ท่องเที่ยว-มาตรการรัฐ-ซอฟท์พาวเวอร์ หนุนธุรกิจเกิดใหม่ปี 67 ทะลุ 9 หมื่นราย

ท่องเที่ยว-มาตรการรัฐ-ซอฟท์พาวเวอร์  หนุนธุรกิจเกิดใหม่ปี 67 ทะลุ 9 หมื่นราย

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย ปี 2566 นักลงทุนไทยจัดตั้งธุรกิจใหม่ ทะลุ 8.5 หมื่นราย ซึ่งเป็นยอดการจัดตั้งธุรกิจสูงสุดในรอบ 10 ปี นับตั้ คาดปี 2567 จัดตั้งธุรกิจใหม่ในประเทศแตะ 9.5 หมื่นราย ต่างชาตินำเงินเข้าลงทุนในไทย ทะลุ 1.5 แสนล้านบาท

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2567 คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามคาดการณ์ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ได้คาดการณ์ไว้ที่ 2.7 - 3.7% และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกไว้ที่ 2.7%

 ส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง มาตรการภาครัฐด้านต่างๆ ที่จะช่วยส่งเสริมการบริโภคของภาคเอกชน เช่น โครงการอี-รีฟันด์(e-Refund)มาตรการลดหย่อนภาษี (Easy E-receipt)มาตรการแก้หนี้นอกระบบและนโยบายสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือSoft Powerที่จะช่วยสร้างกระแสหรือความนิยมและมูลค่าเพิ่มให้กับเรื่องต่างๆ เป็นต้น

 สำหรับปัจจัยลบหรือความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการประกอบธุรกิจในปี 2567 ที่ควรจับตามอง ได้แก่ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่อาจส่งผลต่อการค้าและการลงทุนโลก ความผันผวนของตลาดการเงินโลก สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น จีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทย รวมทั้ง ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ภาระหนี้สินต่อครัวเรือนที่สูง ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เป็นอีกปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในปี 2567 ได้

เทคโนโลยี-สูงวัยเทรนด์ธุรกิจปี67

สำหรับปี 2567 มีกระแสความนิยมหรือเทรนด์ (Trend) ต่างๆ ที่คาดว่าจะเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้รูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป ได้แก่ เทรนด์สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีสินค้าและบริการที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่สามารถตอบสนองความสะดวกสบายให้กับผู้คนในยุคปัจจุบัน

เทรนด์การใส่ใจสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรต่างๆ ตั้งแต่กระบวนการผลิต การใช้งานซ้ำ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เทรนด์สังคมผู้สูงอายุปัจจุบันธุรกิจไม่อาจมองข้ามกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ปัจจุบันถือว่าเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ และขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และมีอิทธิพลต่อคนในครอบครัว

ท่องเที่ยว-มาตรการรัฐ-ซอฟท์พาวเวอร์  หนุนธุรกิจเกิดใหม่ปี 67 ทะลุ 9 หมื่นราย

คาดต่างชาติขน1.4แสนล้านผุดธุรกิจ

 จากปัจจัยข้างต้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คาดการณ์จำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ปี 2567น่าจะมีแนวโน้มเติบโตได้ดีขึ้นจากปี 2566 ซึ่งมีจำนวนการจัดตั้งทั้งสิ้น 85,300 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 12%ซึ่งส่งผลให้ในปี 2567 คาดการณ์ตัวเลขการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่อยู่ที่ 90,000-95,000 ราย เพิ่มขึ้นประมาณ 5 - 10% จากปี 2566 และคาดว่าจะมีนักลงทุนชาวต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 - 1.4 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5 - 10%

“ภายใต้สภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม และรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้ง สภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูง ภาคธุรกิจควรตั้งรับและปรับตัวให้ทันต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ”

โดยอาจขยายตลาดและหากลุ่มลูกค้าใหม่ เพิ่มกลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมทั้งรักษาฐานลูกค้าเดิม บริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนในการผลิต โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินการ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการให้เข้ากับความต้องการของตลาดมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบ จากกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่อาจลดลง จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ 

นอกจากนี้ผู้ประกอบธุรกิจควรดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล หรือESGเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ สร้างความสามารถในการแข่งขันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนทั้งในประเทศและในระดับสากล

ปี 66 ธุรกิจเกิดใหม่สูงสุดรอบ10ปี 

นางอรมน กล่าวอีกว่า ปี 2566 เป็นปีที่มียอดการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่สูงสุดในรอบ 10 (ปี 2557 - 2566) มีนักลงทุนจดทะเบียนฯ จำนวนรวมทั้งสิ้น 85,300 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 8,812 ราย หรือ 12% มูลค่าทุน 562,469.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 132,640.83 ล้านบาท หรือ 31%

    “ ปัจจัยส่วนหนึ่งที่กระตุ้นในด้านต่างๆ จากรัฐบาล ทั้ง โครงการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐขนาดใหญ่ นโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยกลุ่มธุรกิจภาคบริการยังคงเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมในการจัดตั้งธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ว่ามีจำนวนการจัดตั้งสูงติดอันดับต้นๆ ทั้งธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคารร้านอาหาร”

           นางอรมน กล่าววว่า ส่วนธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการในปี 2566 ทั้งสิ้น 23,380 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 1,500 ราย มูลค่าทุนเลิกประกอบกิจการ 160,056.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 33,008.08 ล้านบาท      ทั้งนี้ การเลิกประกอบกิจการถือว่าเป็นแนวโน้มปกติ เมื่อเปรียบเทียบอัตราการเลิกประกอบกิจการกับการจัดตั้งธุรกิจ