ส่องตลาดไลฟ์สไตล์ไทย สินค้าชิ้นเล็ก กลับมาโตแรงในยุคนี้ !

ส่องตลาดไลฟ์สไตล์ไทย สินค้าชิ้นเล็ก กลับมาโตแรงในยุคนี้ !

ส่องตลาดสินค้าไทย กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ในปี 2567 ขยายตัวดี ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจหดตัว ยูโรมอนิเตอร์ ประเมินปี 67 โต 11.8% โมชิ โมชิ ชี้ตลาดสัญญาณบวก ส่งสาขาใหม่ 20 สาขา รักษาผู้นำตลาด  

ท่ามกลางความกังวลเรื่องเศรษฐกิจและกำลังซื้อในปี 2567 ยังไม่สดใสมากนัก ทำให้สินค้าไทยหลากหลายกลุ่มยอดขายอ่อนแรงลง ดังนั้น การปรับตัว และการวางแผนกลยุทธ์ให้แข็งแกร่ง จึงเป็นสิ่งสำคัญของทุกผู้ประกอบการไทยทุกราย หากไม่เร่งปรับตัว อาจสูญหายไปตามกาลเวลาได้

โมชิ โมชิ "Moshi Moshi" แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ไทย ที่มีสาขาทั่วประเทศกว่า 100 สาขา เป็นอีกธุรกิจไทยที่มีการทรานฟอร์ม การจำหน่ายสินค้ากิ๊ฟช็อปและไลฟ์สไตล์ ในสำเพ็งมายาวนานร่วม 4 ทศวรรษ ก้าวไปสู่การขยายสาขาใหม่หลากหลายทำเล พร้อมนำพาบริษัทเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศตั้งแต่ปี 2565 ล่าสุด มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ณ วันที่ 12 ม.ค.2567 อยู่ที่ 17,077 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 1,749 ล้านบาท สร้างกำไรสุทธิรวม 250 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิ 14.29%

สำหรับข้อมูลของ ยูโร มอนิเตอร์ รายงานถึง ตลาดร้านวาไรตี้ของประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 4,800 ล้านบาทในปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤตโควิด แต่หลังจากนั้นตลาดลดลงมาอยู่ที่ 2,900 ล้านบาทในช่วงปี 2565 โดยคาดการณ์ว่าในปี 2567 ตลาดรวมจะโตแรงถึง 11.8% เมื่อเทียบกับปี 2566 มาจากความเชื่อมั่นและโอกาสของตลาด ซึ่งตลาดร้านวาไรตี้ มีสัดส่วนประมาณ 3.8% ของตลาดค้าปลีกโดยรวม

“ชุณห์ โภไคศวรรย์” ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการเงินและงบประมาณ/นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านสินค้าไลฟ์สไตล์ โมชิ โมชิ (Moshi Moshi) สะท้อนการปรับตัวของ โมชิ โมชิ ในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางการมีแบรนด์ใหม่เข้ามารุกตลาด โดยบริษัทมุ่งมั่นในการรุกขยายสาขาใหม่ การเพิ่มไลน์สินค้าที่สร้างผลกำไรขั้นต้นในระดับสูง รวมถึงได้รุกทำการตลาดอย่างเข้มข้น ซึ่งในปี 2567 เตรียมรุกทำกิจกรรมการตลาดผ่านการร่วมมือกับ อินฟลูเอนเซอร์และคนดัง ศิลปินต่างๆ

 

ส่องตลาดไลฟ์สไตล์ไทย สินค้าชิ้นเล็ก กลับมาโตแรงในยุคนี้ !

ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาได้จับมือกับศิลปินไทยในการนำเสนอสินค้าใหม่สู่ตลาด และเป็นพาร์ทเนอร์สนับสนุนการจัดคอนเสิร์ต ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงมีการขยายไลน์สินค้าสัตว์เลี้ยง และแตกแบรนด์ใหม่ Garlic นำเสนอสินค้าของตกแต่งบ้าน กำหนดราคาที่ประหยัด มาในคอนเซ็ปต์ ชิค แอนด์ คูล มุ่งเจาะกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน เป็นอีกแบรนด์ใหม่ที่มีทิศทางเติบโตดี

แผนการรุกตลาดในปี 2567 จะเดินหน้าเปิดสาขาของ โมชิ โมชิ รวม 20 สาขา และเปิด Garlic ใหม่ 4 สาขาในรูปแบบ ชอปอินชอป เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า ซึ่งราคาสินค้าของ Garlic จะสูงกว่า โมชิ โมชิ ประมาณเท่าตัว อีกแนวรุกตลาดในปีนี้ วางแผนเปิดสาขาเดี่ยวครั้งแรก ในช่วงเดือน ม.ค.นี้ ในทำเลใกล้กับมหาวิทยาลัย พื้นที่ภาคเหนือ

ทั้งนี้จากการปรับตัวของบริษัทตลอดในช่วงที่ผ่านมา จึงประเมินว่าในปี 2567 ยอดขายรวมของบริษัทจะเติบโต 20% ขยายตัวดีต่อเนื่องจากปีก่อน พร้อมวางเป้าหมายใน 3 ปีข้างหน้า จะมีสาขาในประเทศไทยรวม 165 สาขา

พร้อมวางแผนรุกตลาดไปในต่างประเทศในตลาดอาเซียน ภายใน 3 ปีข้างหน้าเช่นกัน รวมถึงจะนำโมเดลสาขาในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จ และเป็นผู้นำตลาด นำไปเปิดตลาดในภูมิภาคอาเซียนต่อไป 

ภาพรวมในปัจจุบัน บริษัทมีแบรนด์ทำตลาดรวม 4 แบรนด์ได้แก่ โมชิ โมชิ มีสาขารวมจำนวนกว่า 116 สาขา พร้อมมีร้าน Giant Store ร้าน The OK Station และ Garlic ซึ่งมีสาขาใน 46 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงมีการรุกตลาดผ่าน โซเชียลมีเดียต่างๆ ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม