จากลูกน้องสู่นายจ้าง ‘โอ๊ต ปราโมทย์’ ซีอีโอ ‘โคตรคูล’ องค์กรที่รับแต่คนเก่ง

จากลูกน้องสู่นายจ้าง ‘โอ๊ต ปราโมทย์’  ซีอีโอ ‘โคตรคูล’ องค์กรที่รับแต่คนเก่ง

กรุงเทพธุรกิจ ชวนคุยกับ "โอ๊ต ปราโมทย์" ซีอีโอแห่ง "โคตรคูล" บริษัทเล็กๆ พนักงาน 49 ชีวิต รายได้หลักร้อยล้านบาท แต่กลายเป็นองค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วย อะไรคือจุดเด่น แรงดึงดูด หรือคนแบบไหนที่โคตรคูลอยากได้ ติดตาม

Key Points :

  • "โคตรคูล" องค์กรที่มีพนักงาน 49 ชีวิต แต่ติดอันดับ 20 จาก Top50 องค์กรคนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วย 
  • กว่าจะเป็น "โคตรคูล" องค์กรในฝันของคนรุ่นใหม่ ผ่านฉากล้มลุกคลุกคลานมาแล้ว
  • "โอ๊ต ปราโมทย์" จากลูกน้องสู่เจ้านาย ย้ำคุณสมบัติคนเข้าทำงานต้องเก่งเท่านั้น! 
  • เป็นลูกน้องมาก่อน จะไม่ยอมเป็นเจ้านายแบบที่ตัวเองเกลียด 
  • เด็กรุ่นใหม่เปลี่ยนงานบ่อย ทำให้เต็มที่เพื่อค้นหาสิ่งที่ชอบเลี้ยงตัวเองไปตลอดชีวิต เงินเดือนแพงคุณต้องเก่ง ผลงานต้องประจักษ์ 
  • สะเทือนใจ..แต่โปรดรู้ไว้ Work Life Balance ไม่มีจริง! 

WorkVenture ที่ปรึกษาและผู้นำด้านการสร้างแบรนด์นายจ้างให้กับบริษัทชั้นนำได้ประกาศผล “สุดยอด 50 บริษัท ที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดประจำปี 2024” ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นนั้น ทำผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์

ขณะที่กลุ่มตัวอย่างเป้าหมายยังคงโฟกัส “คนรุ่นใหม่” และกลุ่มคนที่เริ่มงานช่วงแรก อายุระหว่าง 22-35 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวนกว่า 11,452 คน และคำถามให้อิสระทางความคิดเพื่อให้ผู้ตอบคำถามสามารถตอบได้อย่างปราศจากการชี้นำ ว่าบริษัทที่คุณอยากร่วมงานด้วยที่สุดคือใครและเพราะอะไร

จำนวน 50 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วย ล้วนเต็มไปด้วยองค์กรระดับโลก องค์กรไทยอายุเก่าแก่ร้อยปี หรือองค์กรระดับตำนาน ตลอดจนเป็นองค์กรที่ทำเงินหมื่นล้านบาท แสนล้านบาท บ้างมีพนักงานนับพันนับหมื่นชีวิต เช่น 10 อันดับแรก นำมาที่ 1 คือ “กูเกิล”(Google) ซึ่งคนรุ่นใหม่อยากทำงานมากสุดติดต่อกันเป็นปีที่ 6 อันดับ 2 “ปตท.” บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ ที่ให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า และ 2 ปีก่อนปรับกลยุทธ์การทำงานให้สอดรับเจน Y และ Z ทำงานแบบพี่น้อง รับความคิดแตกต่าง

จากลูกน้องสู่นายจ้าง ‘โอ๊ต ปราโมทย์’  ซีอีโอ ‘โคตรคูล’ องค์กรที่รับแต่คนเก่ง

อันดับ 3 ได้แก่ “เอสซีจี” มีสวัสดิการครองใจรุ่นใหม่อย่างความยืดหยุ่นในการนำงบไปใช้ท่องเที่ยว สุขภาพ แล้วแต่ชอบ อันดับ 5 คือ "ยูนิลีเวอร์" องค์กร 90 ปี และเบอร์ 1 สินค้าอุปโภคบริโภคของโลก อันดับ 4 "อโกด้า" อันดับ 6 "ไลน์” อันดับ 7 "โตโยต้า มอเตอร์" ยักษ์ยานยนต์ญี่ปุ่นและโลก มี “โบนัสอู้ฟู่” ดึงดูดคนทำงาน อันดับ 8 “ไทยเบฟเวอเรจ” ยักษ์เครื่องดื่มอาเซียนสัญชาติไทยทำเงินแสนล้านบาท พนักงานหลายหมื่นชีวิตของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” และอันดับ 9 คือ “มิตรผล” บิ๊กส่งออกน้ำตาลของโลกสัญชาติไทย อันดับ 10 คือ “บางจาก” ยักษ์พลังงานสัญชาติไทย เป็นต้น

