‘ไทยแอร์เอเชีย’ เล็งเปิดบินตรงสู่ นาโกย่า-ฮิโรชิม่า โกยกระแสญี่ปุ่นฮอต!

คิดเป็นการฟื้นตัว 75% เทียบกับจำนวน 1,318,977 คนเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด เฉพาะเดือน ธ.ค. 2566 เป็นเดือนที่มีจำนวนผู้เดินทางจากไทยมากที่สุดคือ 125,800 คน

สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า “คนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นมาก!” ทำให้ปีที่แล้วญี่ปุ่นยังคงครองแชมป์อันดับ 1 ของตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศ ด้วยจำนวนเฉียด 1 ล้านคน จากปัจจัยสนับสนุนทั้ง “เงินเยนอ่อนค่า” ญี่ปุ่นเที่ยวได้หลายฤดู และพื้นฐานของคนไทยที่ชื่นชอบวัฒนธรรมและคนญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไปแล้วรู้สึกคุ้นเคย ประกอบกับสายการบินต่างๆ รุมเปิดเส้นทางบินสู่ประเทศญี่ปุ่นจำนวนมากหลังผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 เพราะบินได้ง่าย แค่ 5-6 ชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย

“ในยุคก่อนโควิดระบาด ปกติแล้วไทยแอร์เอเชียจะให้บริการเส้นทางในประเทศและเส้นทางระหว่างประเทศแถบอาเซียน จีน และอินเดีย กระทั่งเราได้เครื่องบินแอร์บัส A321 มา จากเดิมที่มีแอร์บัส A320 บินได้ไกลสุดไปถึงแค่บาหลี หรือมัลดีฟส์ เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ญี่ปุ่นประกาศเปิดประเทศเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2565 เมืองในญี่ปุ่นที่เข้าข่ายเครื่องบิน A321 ทำการบินได้คือ ฟุกุโอกะ และนี่คือเมืองแรกที่ไทยแอร์เอเชียเปิดเส้นทางบินสู่ประเทศญี่ปุ่น”

“ฟุกุโอกะ” ถือเป็นเมืองที่มีจุดขายหลากหลาย ทั้งออนเซ็น บ่อน้ำร้อน และอาหารอร่อย หลังจากไทยแอร์เอเชียเปิดให้บริการเส้นทาง กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) – ฟุกุโอกะ เมื่อเดือน ต.ค. 2565 ได้รับการตอบรับดีจนสามารถเพิ่มความถี่เที่ยวบิน จากเริ่มต้น 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในปัจจุบัน และอาจเพิ่มเป็น 10 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในช่วงตารางบินฤดูหนาว 2567/2568

หลังทำอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ตลอดปี 2566 เฉลี่ย 90% โดยเดือน ต.ค. เป็นเดือนที่มีโหลดแฟคเตอร์สูงสุด 94% ด้านสัดส่วนผู้โดยสารเป็นชาวไทยมากที่สุด 58% รองลงมาเป็นชาวญี่ปุ่น 32% น้อยกว่าชาวไทยเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจและการบริโภคชะลอตัวของญี่ปุ่น ส่วนที่เหลือเป็นผู้โดยสารตลาดอื่นๆ

ล่าสุด ไทยแอร์เอเชีย เปิดเส้นทางบินใหม่ “กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) - โอกินาว่า” สู่เกาะสวรรค์เจ้าของสมญานาม “ฮาวายแห่งญี่ปุ่น” เริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 2567 ด้วยความถี่ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ และอาทิตย์ ช่วงแรกจะทำการบินด้วยเครื่องบินแอร์บัส A320 ก่อน และจะนำ A321neo มาให้บริการ ตามแผนรับมอบเครื่องบิน A321neo จำนวน 3 ลำในช่วงครึ่งหลังปีนี้

สันติสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยแอร์เอเชียสนใจเปิดเส้นทางบินตรงไปยังเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่นเพิ่มด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา 2 เส้นทาง ได้แก่ “นาโกย่า” ที่ยังอยากบินอยู่ แม้เครื่องบินที่มีอยู่จะไปถึง แต่ปริมาณที่นั่งโดยสาร (Seat Capacity) อาจไม่เพียงพอกับดีมานด์ ต้องรอเครื่องบินแอร์บัส “A321LR” สำหรับเส้นทางระยะไกล (Long Range) ซึ่งมีถังน้ำมันเข้ามาเพิ่ม ทำให้บินไปนาโกย่าได้สบายๆ ส่วนอีกเส้นทางคือ “ฮิโรชิม่า” ยังอยู่ในเรดาห์ หากจะบินก็บินได้เลย แต่ต้องศึกษาตลาดให้ดีก่อน

“ญี่ปุ่นเป็นเดสติเนชันที่มีนักท่องเที่ยวไทยหน้าใหม่ (First Visitor) เข้ามาเติมเรื่อยๆ ขณะที่กลุ่มเดินทางซ้ำก็ยังเดินทางต่อเนื่องและมองหาเมืองใหม่ๆ น่าสนใจ เราจึงคาดว่าตลาดคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นน่าจะยังรักษาขนาดตลาดได้ในปี 2567 และครองแชมป์เดสติเนชันที่มีคนไทยไปเที่ยวมากที่สุด”

แม้ว่าจะมีปัจจัยการแข่งขันจากประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะ “จีน” ที่ล่าสุดรัฐบาลไทย-จีนได้ลงนามความตกลงยกเว้นวีซ่า (วีซ่า-ฟรี) ระหว่างกัน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป ซึ่งน่าจะส่งผลให้ตลาดคนไทยไปเที่ยวจีนเติบโต ส่วนเดสติเนชันที่น่ากังวลคือ “ฮ่องกง” ที่นักท่องเที่ยวไทยมองว่ายังไม่กลับมาเหมือนเดิม และ “สิงคโปร์” ที่ได้รับผลกระทบจากความแพงของค่าเงิน

“เรามองว่าจุดหมายในประเทศจีนที่คนรุ่นใหม่ชาวไทยอยากไปเที่ยวคือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว ด้วยบรรยากาศไม่ได้ต่างจากโตเกียวของญี่ปุ่น น่าจะมีสัดส่วนคนไทยไปเติมมากขึ้น”

และส่งผลให้ภาพรวม 11 เส้นทางบินตรงสู่จีนของไทยแอร์เอเชียในปัจจุบัน มีสัดส่วนผู้โดยสารระหว่างชาวไทยกับชาวจีนเปลี่ยนไป จากเดิมถ้าไม่มีความตกลงวีซ่า-ฟรีระหว่าง 2 ประเทศ จะมีผู้โดยสารชาวจีน 90% และชาวไทย 10% แต่พอมีความตกลงวีซ่า-ฟรี คาดจะมีผู้โดยสารชาวจีน 70% และชาวไทยเพิ่มขึ้นเป็น 30% โดยปัจจุบันตลาดกรุ๊ปทัวร์คนไทยเริ่มสนใจติดต่อสายการบิน เพื่อจองที่นั่งเส้นทางบินสู่กว่างโจว เซินเจิน ฉางซา และฉงชิ่งมากขึ้น