‘ทีวี-ดิจิทัล-สื่อนอกบ้าน’ ครอง 91% งบโฆษณา 1.14 แสนล้าน

โดยจากการประเมิน ของ สมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย หรือ MAAT ภาพรวมในปี 2567 เป็นอีกปีที่ไม่คึกคัก

สมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย หรือ MAAT ระบุภาพรวมตลาดสื่อโฆษณาในประเทศไทยปี 2567 คาดขยายตัว 2.6% จากปีก่อน หรือมีมูลค่า 114,447 ล้านบาท ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดมีการขยายตัวสูงกับทั้ง สื่อดิจิทัล ที่คาดว่าจะขยายตัว 10% มากที่สุด จากแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้อินเตอร์เน็ตและดิจิทัลจำนวนสูง สอดรับตามไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า

รวมถึงสื่อนอกบ้าน กลายเป็นตลาดเกิดใหม่ที่กำลังขยายตัว (Emerging market) จากพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าที่ออกไปใช้ชีวิตตามปกติ ทำให้สื่อนอกบ้านในปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 10% รวมถึงสื่อ โฆษณาเคลื่อนที่ (Transit) ที่มีการขยายตัวสอดรับกับระบบขนส่งมวลขนต่างๆ ทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT ทำให้สื่อโฆษณานอกบ้านดิจิทัลในรูปแบบใหม่มาแรงต่อเนื่อง

สำหรับสื่อโฆษณาที่จะติดลบในปีนี้ ได้แก่ สื่อหนังสือพิมพ์ คาดว่าจะติดลบ 16% และสื่อทีวี ติดลบ 2.5% ส่วนสื่อวิทยุ ขยายตัว 1.5% แมกกาซีน ขยายตัว 1% และสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์ ขยายตัว 1%

ทางด้านสัดส่วนการใช้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อประเภทต่างๆ คาดการณ์เป็นดังนี้ สื่อโทรทัศน์หรือทีวี จะครองเม็ดเงินมากสุด 46% หรือมูลค่า 53,214 ล้านบาท ตามด้วยสื่อดิจิทัล ครองเม็ดเงินเป็นอันดับ 2 ด้วยสัดส่วน 29% หรือคิดเป็นมูลค่า 33,679 ล้านบาท และ สื่อโฆษณานอกบ้านและสื่อเคลื่อนที่ จะมีสัดส่วน 16% หรือคิดเป็นมูลค่า 17,878 ล้านบาท โดยหากประเมินภาพรวม 3 สื่อหลักได้แก่ สื่อทีวี ดิจิทัล สื่อนอกบ้าน ครองเม็ดเงิน 91% ของเม็ดเงินโฆษณา 114,000 แสนล้านบาท

ภวัต เรืองเดชวรชัย  และ จิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ กรรมการ MAAT ร่วมกันฉายภาพการเติบโตของสื่อโฆษณาในปี 2567 มาแรงหนุนที่สำคัญ จากการประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเติบโต 2.8% จากการท่องเที่ยว การส่งออกและการบริโภค การกลับมาใช้ชีวิตของผู้คนตามปกติโดยเฉพาะประเทศไทยที่มีอีเว้นท์ใหญ่ในแทบทุกเดือน สื่อนอกบ้านที่ขยายตัวแรง และมาจากเปิดโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ในตลาดรีเทลไทย รวมถึงการลงทุนอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (Single grid)

 

ความหวังของคนโฆษณาในปีนี้ จะเห็นเทรนด์สำคัญที่ต้องติดตามทั้ง 

1.TV Convergence การผสมผสานของสื่อทีวี แบบดั้งเดิมและสื่อใหม่มาผสมผสานกัน รวมถึงเชื่อมโยงกับอินเตอร์เน็ตได้ เพื่อนำเสนอไปอย่างหลากหลาย 

2.Measurable KOLs การวัดผลของ KOL ที่ต้องเห็นผลชัดเจนมากขึ้น 

3.Sport Mania การมาของกีฬาระดับโลก ทั้งโอลิมปิกที่มีขึ้นในกลางปีนี้ และกระแสอีสปอร์ตที่แข็งแกร่งในไทย ด้วยฐานของผู้ชมกลุ่มนี้สูงถึง 8.8 ล้านคน แบรนด์จำเป็นต้องกระแสนี้ 

4. LGBTQ+ ที่มาแรง โดยในประเทศไทยมีตลาดของลูกค้ากลุ่มนี้ประมาณ 7.3 ล้านคน และมีคนในประเทศที่พร้อมเปิดรับ 20 ล้านคน รวมถึงมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนในกลุ่ม LGBTQ+ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก แบรนด์ควรมุ่งทำตลาดและสร้างแบรนด์ให้อยู่ในใจของลูกค้า

5. Marketing AI สามารถเข้ามาร่วมพลิกโฉมของตลาด ที่สามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ และ 

6. Emerging of OOH Commerce ที่กำลังเป็นสื่อที่มาแรง ทั้งป้ายแบบดั้งเดิมและป้ายดิจิทัล โดยเฉพาะเทคโนโลยี 3D และสร้างการเปลี่ยนแปลงในตลาด โดยส่งผลกระทบต่อการจดจำ และทำให้แบรนด์อยู่ในใจของกลุ่มลูกค้า

 

 

หากประเมินภาพรวมในปี 2566 มีการใช้เม็ดเงินโฆษณารวมที่ 111,601 ล้านบาท ขยายตัว 1.6% ใกล้เคียงกับจีดีพีประเทศ เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสื่อทีวี มีสัดส่วน 49% นับเป็นปีแรก ที่มีสัดส่วนต่ำกว่า 50% ส่วนสื่ออินเตอร์ มีสัดส่วน 27% และสื่อนอกบ้าน และสื่อ โฆษณาเคลื่อนที่ (Transit) อยู่ที่ 15%

สำหรับสื่อที่หดตัวลงในปีก่อน ได้แก่ สื่อทีวี หดตัวลง 4% สื่อ หนังสือพิมพ์ หดตัวลง 19% และสื่อ อินสโตร์ หดตัวลง 3%