ทว่า องค์กรร้อยล้าน พนักงานราว 50 ชีวิต เข้าวิน(win)หรือชนะใจคนรุ่นใหม่จนติดอันดับ 20 คือ “บริษัท โคตรคูล จำกัด” ที่มี “โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน” เป็นกรรมการบริษัท บ้างก็เรียกตัวเองเป็นแม่ทัพใหญ่หรือ “ซีอีโอ”(CEO)

 

จุดเริ่มต้นล้มลุกคลุกคลาน

“โคตรคูล” ก่อร่างสร้างกิจการราวปี 2560 ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 1 ล้านบาท ปัจจุบันองค์กรเติบโตมั่งคั่งและเนื้อหอมจน “เวิร์คพอยท์” เข้าไปลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เพื่อถือหุ้น 49%

กว่ากิจการจะเติบโตทำเงิน “โอ๊ต ปราโมทย์” บอกว่าจุดเริ่มต้นต้องการทำรายการเล็กๆให้ “เพื่อนที่สู้มาด้วยกัน” ได้มีพื้นที่เติบโต นำไปสู่ความฝันอยากมีบริษัทเป็นของตัวเอง

เมื่อปลุกปั้นธุรกิจต้องล้มลุกคลุกคลานแบบสุดๆ เพราะมีพนักงานเพียง 1 2 3 ชีวิต เปิดออฟฟิศ 6 เดือนเจอน้ำท่วม อุปกรณ์ทำมาหากินอย่างคอมพิวเตอร์ลอยน้ำจนต้องกลายเป็นผู้ประสบภัยเฉยเลย

วันนี้โคตรคูล มีพนักงาน 49 คน เจ้าตัวยังมีคำถามมากมายเกิดขึ้น ยิ่งพอได้ใจคนรุ่นใหม่ ติดท็อป 50 องค์กรในฝันที่นิวเจน(New Generation) ต้องการทำงานด้วย จึงอยากสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนในฐานะ “องค์กรเล็กสุด”

จากลูกน้องสู่นายจ้าง ‘โอ๊ต ปราโมทย์’  ซีอีโอ ‘โคตรคูล’ องค์กรที่รับแต่คนเก่ง

“ตอน Work Venture ส่งรางวัลมาที่ออฟฟิศ ในใจคิด มิจ(ฉาชีพ)แน่ๆ บริษัทเราเหรอที่ติดท็อปเด็กรุ่นใหม่อยากทำงานด้วย” โอ๊ต ปราโมทย์ เล่าติดตลกพร้อมเผยภาพที่ถูกนำไปใช้เผยความสำเร็จไม่ใช่รูปการทำงานในออฟฟิศ แต่เป็นรูปถ่ายในครัวที่ทีมงานกำลังดื่มแอลฯ

“วันหลังบอกได้ครับ เดี๋ยวส่งรูปให้” ซีอีโอผู้มีดีเอ็นเอการเล่าเรื่องที่สร้างความบันเทิงให้ผู้ฟังเต็มเปี่ยม

 

จุดเด่น “ดีเอ็นเอ” ความสนุกขององค์กร-แบรนด์

เมื่อติดท็อป 50 องค์กรขวัญใจนิวเจน โอ๊ต ปราโมทย์ ต้องสาธารยายจุดแข็งของ “โคตรคูล”

“คุณมาถูกทางแล้ว เด็กรุ่นใหม่ที่อยากมาทำงานกับเรา ผมต้องถามตัวเอง.เอ็งมีดีอะไร ที่ทำให้คนอยากมาอยู่” ไล่เรียงคำถามต้องเฟ้นหาคำตอบ จุดเด่นแบบฮาๆ คือ 1.โคตรคูลเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เป็นยูทูปเบอร์ ช่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่มอบความสุขให้คนดู ดีเอ็นเอความสนุกฝังอยู่ในทุกรายการ

“ดีเอ็นเอโคตรคูลเริ่มต้นจากความสนุก พนักงานผม 49 คน แข่ง..ดื่มได้เลย จุดเด่นผม พี่อย่าได้มาวัด” โอ๊ต ปราโมทย์ สร้างเสียงหัวเราะต่อ แต่เข้าโหมดจริงจัง คือ “เวลาทำคอนเทนต์ ผมบอกทีมงานเสมอ ต้องสนุก ตอนคุณทำงานไม่สนุก คอนเทนต์หรือสิ่งที่ออกไปจะไม่สนุก ดังนั้น สารตั้งต้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโคตรโคตรคูลคือความสนุก คนดูเห็นแบรนด์เราคือความสนุก”

