10 ปี ห้วงแห่งความสุข "เจ้าสัวบุณยสิทธิ์" กับการสร้างวิหาร 'อี่ ทง เทียน ไท้'
เจาะเรื่องราวความสุข "เจ้าสัวบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา" เศรษฐี 3 แสนล้านบาท วัย 86 ปี กับการสร้างวิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” ณ สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี เกือบ 10 ปี ใช้เงินเกือบ 200 ล้านบาท และยังเดินหน้าต่อ เพื่อปลุกซอฟต์พาวเวอร์ ความเจริญสู่พื้นที่
วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี วิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” ณ สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี มีการจัดงานทำบุญขึ้นเป็นประจำเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับศาสนิกชนรับปีใหม่ ทว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา เป็นฤกษ์ดีมหามงคล เนื่องจากมีการจัดพิธีสมโภชใหญ่วิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” ขึ้นในวันที่ 24-25 ธันวาคม 2566 โดยได้ทำการเคลื่อนย้าย “องค์พระโพธิสัตว์กวนอิม” มาประดิษฐานภายในตัววิหารเป็นที่เรียบร้อย
หลายครั้งที่ กรุงเทพธุรกิจ ได้สัมภาษณ์พิเศษ "เสี่ยบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา" ประธานเครือสหพัฒน์ แต่เป็นมิติการบ้าน การเมือง รวมถึงการขับเคลื่อนธุรกิจ หนุนเศรษฐกิจขององค์กรยักษ์ใหญ่
ทว่า ครั้งนี้แตกต่างออกไป เพราะเป็นการสนทนาถึงความตั้งใจของ “เสี่ยบุณยสิทธิ์” ในฐานะผู้ครองอาณาจักร 3 แสนล้านบาท ด้านการสร้างวิหารอี่ ทง เทียน ไท้ และการแกะสลักองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งใช้เวลานานนับสิบปี
เสี่ยบุณยสิทธิ์ สวมชุดสูทสีเขียวเข้ม และมาพร้อมใบหน้าเอิบอิ่ม เต็มไปด้วยความสุข เพื่อเล่าเรื่องราว
“ที่มาของวิหารอี่ ทง เทียน ไท้ เกิดจากมีคนนำหยกขาวชิ้นเดียวจากเมียนมา แกะสลักเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิม 2 องค์ใหญ่ ซึ่งอยากให้ผม 1 องค์ ผมก็คงงงว่าให้ผมทำไม ส่วนอีกองค์เก็บไว้ที่เกาะลอย ศรีราชา”
เสี่ยให้รายละเอียดต่อว่า "องค์เจ้าแม่กวนอิม มีคนนำมาให้..บอกผมว่าเป็นหยกขาวชิ้นเดียว ได้มาจากเหมืองป่าลึกของเมืองนับปีตรู ประเทศเมียนมา แล้วทำการขน นำไปให้ช่างที่ปักกิ่งแกะสลักเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิม ขนส่งกลับมาทางเรือถึงกรุงเทพฯ และส่งไปยังสวนอุตสาหกรรมฯกบินทร์บุรี”
เมื่อได้องค์เจ้าแม่กวนอิมมา จังหวะที่กำลังจะพัฒนาสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีน จึงนำไปเก็บไว้ในพื้นที่นั้น 3 ปี และมีผู้คนไปกราบไหว้เจ้าแม่กวนอิม ควบคู่กับศาลพระพรม จากนั้นมีการคิดสร้างสถานที่เพื่อให้องค์เจ้าแม่กวนอิมอยู่ถาวร
ประจวบเหมาะเมื่อ “เจ้าสัวบุณยสิทธิ์” ได้ไปเยือนกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และเที่ยวชมพระราชวังต้องห้าม ชมหอสักการะฟ้าเทียนถาย จึงเป็นแรงบันดาลใจ ไอเดียในการสร้างวิหาร อี่ ทง เทียน ไท้ และอัญเชิญองค์เจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานภายในวิหารวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา
- สร้างศรัทธา สู่ซอฟต์พาวเวอร์ให้กบินทร์บุรี
สวนอุตสาหกรรมฯกบินท์บุรี มีเนื้อที่ราว 2,000 ไร่ วิหารอี่ ทง เทียน ไท้ สร้างบนเนื้อที่ราว 4 ไร่ โดยการก่อสร้างดำเนินการตั้งแต่ปี 2558 จากเงินของ “เสี่ยบุณยสิทธิ์” เงินบริจาค เช่น บางรายบริจาคเสา 1 ต้น การก่อสร้างค่อยเป็นไปค่อยไป เนื่องจากต้องการให้เกิดความสวยงามมากที่สุด
