เปิดมุมมองผู้นำ กับธุรกิจโลกใหม่ ที่ไม่ใช่ “ข้ามาคนเดียว” อีกต่อไป

เปิดมุมมองผู้นำ กับธุรกิจโลกใหม่ ที่ไม่ใช่ “ข้ามาคนเดียว” อีกต่อไป

ธุรกิจในโลกยุคใหม่ ที่นักบริหารต้องยอมรับเหมือนกันหมดว่า มันหมดยุคของ...ข้ามาคนเดียว ข้าเก่งคนเดียว คนเดียวสามารถทำได้ทุกอย่าง...และ “พันธมิตรธุรกิจ” กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากอยากเป็นผู้ชนะในเกมการแข่งขัน

ธุรกิจในโลกยุคใหม่ ที่นักบริหารต้องยอมรับเหมือนกันหมดว่า มันหมดยุคของ...ข้ามาคนเดียว ข้าเก่งคนเดียว คนเดียวสามารถทำได้ทุกอย่าง...และ “พันธมิตรธุรกิจ” กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากอยากเป็นผู้ชนะในเกมการแข่งขัน

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีการจับมือกันระหว่างบริษัทการลงทุนระดับประเทศและระดับโลก “บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด หรือ KAsset” และ J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) เพื่อสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ขยายขีดความสามารถด้านการลงทุนของ KAsset ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยจะมีการนำองค์ความรู้ ความสามารถด้านการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ

รวมถึงมุมมองการลงทุนจากผู้ชำนาญการทั่วโลก ของเจ.พี.มอร์แกนฯ ที่มีความเชี่ยวชาญในทุก Asset Class มาผสมผสานกับความรู้เชิงลึกด้านการลงทุนในไทย รวมทั้งเครือข่ายของ KAseset ที่มี สร้างเป็นโซลูชั่นและนวัตกรรมด้านการลงทุน ที่จะทำให้นักลงทุนเพัฒนาขีดความสามารถในการคัดเลือกและจัดสรรสินทรัพย์ ลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม

เปิดมุมมองผู้นำ กับธุรกิจโลกใหม่ ที่ไม่ใช่ “ข้ามาคนเดียว” อีกต่อไป

“วันนี้ไม่มีใครที่มีความสามารถทุกเรื่องทุกอย่าง ที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการหลากหลายของตลาดที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ทั้งหมด และคงไม่มีใครสามารถดูแลเรื่องการลงทุนในแอคเซสประเภทต่างๆ โดยภาพรวมได้อย่างชัดเจน” นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด หรือ KAsset กล่าว

นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่าง KAsset และ JPMAM ซึ่งผู้นำ KAsset ย้ำว่า เป็นการจับมือกันเพื่อนำจุดแข็ง และศักยภาพของทั้งเจ.พี.มอร์แกนฯ และ KAsset ด้านการลงทุน มาเป็นคำตอบที่เหมาะสมกับเป้าหมายของลูกค้าทำให้เกิดการลงทุนที่ยั่งยืน มั่งคั่ง และสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในแต่ละช่วง ให้ผลตอบแทนที่ดีให้ลูกค้า

เช่นเดียวกับ นายแดน วัตกินส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจ.พี. มอร์แกน แอสเซท แมเนจเม้นท์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เขาบอกว่า เจ.พี.มอร์แกนฯ มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับพันธมิตร และสร้างธุรกิจประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย การจะร่วมมือกับใคร สิ่งที่สำคัญคือการมองเห็นศักยภาพของอีกฝ่ายหนึ่ง และสามารถนำมาต่อยอดซึ่งกันและกันได้ดี นั่นคือการจับคู่ธุรกิจที่ถูกต้อง

นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด หรือ KAsset เผยมุมมองของผู้นำด้านการลงทุนว่า การจับมือกับพาร์ทเนอร์ธุรกิจ หรือการเลือกคนที่จะมาทำงานร่วมกัน โจทยสำคัญคือการตอบโจทย์ลูกค้า โดยหลักของการเลือกพาร์ทเนอร์มาร่วมงานกันก็คือ ต้องมีความชำนาญ (Expertise) ที่เพียงพอ นอกจากนี้ ยังต้องมีประสบการณ์ (Experience) ในการทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดี ซึ่ง เจ.พี.มอร์แกนฯ มีพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันทั้งในอินเดีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ จีน

ที่สำคัญคือ ต้อง Empower นำจุดแข็งและศักยภาพที่มีมาเสริมซึ่งกันและกัน เช่น ความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่เป็น Multi-Asset Funds ของเจ.พี.มอร์แกนฯ ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์การลงทุนโลกที่ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ในขณะที่ไทย ยังเป็นการลงทุนแบบซิงเกิลมาร์เก็ตเป็นส่วนใหญ่ มีส่วนที่เป็น Multi-Asset เพียง 1-2% เท่านั้น และที่ผ่านมา นักลงทุนที่ขยับออกไปลงทุนในต่างประเทศหลายคนก็เจ็บตัว เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ ดังนั้น เจ.พี.มอร์แกนฯ จะเข้ามาเสริมการลงทุนในด้านเหล่านี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

หากถามว่า การจับมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ มีความสำคัญและจำเป็นแค่ไหน สำหรับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน นายสรุเดช ตอบว่า เพื่อการเติบโตขอธุรกิจการลงทุนที่ยั่งยืน KAsset ต้องการพาร์ทเนอร์ที่ดี แข็งแกร่ง โดยต้องดูเรื่องคุณค่าว่าไปทางเดียวกันหรือ การจับมือกับใครไม่ใช่แค่หน้าตาดีมีชื่อเสียง แต่ต้องดูประสบการณ์ของเขาในการทำงานร่วมกับคนอื่นด้วย การนำเสนอลูกค้าเขาประสบความสำเร็จมาแล้วหลายที่ ทั้ง ไต้หวัน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้

“เราหาพาร์ทเนอร์ เพื่อสร้างโซลูชั่นที่ดีให้ลูกค้า มีประโยชน์กับลูกค้า การทำธุรกิจร่วมกับพาร์ทเนอร์ คือ การหาอะไรมาเสริมในธุรกิจของเราแข็งแรง ตอบโจทย์นักลงทุนที่อยากลงทุนในต่างประเทศ แต่การทำธุรกิจ จะไปคนเดียว หรือไปกับพาร์ทเนอร์ มันแล้วแต่จังหวะ” นายสุรเดช สรุปทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจ

การเป็นผู้นำ ต้องไม่มองอะไรที่มุมเดียว ต้องมองภาพกว้าง และหาโซลูชั่นที่เหมาะสมมาตอบโจทย์ การทำธุรกิจในแต่ละช่วง แต่ละรูปแบบให้เหมาะสม