2.อยู่กันแบบครอบครัว สร้างระบบนิเวศความเป็นอยู่ที่แข็งแกร่ง บริษัทมีบ่อน้ำ มีต้นไม้ ซึ่ง “ผม โอ๊ต ปราโมทย์” คือต้นไม้ใหญ่ 3-4 คนโอบ(หัวเราะ)บ่อน้ำมีบัว ปลา เต่า อะไรก็แล้วแต่ที่เติมเต็มความสมบูรณ์ การทำงานช่วยเหลือเกื้อหนุนกัน ใครเข้ามาไม่สอดคล้องดีเอ็นเอ เคมีคนในองค์กร ธรรมชาติจะคัดสรรออกไป เช่น ใครดื่ม(..)ไม่เก่ง กินไม่เก่ง พูดไม่เก่ง มาอยู่โคตรคูลจะเก่งขึ้นทุกอย่าง

“บริษัทเราอยู่กันแบบครอบครัว(เลือดข้นคนจาง-หัวเราะ) บางคนพูดเก่งและหยาบกว่าผมแล้ว นี่คือเรื่องจริง ระบบนิเวศแกร่งจะช่วยสร้างความยั่งยืนด้วย”

จากลูกน้องสู่นายจ้าง ‘โอ๊ต ปราโมทย์’  ซีอีโอ ‘โคตรคูล’ องค์กรที่รับแต่คนเก่ง

 

อยากทำงานกับโคตรคูล ต้องเก่งเท่านั้น

โคตรคูล เป็นที่หมายตาคนรุ่นใหม่อยากทำงาน จะมาอยู่บริษัทนี้ได้ “โอ๊ต ปราโมทย์” มองคุณสมบัติแรกเลยคือ “เก่งครับ..โคตรคูลรับคนเก่งเท่านั้น โคตรคูลไม่รับคนไม่เก่ง แล้วเก่งวันนี้ เข้ามาไม่พัฒนา จะโดนธรรมชาติคัดสรรออกไป”

ส่วนนิยามเก่ง ยังย้ำสั้นๆ การเป็นคนเก่งจริงๆ ต้องมาพร้อมขยันเรียนรู้ เพราะ “โอ๊ต ปราโมทย์” ในวัย 40 ยังเรียนรู้ทุกวัน “วันนี้บางอย่าง ผมยังไม่รู้เลย ต้องเรียนรู้จากเด็กรุ่นใหม่”

 

เป็นลูกน้องมาก่อน จะไม่เป็นเจ้านายที่ถูกเกลียด

แม้องค์กรเล็กๆพนักงานไม่ถึงร้อย แต่วิถีการทำงานของ “โคตรคูล” เน้นมอบความรัก ดูแลกันเสมอ และปฏิบัติตัวให้เป็นเจ้านายที่ลูกน้องรัก แม้จะถูกลูกน้องแอบด่าในโซเชียลมีเดียบ้าง หรือกระทั่งการตั้งกรุ๊ปไลน์ที่ไม่มีโอ๊ตอยู่ จะ No สน No แคร์ เพราะเชื่อว่าคนเป็นเจ้านายไม่ได้ตัดสินใจถูกต้องเสมอไป มนุษย์ต่างผิดพลาดได้ แต่ผิดแล้วควรเรียนรู้

นอกจากนี้ การบริหารทีมงานยังต้องมีความเห็นอกเห็นใจหรือ empathy ถึงขั้นลูกน้องยืมเงินซื้อมือถือ ซื้อบ้าน เสริมจมูก เพราะทำบุญทำทานสวยชาติหน้า ทำหน้าสวยชาตินี้ เจ้าตัวเล่าติดตลก

“ผมรักลูกน้อง ทั้งพูด ปฏิบัติ วิธีการเป็นเจ้านายที่ดีของผมง่ายมาก ผมเคยเป็นลูกน้องมาก่อน จะไม่มีวันเป็นเจ้านายแบบที่ผมเกลียด”

 

เปลี่ยนงานบ่อย เรียกเงินเดือนสูง มุมมองต่อคนรุ่นใหม่?

