‘ไทยเบฟ’ เจอโจทย์ยาก ‘เบียร์’ ยอดขายตก 15% แม้ทำเงิน 3.2 หมื่นล้านบาท

‘ไทยเบฟ’ เจอโจทย์ยาก  ‘เบียร์’ ยอดขายตก 15% แม้ทำเงิน 3.2 หมื่นล้านบาท

ยอดขาย "เบียร์" ของไทยเบฟเวอเรจ ในตลาดประเทศไทยและประเทศเวียดนามหดตัวลงถึง 15% เหตุเพราะเศรษฐกิจมหภาคของ 2 ประเทศฟื้นตัวช้า นับเป็นโจทย์ท้าทายอย่างยิ่งในฐานะเบอร์ 1 เบียร์อาเซียน

ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 67(ปีงบประมาณ ต.ค.-ก.ย.66)ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ภาพรวมรายได้จากการขายอยู่ที่ 76,107 ล้านบาท ลดลง 5.9% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

 

สิ่งที่น่าจับตาคือยอดขาย "กลุ่มธุรกิจเบียร์” พอร์ตโฟลิโอน้ำเมาสำคัญของบริษัท ซึ่งมาจากตลาดในประเทศไทยและตลาดเวียดนาม ภายใต้ บริษัท ไซ่ง่อนเบียร์ แอลกอฮอล์เบฟเวอเรจคอร์เปอเรชั่น หรือซาเบโก้(SABECO)ยอดขายใน “เชิงปริมาณ” ลดลงมากถึง 15% ส่วนในเชิงมูลค่าลดลง 14%

เหตุผลที่ฉุดยอดขายเบียร์ มาจากภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาคทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนามมีการ “ฟื้นตัวช้า” กลายเป็นปัจจัยที่กระทบธุรกิจ

ด้านยอดขายรวมเบียร์ไตรมาส 1 อยู่ที่ 32,619 ล้านบาท ซึ่งลดลง 14% ทว่ากำไรก่อนหักภาษี(EBITDA)อยู่ที่ 3,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุน รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์อ่อนตัวลง

ตลาดเบียร์ของภูมิภาคอาเซียน "ไทยเบฟ" และ SABECO รวมพลังกันจนก้าวเป็น "เบอร์ 1" มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุด ทว่า ในประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทาย เพราะมี "คู่แข่งหน้าใหม่" ภายใต้กลุ่มคาราบาว ที่ปั้นแบรนด์มาชิงเค้ก 2.6 แสนล้านบาท

ก่อนหน้านี้ ผลประกอบการปี 2566 ยอดขายเบียร์ไทยเบฟหดตัวลงเช่นกัน โดยแหล่งข่าวจากไทยเบฟระบุว่า สาเหตุหลักเพราะตลาดเวียดนาม เป็นตัวฉุดรั้งความอู้ฟู่ เพราะเศรษฐกิจเวียดนามค่อนข้างชะลอตัว 

ส่วนยอดขายอื่นๆ กลุ่มธุรกิจสุรายังแกร่ง สะท้อนความมั่นคงและมั่งคั่งดังเดิม โดยไตรมาส 1 ยอดขายอยู่ที่ 33,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% แต่เมื่อมาดูยอดขายในเชิงปริมาณ “ลดลง” 1.4% ซึ่งตัวเลขจำนวนการขายเป็นลิตรดังกล่าว ยังสะท้อนการบริโภคของกลุ่มเป้าหมายด้วย ด้านกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 9,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.4%

กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์(NAB) ไตรมาส 1 มียอดขาย 4,682 ล้านบาท เพิ่มชึ้น 1.6% และยอดขายเชิงปริมาณเพิ่มขึ้น 4.5% กำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8% และกลุ่มธุรกิจอาหารยอดขายอยู่ที่ 4,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% และกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 541 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4%