นอกจากให้ผู้คนที่มีศรัทธาต่อเจ้าแม่กวนอิม ได้มากราบไหว้ อีกเจตนารมย์ คือต้องการให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นหนึ่งใน “ซอฟต์พาวเวอร์”(Soft Power) ของกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากประวัติองค์เจ้าแม่กวนอิมที่ผู้คนศรัทธามีมานับพันปี ชาวจีน ชาวไต้หวัน ชาวไทย คนแถบเอเชียล้วนนับถือและรู้จักเป็นอย่างดี
“ผมมีความคิดว่า การทำให้องค์เจ้าแม่กวนอิมสวยงาม มีคนศรัทธา มาสักการะ เหมือนมาท่องเที่ยว ปราจีนบุรียังเป็นทางผ่านไปอรัญประเทศ จึงเหมาะสมในการประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม ที่สำคัญหากเราทำให้งดงามมากๆ สามารถเป็นจุดเกิด Soft Power ของกบินทร์บุรีได้”
สำหรับการก่อสร้างวิหารแห่งนี้ เป็นเวลาเกือบ 10 ปี ใช้งบประมาณไปแล้วเกือบ 200 ล้านบาท มีส่วนที่แล้วเสร็จราว 70% และยังดำเนินการต่อเนื่อง ยังไม่สิ้นสุด ต้องจัดสวน อาจมีทั้งสวนจีน สวนญี่ปุ่น สวนไทย เพื่อให้ผู้มาเยือนรู้สึกถึงความแตกต่าง ต้องเติมต้นไม้ ทำให้ด้านงบประมาณไม่มีการกำหนดแน่นอน เพราะการทำเพื่อองค์เจ้าแม่กวนอิม..กำหนดงบไม่ได้
“ก่อนสร้างวิหารฯ ทีแรกไม่รู้จะเอางบประมาณที่ไหนมาดำเนินการ แต่คนที่มีศรัทธา บริจาคเรื่อยๆ เรื่องงบฯ หากกำหนดตั้งแต่ครั้งแรก อาจไม่มีใครกล้าทำ ถ้างบมาก เราก็ใช้เวลา ค่อยๆทำ ทำไปแล้วมีไอเดีย ก็เพิ่มไป เพราะความตั้งใจคือต้องการทำองค์เจ้าแม่กวนอิมสวยที่สุด พระพักตร์จะทำให้ดีที่สุด ทำวิหารฯ ทำสวนให้สวย เพื่อให้ชาวบ้านกบินทร์บุรีมาพักผ่อน ทำสมาธิ คนมาบริเวณนี้แล้วเกิดความสบายใจ คลายเครียดทุกอย่าง”
ที่สำคัญนี่เป็นหนึ่งในภารกิจที่ “เจ้าสัวบุณยสิทธิ์” อยากทำให้ชาวบ้าน แลเมืองกบินทร์บุรี มีความเจริญมากขึ้น เพราะอีกความตั้งใจ คือต้องการสร้างตลาดใหม่กระตุ้นการค้าขายในพื้นที่
“ทำตลาด เพราะฝันจะทำ ส่วนสำเร็จหรือไม่อยู่ที่เรามีความตั้งใจ หากทำไม่สำเร็จ อยากให้คนต่อไปช่วยกันทำต่อ”
- วิหารแห่งความยั่งยืน
วิหาร อี่ ทง เทียน ไท้ ยังมีจุดเด่นด้านการก่อสร้างที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขานรับโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยหลังคาของวิหารเป็นกระเบื้องที่นอกจากสวยงามแล้ว ยังเป็นแผงพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์หรือโซลาร์เซลล์ที่สั่งพิเศษจากเมืองจีน ใช้เวลารอนานกว่าจะมาถึงไทย เนื่องจากลูกน้องไม่กล้าตัดสินใจซื้อเพราะ “ราคาแพง”
“ช้า..จนเจ้าของที่ออกแบบทำกระเบื้องโซลาร์เซลล์ไม่สนใจเรา ผมต้องไปขอคุยกับเขาอีกที ซึ่งสำหรับเราช้าเร็วไม่สำคัญ เพราะขึ้นกับศรัทธา”
นอกจากนี้ เมื่อคนมาสักการะ บูชาองค์เจ้าแม่กวนอิมบริเวณวิหาร จะไม่ใช้ธูป หรือมีการเผากระดาษ ที่ก่อให้เกิดควัน แต่จะใช้ธูปไฟฟ้า จะมีการทำว่าวเพื่อให้คนได้ปล่อย การจัดทำองค์เจ้าแม่กวนอิมเพื่อให้ผู้คนมีจิตศรัทธาได้เช่า จัดทำสวน มีมุมถ่ายรูปสวยๆ รวมถึงคิดไอเดียอื่นๆต่อ
ส่วนกิจกรรมภายในวิหาร จะพยายามทำทุกเดือน หรือย่อยเป็นสัปดาห์ เช่น เชิญชวนคนมานั่งสมาธิ บริจาคเลือด เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ต้องหารือกับผู้ชำนาญการโดยเฉพาะ
- ความสุข “เสี่ยบุณยสิทธิ์” เศรษฐี 3 แสนล้าน วัย 86 ปี
