิ่งเปิดสาขาที่แอร์ไซด์ ฮ่องกง เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567 และไตรมาส 3 ปีนี้จะเห็น “การเปิดร้านสาขาแรกที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา” โดยการลุยตลาด หาโอกาสในต่างแดนเพิ่ม เป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดเดียว อีกด้านเป็นการต่อจิ๊กซอว์เติบโตระยะยาวด้วย
เชนร้านอาหารยังโต ปี 68 คาดมูลค่ากว่า 3.47 แสนล้านบาท
สำหรับทิศทางธุรกิจเครือข่ายร้านอาหารไทยหรือเชน ปี 2566-2568 อาฟเตอร์ ยู มองการเติบโตเฉลี่ย 7.71% และปีนี้การฟื้นตัวมีต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปี 2566 มูลค่าตลาดมากกว่า 2.99 แสนล้านบาท ปี 2568 คาดการณ์มูลค่ากว่า 3.47 แสนล้านบาท
ด้านผลงานของบริษัท ปิดปี 2566 บริษัทสร้างรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,217 ล้านบาท เติบโต 30% จากปี 2565 และมี “กำไรสุทธิ” อยู่ที่ 178 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% โดยโครงสร้างรายได้ยังมาจากร้านขนมหวานและเครื่องดื่มแบรนด์ “อาฟเตอร์ ยู” ซึ่งปิดปีที่ผ่านมามีร้านให้บริการลูกค้า 61 สาขา ร้านกาแฟมิกก้า 8 สาขา เป็นต้นโดยทำเงินให้บริษัทในสัดส่วน 87.5% ตามด้วย การขายสินค้าและวัตถุดิบ เช่น ป้อนให้กับร้านกาแฟแฟรนไชส์ “มิกก้า”(Mikka) และอาฟเตอร์ ยู ที่ฮ่องกง สัดส่วน 6.9% การขายและการจัดงานนอกสถานที่(แคเทอริง) 4.1% และค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 1.5%
ภาพรวมรายได้บริษัทเติบโตเกือบทุกหมวด มีเพียง “แคเทอริง” ที่หดตัว 15% เนื่องจากผลตอบรับดี ทำให้มีการเปลี่ยนโมเดลมาเป็นการเปิดร้านถาวรรองรับลูกค้าแทน
เจาะแรงส่งการเติบโต
อย่างไรก็ตาม ด้านกลยุทธ์ที่ทำให้ “อาฟเตอร์ ยู” กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีหลายปัจจัย ได้แก่ การขยายสาขาของร้านขนมหวานและเครื่องดื่ม ซึ่งปี 2566 อาฟเตอร์ ยูเปิดร้านทั้งสิ้น 10 สาขา ทำให้สิ้นปีมีร้าน 61 สาขา เปิดร้านลูกก๊อที่สาขาเอ็มสเฟียร์และเดอะมอลล์ บางแค มีการเปิดร้านอาฟเตอร์ ยู โมเดลป๊อปอัพสโตร์ตามสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ ร้านข้าวโซอิ เชียงใหม่ และร้านอาหาร Midwinter เขาใหญ่ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายด้วยเมนูใหม่ๆ เช่น เสิร์ฟ 4 เมนูใหม่ อย่างโฟร์ชีสฮันนี่โทสต์ เมนูฉลองครบรอบ 16 ปีของร้าน ดาร์กเบียร์เค้กและเชดดาร์ชีสชีฟฟ่อนเค้ก เอาใจคนทานที่ร้านและซื้อกลับบ้าน เป็นต้น
อีกแรงส่งคือ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เพราะเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 11.7% และสัดส่วนลูกค้าอยู่ที่ 25.7% ด้วย