‘ไต้หวัน’ ชวนเที่ยว 3 เฟสติวัลเฉลิมฉลองระดับโลก ปลุกความปังรับปีมังกร 2024

สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ (กทท.) ตอกย้ำเดสติเนชันแห่งการท่องเที่ยวที่คนไทยสนใจ จัดใหญ่ 3 เฟสติวัลสุดตระการตา ชวนคนไทยบินลัดฟ้าเปิดประสบการณ์สุดพิเศษเหนือระดับ พร้อมสัมผัสวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ดั้งเดิม และปลุกความปังให้โชคดีมีชัยรับศักราชใหม่ 2024

ไม่ว่าจะเป็น เทศกาลโคมไฟไต้หวัน (Taiwan Lantern Festival) งานโคมไฟชื่อดังของไต้หวันจัดขึ้นในคอนเซ็ปต์นักษัตรปีมังกร “Dragon Comes to Taiwan” เทศกาลจุดประทัดรวงผึ้งเหยียนสุ่ย (Yanshui Beehive Fireworks Festival) งานเฉลิมฉลองระดับตำนานที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 3 งานเทศกาลคาร์นิวัลที่สำคัญของโลก และ เทศกาลโคมลอยผิงซีที่นิวไทเป (Pingxi Sky Lantern Festival) หนึ่งในเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดในไต้หวัน โดยทั้ง 3 เทศกาลจะจัดขึ้นในช่วงกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2567

ซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ กล่าวว่า “ในช่วงไตรมาสแรกของทุกปีนับเป็นช่วงไฮซีซั่นของภาคการท่องเที่ยวที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามาท่องเที่ยวที่ไต้หวันทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คึกคัก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ตามประเพณีของไต้หวัน ซึ่งในปีนี้เพื่อเน้นย้ำการเป็นผู้นำเดสติเนชั่นของสายเฟสทีฟระดับโลก การท่องเที่ยวไต้หวันได้เดินหน้าโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวตามแคมเปญ “All is just right in Taiwan ทุกอย่างใช่ โดนใจที่ไต้หวัน” เนรมิต 3 เฟสติวัลสำคัญของไต้หวันอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา ต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ได้มาเปิดประสบการณ์เหนือระดับ พร้อมสัมผัสวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ดั้งเดิมอย่าง

 

• เทศกาลโคมไฟไต้หวัน (Taiwan Lantern Festival) หรือเทศกาลหยวนเซียว (元宵節) ประจำปี 2024 จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ เมืองไถหนานในรอบ 16 ปี เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 400 ปีเมืองไถหนาน โดยในปีนี้นำเสนอโคมไฟภายใต้คอนเซ็ปต์นักษัตรปีมังกร “Dragon Comes to Taiwan” จัดแสดงขึ้นที่สถานีรถไฟความเร็วสูง ในธีม “Glorious Tainan” ที่สอดแทรกกลิ่นอายของชนพื้นเมืองไต้หวัน จีนแคะ และสักการสถาน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2567 และเขตอันผิง ในธีม “Tainan 400 years” ที่เน้นการถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมา และวิวัฒนาการสู่ความรุ่งเรืองแห่งเมืองไถหนานทั้ง 4 ยุค จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 ถึง 10 มีนาคม 2567

โดยเทศกาลโคมไฟไต้หวันที่นอกจากจะสร้างความเพลิดเพลินและตื่นตาตื่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกแล้วยังมีกิจกรรมไฮไลต์เพื่อเผยแพร่ขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานให้ได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น การกินบัวลอย หรือทังหยวน (湯圓)  การทายปริศนาบนโคมไฟ การปล่อยโคมและการจุดประทัดอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีอีก 2 เทศกาลสำคัญที่จัดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เพื่อแสดงถึงวัฒนธรรมการขอพรเสริมสิริมงคลในช่วงเข้าสู่ปีศักราชใหม่ของชาวไต้หวัน ได้แก่

 

• เทศกาลจุดประทัดรวงผึ้งเหยียนสุ่ย (Yanshui Beehive Fireworks Festival) เทศกาลที่ชาวไต้หวันได้จัดขึ้นเพื่อสืบสานวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยอดีต โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการขับไล่โรคระบาด และถูกพัฒนาเป็นงานเฉลิมฉลองมาจนถึงปัจจุบัน จนได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 10 งานเฉลิมฉลองที่ดีที่สุดในเอเซีย และเป็น 1 ใน 3 งานเทศกาลคาร์นิวัลที่สำคัญของโลก ทั้งนี้ยังมีความเชื่อว่าหากประทัดโดนตัวแล้วจะโชคดีอีกด้วย ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 - 24 กุมภาพันธ์ 2567

• เทศกาลโคมลอยผิงซีที่นิวไทเป (Pingxi Sky Lantern Festival) หนึ่งในเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดในไต้หวัน พร้อมให้ชมความงดงามของการลอยโคมท่ามกลางธรรมชาติ สนุกกับกิจกรรมพื้นเมือง รวมถึงลิ้มรสอาหารสตรีทฟู้ดประจำท้องถิ่น จนได้รับการชื่นชมจากสื่อระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น CNN, Discovery, Fodor's และ National Geographic อีกทั้งในปี 2018 ยังได้รับการโหวตจาก Tripadvisor อีกว่าเป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่แนะนำมากที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 - 24 กุมภาพันธ์ 2567

“งานเทศกาลและกิจกรรมในไต้หวันเป็นสิ่งที่การท่องเที่ยวไต้หวันอยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวไทยให้ได้ลองเดินทางมาเปิดประสบการณ์อันแสนพิเศษและล้ำค่า ท่ามกลางบรรยาศที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติงดงาม ไม่ว่าใครได้มาเยือนจะได้รับความสุข ความประทับใจ และเพลิดเพลินไปกับเสน่ห์แบบครบจบทุกไลฟ์สไตล์อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังขอขอบคุณคนไทยที่ให้ความสนใจกับไต้หวันให้เป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่ง หมวดที่เที่ยวต่างประเทศ จากผลสำรวจของ Google Trends ในประเทศไทย ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าไต้หวันเป็นเดสติเนชั่นแห่งการท่องเที่ยวที่เหมาะกับคนทุกไลฟ์สไตล์และทุกวัยที่แท้จริง” ซินดี้ กล่าวสรุป