เจาะการเปลี่ยนโฉมใหญ่ร่วม 12 ปี ‘เมกาบางนา’ กวาดลูกค้าแตะระดับ 550 ล้านคน

ทำเลการค้าย่านตะวันออกของประเทศไทย ที่เป็นขุมทรัพย์ย่านการค้าที่สำคัญกับ บางนา โดยมี "ศูนย์การค้าเมกาบางนา" ได้เข้ามาเปิดให้บริการ พร้อมด้วยแบรนด์ อิเกีย ยักษ์ใหญ่เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านจากสวีเดน ได้เลือกทำเลแห่งนี้เปิดสาขาแรกในประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลาร่วม 12 ปีที่ผ่านมา เมกา บางนา สร้างการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้านให้แก่ผู้บริโภคและภาคค้าปลีกไทย 

• แบรนด์ อิเกีย (IKEA) ได้เข้ามาเปิดให้บริการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ช่วงปี 2554 ต่อมาในปี 2555 ศูนย์การค้าเมกา บางนา ที่มีขนาดพื้นที่รีเทลรวม 2.4 แสน ตร.ม. ได้เปิดให้บริการ กลายเป็นศูนย์การค้าที่มีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในทำเลย่านตะวันออกของ กทม. ร่วมกระตุ้นค้าปลีกและเศรษฐกิจในทำเลย่านบางนาให้คึกคักมากขึ้น ไปจนถึงการมีหมู่บ้านและโครงการอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นจำนวนมาก 

• เบื้องหลังการบริหารศูนย์การค้า เมกาบางนา (MEGA Bangna) เป็นการร่วมทุน ระหว่าง บริษัท อิคาโน่ รีเทล เอเชีย จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ อิเกีย (IKEA) ในไทย พร้อมกับ บริษัท เอส.พี.เอส โกลเบิลเทรด จำกัด เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ให้แก่แบรนด์ อิเกีย และ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF ผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้า ซึ่งร่วมบริหารเมกาบางนา ภายใต้ บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ต่อมา บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้เข้ามาร่วมทุน และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ ทำให้เข้ามาร่วมเป็นผู้ถือหุ้นของเมกาบางนา
• การดึงแต่ละแม็กเน็ตของแบรนด์ดัง มาไว้แบบครบวงจร โดยศูนย์การค้าเมกาบางนา มีการรวบรวมร้านค้าแบรนด์หลักทั้ง อิเกีย เซ็นทรัล โฮมโปร บิ๊กซี พร้อมมีร้านค้าเปิดให้บริการมากกว่า 900 ร้านค้า พร้อมด้วยมีพื้นที่จอดรถที่ขยายให้รองรับได้ถึง 12,000 คันแล้ว

• ต่อมา เมกาบางนา ได้ขยายสู่การจัดทำ โครงการ เมกาซิตี้ ด้วยการขยายพื้นที่ใกล้เคียงกับศูนย์การค้าสู่เมืองใหญ่ ทั้งมีการลงทุนสร้างคอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ ซึ่งโครงการแรกได้ส่งมอบไปแล้ว การสร้างสวนสาธารณะ เมกา พาร์ค พื้นที่รวม 7 ไร่ มีขนาดใหญ่แห่งนึ่งในย่านตะวันออก การเปิดโรงเรียนประถมศึกษานานาชาติ ดิษยะศริน กรุงเทพ และการเปิด Topgolf Megacity สนามไดรฟ์กอล์ฟ ขนาด 29 ไร่ ซึ่งเป็นการลงทุนของพาร์ทเนอร์ ส่วนเฟสต่อไปมีความสนใจขยายไปสู่การจัดทำโรงแรมในอนาคต

• การดึงดูดกลุ่มลูกค้าเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก โดยฐานลูกค้ามีทั้งใน กทม. ฝั่งตะวันออก และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งตั้งแต่เปิดให้บริการจนถึงปัจจุบัน มีฐานลูกค้าเข้ามาใช้บริการรวมกว่า 550 ล้านคน เฉลี่ยประมาณ 53 ล้านคนในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้านี้ แบ่งเป็นวันธรรมดา ประมาณกว่า 1.20 แสนคน และวันหยุดกว่า 2.2 แสนคน 
• อินไซด์ของกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้า จะเข้ามารับประทานอาหารมากที่สุด 81% ตามเทรนด์ความนิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน รองลงมา 32% เข้ามาช้อปปิ้งสินค้าไลฟ์สไตล์ และ 23% มาซื้อของตกแต่งบ้าน อีกฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่แข็งแกร่งคือ กลุ่มครอบครัว กลุ่มเพ็ทเลิฟเวอร์ ไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ 

“วรรณวิมล อรดีดลเชษฐ์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวถึง ภาพรวมของศูนย์การค้า เมกาบางนา กำลังเข้าสู่ปีที่ 12 แล้ว โดยแผนในปี 2567 จะมุ่งการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ และขยายกิจกรรมสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ พร้อมต่อยอดการสร้างคอมมูนิตี้ เพื่อกลุ่ม YOUNGER CUSTOMERS, PET LOVER และ AGING SOCIETY รวมถึงกลุ่มลูกค้าในเมือง

ทั้งนี้ วางแผนใช้งบการตลาดรวม 200 ล้านบาท ยกระดับสมาชิก เมกา สไมล์ รีวอร์ดส การร่วมยกระดับแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้ง แอปพลิเคชัน, เว็บไซต์, เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์, ยูทูป และ LINE OA  พร้อมมีการเปิดโซเชียลมีเดีย TIKTOK เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าและกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับฐานลูกค้าสมาชิกของศูนย์การค้าที่อยู่ในรูปแบบ "เมกา สไมล์ รีวอร์ดส" ในปัจจุบันมีจำนวนกว่า 360,000 คน โดยกลุ่มสมาชิกมียอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อใบเสร็จที่ 4,500 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ประเมินว่า ในสิ้นปีนี้ ฐานลูกค้าสมาชิกจะมียอดการใช้จ่ายเติบโตขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน

"กลยุทธ์การตลาดของเมกาบางนายังมุ่งเน้น ULTIMATE CUSTOMER SEGMENTATIONS โดยการนำอินไซต์พฤติกรรมลูกค้า ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมร่วมการสร้างสร้างสรรค์บริการและกิจกรรม ให้ตรงใจกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า ทั้งนี้ประเมินว่า ในสิ้นปีนี้ กลุ่มลูกค้าจะเติบโตขึ้น 10% จากปีก่อน"