ต่อคำถามเด็กรุ่นใหม่ไม่อดทนต่อการทำงาน เปลี่ยนงานบ่อย “โอ๊ต” ให้มุมมองว่า การเปลี่ยนงานบ่อยเป็นเรื่องน่ายินดี เพื่อที่จะได้ค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร เทียบกับอดีตการเปลี่ยนงานแต่ละครั้งยากและเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะต้องเปิดสมุดหน้าเหลือง หาข้อมูลบริษัทต่างๆลำบาก แต่ปัจจุบันช่องทางหางานสะดวกสบายมากขึ้น มีหลากเว็บไซต์ บริษัทจัดหางานเป็นทางเลือก

จากลูกน้องสู่นายจ้าง ‘โอ๊ต ปราโมทย์’  ซีอีโอ ‘โคตรคูล’ องค์กรที่รับแต่คนเก่ง

“ตอนนี้มีจ๊อบ ฮอปเปอร์มากขึ้น เปลี่ยนงานบ่อย เป็นสิทธิ์ที่เขาจะได้รู้ว่าชอบอะไรมากที่สุด ก่อนตัวเองอายุ 30 หรือ 35 ปี เพราะนี่คืออาชีพที่จะเลี้ยงตัวเองไปตลอดชีวิต”

ส่วนเงินเดือนเรียกสูง “ผลของงาน” คือตัวชี้วัดเงินเดือน หรือผลตอบแทนว่าใครควรได้รับอัตราเท่าไหร่ที่เหมาะสม ไม่ใช่เข้ามาขอเงินเดือนสูง แต่งานไม่ดี

“ถ้างานดีผมยอมจ่าย”

เด็กรุ่นใหม่อยากโตในสายงานทางลัด “โอ๊ต” เชื่อในศักยภาพ “ต้องเก่งมากๆ” คือคำตอบ เพราะทุกวันนี้ความรู้ความสามารถในการทำงาน หลอก โกหกกันไม่ได้

“องค์กรผมวัดด้วยตัวงาน ใครทำงานดี เราพร้อมโปรโมททั้งเงินเดือนและตำแหน่ง วันนี้คุณตัดต่อรายการเล็ก เมื่อเก่งขึ้นจะได้ตัดต่อรายการใหญ่ มีกล้องมากขึ้น โปรดักชันใหญ่ขึ้น นั่นคือคุณเริ่มสำเร็จ และยอดการรับชมรายการหรือ View เป็นอีกเครื่องยืนยันความสำเร็จ”

 

 Work Life Balance ไม่มีจริง!

ยุคที่คนรุ่นใหม่ถามหา Work Life Balance จากองค์กรเล็ก-ใหญ่ “โอ๊ต” ลั่นชัดๆ

“ผมเชื่อเสมอว่า Work Life Balance ไม่มีจริง! พี่ทำงานให้ตาย 5 ไปเลยครับ” โอ๊ตหัวเราะและขยายความว่า ยิ่งในฐานะเป็นซีอีโอ นายจ้างต้องคิดตลอดเวลา พรุ่งนี้ เดือนนี้ เดือนหน้าจะสร้างสรรค์ผลงานอย่างไรให้ถูกใจคนดู แต่เมื่อลูกน้อง ทีมงานขอ Work Life Balance เปิดกว้างเต็มที่ เพราะไม่อยากให้ผู้ร่วมงานต้องตกอยู่ในหลุมเหมือนตนเอง

จากลูกน้องสู่นายจ้าง ‘โอ๊ต ปราโมทย์’  ซีอีโอ ‘โคตรคูล’ องค์กรที่รับแต่คนเก่ง

“เวลามีเด็กเดินมาบอกผมว่า..อยากเป็นพี่โอ๊ตจังเลย ผมจะบอกว่า..เฮ้ย!ไอ้หนุ่ม เอ็งคิดดีๆ”

ปัจจุบันเวิร์คพอยท์ เข้ามาถือหุ้นโคตรคูล “โอ๊ต” ไม่คาดหวังเป็นสปริงบอร์ด สร้างความยิ่งใหญ่ให้องค์กรขนาดไหน เพียงแต่มอง “โคตรคูล” เป็นเหมือนลูก ที่อยากเห็นการเติบโตอย่างมั่นคง เพื่อวันหนึ่งไม่มีตนเองนำทัพบริหารธุรกิจ สร้างสรรค์ผลงาน ที่แห่งนี้จะยังไปต่อ เป็นเหมือนบ้าน ช่อง สถานี พื้นที่ให้คนอยากสนุก

การติดท็อป 50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากทำงาน แล้วอีกนับร้อยพันหมื่นบริษัทในไทย ไม่เข้าไปอยู่ในใจ ยังทิ้งท้าย “โคตรคูลมาอยู่ตรงนี้ อยากให้กำลังใจบริษัทเล็กๆ ที่ไม่ต้องมีพนักงานนับร้อยพันหมื่นคน ไม่ติดอันดับไม่ต้องเสียใจ เพราะในฐานะซีอีโอ นักร้อง ตลก นักแสดง ผมจะทำองค์กรแห่งนี้ให้ดีที่สุด”