อพท. ขานรับ Soft Power ดันแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนใน ‘พื้นที่พิเศษ’ สู่เวทีโลก

อพท. ขานรับ Soft Power ดันแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนใน ‘พื้นที่พิเศษ’ สู่เวทีโลก

‘อพท.’ ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 เตรียมปักหมุดพัฒนาพื้นที่พิเศษตามมาตรฐานสากลและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ตอบโจทย์นโยบาย ‘Soft Power’ ของรัฐบาล ผลักดันแหล่งท่องเที่ยวใน ‘พื้นที่พิเศษ’ และพื้นที่เตรียมประกาศเข้าสู่การรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวในระดับโลก

นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ผ่านมา อพท. ได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการลงไปประสานงานและประสานการใช้อำนาจและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งเป็นการพัฒนาแบบองค์รวม (Holistic Development) กล่าวคือ ทำทุกเรื่องเฉพาะในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อสร้างและกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น 

โดยการพัฒนาต้องยืนอยู่บนหลักการความยั่งยืนและสมดุลใน 3 มิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ในวันนี้ อพท. จึงได้จัดงาน DASTA FORUM 2024 ในวาระพิเศษครบรอบ 20 ปี อพท. ภายใต้แนวคิด “20 ปี อพท. การเดินทางเพื่อสร้างความยั่งยืนแก่การท่องเที่ยวของไทย” มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจบทบาทภารกิจของ อพท. และนำเสนอผลงานที่สำคัญตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา และมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็นหน่วยงานกลางในการบูรณาการการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อส่งมอบแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมาตรฐานให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

 

9 พื้นที่พิเศษ ต้นแบบการท่องเที่ยวอย่างยืนยืนในประเทศไทย

ภายในงาน อพท. ได้นำเสนอพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ได้ประกาศแล้ว 9 พื้นที่ ได้แก่

1. พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง

2. พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง

3. พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมรดกโลกสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร       

4. พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเลย

5. พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองเก่าน่าน

6. พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองโบราณอู่ทองและพื้นที่เชื่อมโยง

7. พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา

8. พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย

9. พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนคุ้งบางกะเจ้า 

ความสำคัญของการประกาศเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สืบเนื่องจาก พื้นที่แหล่งท่องเที่ยวมีทรัพยากรและมีศักยภาพทางการท่องเที่ยวสูงและหลากหลาย  การดำเนินงานพัฒนาการท่องเที่ยวในรูปแบบ “พื้นที่พิเศษ” ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน เพราะเป็นการพัฒนาที่ใช้หลักการเชิงวิชาการและเชิงเทคนิคมาวิเคราะห์สถานการณ์ ปัญหาและอุปสรรคด้านการท่องเที่ยว (Pain Point) ของพื้นที่ และแก้ปัญหาความซับซ้อนหรือไม่มีเจ้าภาพชัดเจนในการพัฒนา เพื่อนำมากำหนดเป้าหมายในการพัฒนาการท่องเที่ยวของแต่ละพื้นที่ร่วมกันและเกิดการบูรณาการการพัฒนาอย่างแท้จริง

 

ผลสำเร็จในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตลอดระยะเวลา 20 ปี

อพท. ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อสร้างและกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นและให้เกิดความยั่งยืน โดยมีผลงานอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษให้เกิดความยั่งยืนตามมาตรฐานสากล โดยใช้แนวทางตามเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (Global Sustainable Tourism Criteria : GSTC) จนได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลกและได้รับรางวัล Green Destinations Top 100 Stories จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ตำบลในเวียง จังหวัดน่าน พื้นที่ตำบลเมืองเก่า จังหวัดสุโขทัย  พื้นที่ตำบลเชียงคาน จังหวัดเลย พื้นที่เกาะหมาก จังหวัดตราด และพื้นที่คลองท่อม จังหวัดกระบี่ และล่าสุด “เชียงคาน” ได้รับเหรียญเงินแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลก Green Destinations Award แห่งแรกในอาเซียน อีกด้วย

นอกจากนี้ อพท. ยังร่วมพัฒนาและยกเมืองสู่การเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network : UCCN) จำนวน 4 เมือง ได้แก่ สุโขทัย (เมืองสร้างสรรค์ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน) เพชรบุรี (เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร) เชียงราย (เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ) และสุพรรณบุรี (เมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรี) รวมทั้งยังได้ส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาการท่องเที่ยวสู่การเป็นต้นแบบการท่องเที่ยวของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก จนได้รับรางวัล PATA Gold Awards 5 รางวัล ได้แก่

1. การสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาอาชีพเพื่อยกระดับรายได้ของกลุ่มสตรีในพื้นที่พิเศษภายใต้แบรนด์ “น่านเน้อเจ้า” 

2. การสืบสานรากเหง้าแห่งภูมิปัญญาสู่การพัฒนาเยาวชนที่ยั่งยืน “DASTA NAN Youth Club”

3. การพัฒนาหลักสูตรการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อชุมชนเชิงบูรณาการ (Certificate in CBT Integrated)

4. การสนับสนุนชุมชนบ้านโคกเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ฟื้นคืนชีวิตให้มรดก (Heritage) ผ่านการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน

5. การฟื้นฟูชุมชนย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำเพชรบุรีให้กลับมามีชีวิตด้วยการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงวัฒนธรรม

 

ก้าวต่อไปในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการผลักดัน Soft Power ในพื้นที่พิเศษ

นับจากนี้ อพท. ยังคงเตรียมปักหมุดการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยยึดหลักการพัฒนาตามแนวทาง การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) เชื่อมโยงพื้นที่พัฒนาที่สำคัญเพื่อสร้างความสมดุลทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องตามจุดเน้นของแผนแม่บทภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยจะทำหน้าที่เป็นองค์กรกลางในการประสาน ส่งเสริม และสนับสนุนทุกภาคีการพัฒนาให้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงบูรณาการ ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมแบบ Co-Creation & Co-Own คือ ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ ร่วมรับผิดชอบ ร่วมรับผลประโยชน์ และร่วมเป็นเจ้าของ เพื่อให้ทุกภาคส่วนเกิดความหวงแหนในทรัพยากรการท่องเที่ยวร่วมกัน

ทั้งนี้ อพท. จะดำเนินการพัฒนาพื้นที่พิเศษฯ ตามกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญ 4 ด้านเพื่อมุ่งสู่ “การพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสู่การเป็นต้นแบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของประเทศไทยให้เป็นเมืองน่าเที่ยวและน่าอยู่” ได้แก่ 1. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล 2. เพิ่มและกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปสู่ชุมชนท้องถิ่น 3. พัฒนา Soft power สนับสนุน ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ประเพณีท้องถิ่นและพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว 4. การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้านการท่องเที่ยว ส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการผลักดันให้แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษก้าวเข้าสู่การยอมรับในเวทีระดับโลกต่อไป