ดัชนีเชื่อมั่น 'ท่องเที่ยว' ไฮซีซัน Q1/67 คาดฟื้นตัวระดับ 82 ยังต่ำกว่าปกติ

ดัชนีเชื่อมั่น 'ท่องเที่ยว' ไฮซีซัน Q1/67 คาดฟื้นตัวระดับ 82 ยังต่ำกว่าปกติ

‘สทท.’ เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว Q1/67 คาดฟื้นตัวเล็กน้อยที่ระดับ 82 ยังต่ำกว่าปกติ (ระดับ 100) มองเป้าหมายรัฐบาลสร้างรายได้รวมการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาทในปี 67 สุดท้าทาย ทำได้ยาก ต้องได้นักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 40 ล้านคนเท่าปี 62

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ระดับ 77 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2566 ที่ระดับ 69 สะท้อนสถานการณ์ท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมาก โดยดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 1/2567 นี้ อยู่ที่ระดับ 82 คาดว่าไตรมาสนี้สถานการณ์ท่องเที่ยวจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 4/2566 เล็กน้อย

“ผู้ประกอบการณ์คาดว่าการท่องเที่ยวในไตรมาส 1/2567 จะดีขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาในทุกภูมิภาค โดยภาคเหนือมีสถานการณ์ท่องเที่ยวเป็นบวกมากที่สุด และภาคกลางมีสถานการณ์ท่องเที่ยวเป็นบวกน้อยที่สุด ธุรกิจสปาหรือนวดแผนไทยสถานการณ์ท่องเที่ยวเป็นบวกมากกว่าที่สุด ส่วนธุรกิจแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น มีสถานการณ์ท่องเที่ยวเป็นบวกน้อยที่สุด”

ด้านธุรกิจที่พักแรมมีรายได้ ประมาณ 63% และมีการจ้างงานแล้ว 88% เทียบกับปี 2562 อัตราการเข้าพักในไตรมาส 4/2566 เฉลี่ยทั่วประเทศ 62% โดยกรุงเทพมหานครมีอัตราการเข้าพักสูงที่สุดที่ 68% โดยโรงแรมขนาดใหญ่มีอัตราการเข้าพัก 76% มากกว่าขนาดกลางและเล็ก ธุรกิจสปา/นวดแผนไทย 40% มีปัญหาเรื่องขาดแคลนบุคลากรและต้องการให้ภาครัฐช่วยพัฒนาทักษะแรงงาน ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวไทยในไตรมาส 4/2566 ประมาณ 4,293 บาท/คน/ทริป ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2566 (4,285 บาท/คน/ทริป)

นายชำนาญ กล่าวว่า จากเป้าหมายท้าทาย ภาคการท่องเที่ยวไทยสร้างรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งเป้าไว้ถือเป็นเรื่องดีมาก แม้จะเป็นเป้าหมายที่ทำได้ยากมากในปี 2567 แต่ก็ทำให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคการธนาคาร เร่งสร้างนโยบายและโครงการเพื่อมาสนับสนุนให้เกิดรายได้ตามเป้าหมายดังกล่าว หากทำได้สำเร็จก็จะดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งประเทศ และมีโอกาสที่ประเทศไทยจะเป็นประเทศอันดับสองของโลกในด้ายรายได้  สทท. มองว่าในด้านดีมานด์ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะทำได้ แต่ด้านซัพพลาย ยังมีความท้าทายหลายด้านที่จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

“หากต้องการรายได้รวม 3.5 ล้านล้านบาท จะต้องมาจาก 2 ส่วน คือ ตลาดต่างชาติเที่ยวไทย ซึ่งคาดว่ารายได้จะมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 2.24-2.30 ล้านล้านบาท จะต้องมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน เข้ามาใช้จ่ายเฉลี่ย 56,000-57,5000 บาทต่อคนต่อทริป และตลาดไทยเที่ยวไทยอีก 1.20-1.26 ล้านล้านบาท ซึ่งในปี 2562 เราเคยมีรายได้ไทยเที่ยวไทยที่ 1.08 ล้านล้านบาทมาแล้ว หากใช้ยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมก็จะสามารถทำตามเป้าหมายได้”

นายชำนาญ กล่าวว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว สทท. จึงขอเสนอยุทธศาสตร์ 3 ข้อ ได้แก่

1. ยุทธศาสตร์มุ่งเป้า เราจะต้องกำหนดการเชื่อมโยง Demand- Supply ใน 3 มิติ who / where / what นักท่องเที่ยวเป็นใครชาติใด วัยใด สนใจเรื่องอะไร / ไปเที่ยวจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัดใด / นักท่องเที่ยวเที่ยวรูปแบบใดและทำกิจกรรมอะไร

2. ยุทธศาสตร์คลังสมองท่องเที่ยวไทย  เราจำเป็นต้องมี Tourism Think Tank เริ่มจาก 100 คน โดยคัดทั้งที่ผู้มีประสบการณ์ จากทุกสาขาอาชีพ จากพื้นที่ 5 ภาค จากผู้ที่ประสบความสำเร็จในการปรับตัว และจากนักวิชาการ มาช่วยกันเป็นต้นแบบและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาพรวม อีกทั้งยังสามารถเป็นผู้ช่วยพัฒนานโยบายและโครงการเพื่อนำเสนอต่อท่านรัฐมนตรีและรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ยุทธศาสตร์ Tourism Clinic เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของ Supply Side ปัญหาหลักของผู้ประกอบการมี 4 ด้าน คือ การเงิน บุคลากร การตลาด และนวัตกรรม Tourism Clinic จะเป็นเสมือนคุณหมอคอยตรวจสอบและให้คำแนะนำผู้ประกอบการ เพื่อให้กลับมาแข็งแรงและเก่งกว่าเดิม