สำหรับ “เสี่ยบุณยสิทธิ์” เป็นเศรษฐี 3 แสนล้านบาท ครองอาณาจักรสินค้าอุปโภคบริโภคเบอร์ 1 ของเมืองไทยอย่าง “เครือสหพัฒน์” โดยตลอดการสนทนา เสี่ยยิ้มแย้มแจ่มใส และเล่าอย่างมีความสุขเห็นได้ชัด “ผม 86 แล้ว ไม่ต้องการอะไรแล้ว ต้องการทำเพื่อสังคม” ซึ่งจากนี้ไปจะเห็นการจัดตั้งมูลนิธิองค์เจ้าแม่กวนอิม เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้าน ผู้มีรายได้น้อย ตลอดจนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาต่างๆ
“ผมไม่ต้องการเอาเงินจากตรงนี้อยู่แล้ว ต้องการแค่ศรัทธา มาเช่าองค์เจ้าแม่กวนอิน หรือบริจาค เงินส่วนนี้ 100% จะนำไปให้มูลนิธิ ซึ่งต้องค่อยๆคิด ค่อยๆทำ” ทั้งนี้ มูลนิธิดังกล่าว ยังเหมือนเดินตามรอยบิดาผู้ล่วงลับ “ดร.เทียม โชควัฒนา” ที่ตั้งมูลนิธิดร.เทียม โชควัฒนา ขณะนั้นยังไม่สำเร็จแต่ทายาทสานต่อถึงปัจจุบัน และการทำเพื่อสังคมมาอย่างยาวนาน
“คิดแต่ทำอย่างไรให้สถานที่แห่งนี้สวยงาม ขลัง มีผู้คนศรัทธา จึงใส่ความรู้สึกเยอะไป”
อย่างไรก็ตาม ผลของความตั้งใจ “เสี่ยบุณยสิทธิ์” บอกว่าการลงทุน ดึงนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจีนเข้ามาปักหลัก สร้างฐานโรงงานผลิตที่สวนอุตสาหกรรมฯกบินทร์บุรี มีความราบรื่นมากขึ้น รวมถึงมีคนร่วมใจบริจาคจำนวนมาก
- เข้าชมได้ทุกวัน
สำหรับองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมที่ประดิษฐานภายในวิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” ภายในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี มีความสูง 2.62 เมตร หนัก 2.8 ตัน เมื่อรวมฐานดอกบัว ฐานมังกร และฐานแปดเหลี่ยม จะมีความสูงรวมถึง 5 เมตร และน้ำหนักมากถึง 14.43 ตัน
การแกะสลักเป็นปางประทานพรประทับบนหลังพญามังกร ที่มือของพระองค์ถือแจกันประทานน้ำอมฤต น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ และกิ่งหลิว ไว้คอยชะล้าง ขจัดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยของผู้ที่มากราบไหว้ขอพร และยังเป็นเสมือนน้ำทิพย์ที่ชโลมกายใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำพระทัยแห่งความเมตตา องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมประทับยืนบนหลังพญามังกรเวียนว่ายกลางมหาสมุทร ซึ่งพญามังกรเปรียบได้กับความมั่งคั่งร่ำรวย สายน้ำเปรียบได้กับความลื่นไหลราบรื่น สำเร็จ ร่ำรวย เคล็ดลับสำคัญสำหรับคนที่มากราบไหว้บูชาเมื่ออธิษฐานแล้วต้องลูบพญามังกรด้วย เพื่อให้ได้ทั้งสมความปรารถนาและร่ำรวย
ส่วนตัววิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” จำลองแบบมาจากวิหารเทียนถาน กรุงปักกิ่ง ออกแบบเป็นรูปทรงกลมตามอาคารต้นแบบ สร้างซ้อนขึ้นไป 3 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องสีเขียว โดยรอบภายในวิหารมีภาพวาดพระโพธิสัตว์กวนอิมปางต่างๆ ภายในตัวอาคารยังได้เสริมความวิจิตรตระการตาด้วยภาพเขียนลายต่างๆ ที่สื่อให้เห็นถึงแนวคิดเรื่องจักรวาล ภพภูมิ ความสมบูรณ์และมั่งมี หลังคาของวิหารมุงด้วยกระเบื้องหลังคาแบบเซรามิกโซลาร์เซลล์ เพื่อผลิตพลังงานทดแทน นับเป็นวิหารแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้กระเบื้องโซลาร์เซลล์ รวมถึงติดตั้งสายล่อฟ้า ที่เปรียบเสมือนการรับพลังจากเบื้องบน เชื่อกันว่าคนที่มากราบไหว้ขอพรจะมีสุขภาพดี มีโชคลาภ
อย่างไรก็ตาม ศาสนิกชนผู้ที่มีจิตศรัทธาสามารถสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมได้ ณ วิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” ณ สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี เวลา 08.00-20.00 น. ของทุกวัน (โถงชั้นใต้ดินเปิด-ปิดเวลา 08.00-17.00 น.)