ครั้งแรก ศรีนานาพรฯ เจ้าตลาดขนมไทย ส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รุกพรีเมี่ยมแมส

ครั้งแรก ศรีนานาพรฯ เจ้าตลาดขนมไทย ส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รุกพรีเมี่ยมแมส

'ศรีนานาพรฯ' ชี้สัญญาณกำลังซื้อต่างจังหวัดยังไม่สดใส เร่งแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เจเล่ฟิตต์ (Jele Fitt) เจาะตลาดพรีเมี่ยมแมส สร้าง New S-Curve ธุรกิจใหม่ พร้อมวางเป้า 5 ปีดันรายได้รวมบริษัททะยาน 12,000 ล้านบาท ประเมินตลาดต่างประเทศ 'เวียดนาม' ยังมาแรง

KEY

POINTS

  • ศรีนานาพรฯ วางเป้ารายได้เติบโต 1.20 หมื่นล้านบาทในปี 2571
  • รุกตลาดในประเทศและต่างประเทศ ชูเวียดนามเป็นเรือธงหลักต่างแดน
  • ขยายสินค้าใหม่กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกับแบรนด์ เจเล่ฟิตต์ (Jele Fitt)
  • ส่งสัญญาณกำลังซื้อต่างจังหวัดยังซบเซา 

'ศรีนานาพรฯ' ชี้สัญญาณกำลังซื้อต่างจังหวัดยังไม่สดใส เร่งแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เจเล่ฟิตต์ (Jele Fitt) เจาะตลาดพรีเมี่ยมแมส สร้าง New S-Curve ธุรกิจใหม่ พร้อมวางเป้า 5 ปีดันรายได้รวมบริษัททะยาน 12,000 ล้านบาท ประเมินตลาดต่างประเทศ 'เวียดนาม' ยังมาแรง

นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งเป้าหมายสร้างธุรกิจในประเทศและต่างประเทศขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ผ่านการผลักดันพอร์ตโฟลิโอของสินค้ากลุ่มขนมและเครื่องดื่มให้เติบโต รวมถึงกลุ่มสินค้าใหม่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้เปิดตัวใหม่ในปีนี้ เพื่อนำพาธุรกิจสร้างยอดขายเติบโตถึงระดับ 1.20 หมื่นล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้าหรือในปี 2571 มีสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% 

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีตลาดใหม่ที่กำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง กับประเทศ "เวียดนาม" ภายหลังที่โรงงานผลิตสินค้าของบริษัท มีความพร้อมเดินเครื่องผลิตสินค้าครบทุกไลน์การผลิต จึงรองรับการขยายส่งออกไปต่างประเทศและในตลาดเวียดนาม 

 

"ตลาดเวียดนามมีความน่าสนใจสูงมาก และมีขนาดที่ใหญ่สุดในต่างประเทศของบริษัท โดยจากการขยายตัวของธุรกิจและผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาสร้างการเติบโตดี สร้างมาร์จิ้นได้มากกว่าในประเทศ" 

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2566 ที่ผ่านมา สร้างกำไรสุทธิ 636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120 ล้านบาท หรือ 23% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ ส่วนรายได้รวม 6,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 445  ล้านบาท หรือ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 5,604 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปี 2567 จะเติบโตได้ระดับสองหลัก

ครั้งแรก ศรีนานาพรฯ เจ้าตลาดขนมไทย ส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รุกพรีเมี่ยมแมส

ชี้กำลังซื้อในประเทศยังซบเซา โดยเฉพาะต่างจังหวัด

ทั้งนี้การผลักดันรายได้รวมขยายตัวในระดับสองหลักในปีนี้ ท่ามกลางกำลังซื้อในประเทศที่ไม่สดใสมากนัก โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด มีกำลังซื้อชะลอตัวมากกว่าปีก่อนด้วย โดยบริษัทได้มุ่งตรึงราคาสินค้าไว้เท่าเดิม การมุ่งพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้า พร้อมด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่เข้ามาสู่ตลาด โดยประเมินว่า จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาสู่ตลาดประมาณ 10 รายการ

“ภาพรวมตลาดสแน็คของไทยมีมูลค่าประมาณ 4.30 หมื่นล้านบาท เป็นตลาดที่มีแนวโน้มขยายตัว 3% ในปีนี้ โดยตลาดขยายตัวน้อยจากตลาดมันฝรั่งที่ไม่เติบโต เนื่องจาก ผู้นำตลาดไม่เน้นทำตลาดสินค้าในราคา 5-10 บาท ส่วนตลาดที่มีการขยายตัวสูง เป็นกลุ่มข้าวเกรียบกุ้ง และถั่ว ขนมขึ้นรูปยี่ห้อต่างๆ ส่วนภาพรวมตลาดต่างจังหวัดจะเน้นเลือกซื้อสินค้าในราคา 5-10 บาทเป็นหลัก”

ครั้งแรก ศรีนานาพรฯ เจ้าตลาดขนมไทย ส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รุกพรีเมี่ยมแมส

การขยายสู่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "เจเล่ฟิตต์" (Jele Fitt)

อีกก้าวสำคัญในปีนี้ บริษัทได้มีการขยายสู่ New S-Curve ธุรกิจใหม่ กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Supplementary) เป็นครั้งแรกมาในรูปแบบเยลลี่รสผลไม้สำหรับแต่ละช่วงวัยที่มีความแตกต่างกัน มุ่งเจาะตลาดพรีเมียมแมส ภายใต้แบรนด์ "เจเล่ฟิตต์" (Jele Fitt) 

ผลิตภัณฑ์ใหม่ เจเล่ฟิตต์ ได้ออกแบบให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในแต่ละช่วงอายุ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับวัย 20-29 ปี, สำหรับวัย 30-39 ปี และสำหรับวัย 40-49  ปี พร้อมได้ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกพกพาง่าย รวมถึงจัดทำรูปแบบการดีไซน์โดดเด่น โดยได้มีการทำตลาดในระยะแรกผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น จำนวน 14,000 สาขา กำหนดราคาซองละ 15 บาท 

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไทยตลาดมาแรงโต 10%

สำหรับการรุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มาจากตลาดอุตสาหกรรมเสริมอาหารในไทยมีมูลค่ากว่า 8.7 หมื่นล้านบาท มีการขยายตัว 10% ในปี 2566 ซึ่งเมื่อแบ่งตลาดอาหารเสริมในไทยตามคุณประโยชน์ กลุ่มอาหารเสริมที่เน้นคุณโยชน์สุขภาพโดยรวม  มีสัดส่วนถึง 29% หรือประมาณ 25,230 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทได้มีการศึกษาข้อมูลตลาดและพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้ามายาวนานร่วม 2 ปีก่อนเปิดตัวสินค้าใหม่สู่ตลาด  

"เป็นครั้งแรกที่บริษัทได้ขยายในตลาดพรีเมี่ยมแมส แต่ชูความแตกต่างเรื่องราคา หากเปรียบเทียบกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ จะมีราคาสูงกว่า ภายใต้วัตถุดิบ และปริมาณสินค้าที่เท่ากัน"

ทั้งนี้ประเมินว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่นี้ จะสร้างยอดขายถึงระดับ 1,000 ล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า สร้างสัดส่วนยอดขายประมาณ 3% ของยอดขายรวมของบริษัท

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมรายได้ของบริษัทในปีที่ผ่านมา พอร์ตโฟลิโอหลัก มาจากตลาดในประเทศ นับเป็นตลาดหลัก สร้าง 73% ของรายได้รวม และต่างประเทศ 23% ของรายได้รวม โดยแบรนด์หลักทั้งเจเล่ สร้างส่วนแบ่งการตลาด 78% ของเยลลี่ เป็นผู้นำตลาด ส่วนในปีที่ผ่านมา ตลาดโต 20% แต่แบรนด์เติบโต 21% สูงกว่าตลาด ส่วนเบนโตะ มีส่วนแบ่งการตลาด 72% เป็นผู้นำตลาด แบรนด์สร้างการเติบโต 5% ส่วนตลาดรวมเติบโต 7%