อะไรทำให้ ‘กล้วยหอม 7-Eleven’ สินค้าบ้านๆ ขายได้วันละ ‘แสนลูก’

Key Points:

• รู้หรือไม่ว่า สินค้าขายดีติดอันดับของ “เซเว่น-อีเลฟเว่น” คือ “กล้วยหอมทองลูกเดี่ยว” กล้วยพร้อมทาน ราคา 9 บาท ที่มีจุดเริ่มต้นจากฝ่ายการตลาดของสหกรณ์เกษตรต้องการหาช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ ไปตามเทรนด์ของผู้บริโภค
• กล้วยหอมทองขายดีจนเซเว่น-อีเลฟเว่นมีซัพพลายเออร์ในมือหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็น “สหกรณ์เกษตรท่ายาง” “ ไร่ภักดี” “เอ็น แอนด์ เอ็น ฟรุทส์” และ “เอส. พี. เอส. ฟรุ๊ตส์”
• รายได้ของ “เอ็น แอนด์ เอ็น ฟรุทส์” ก้าวกระโดดทันทีที่ส่งกล้วยขายในร้านอิ่มสะดวก จากรายได้หลักสิบล้านต้นๆ ก็สามารถพาบริษัททะยานแตะ “ร้อยล้าน” ทุกปีได้

“เซเว่น-อีเลฟเว่น” (7-Eleven) เชนสะดวกซื้ออันดับ 1 ของไทย โดดเด่นที่สุดในหมวดสินค้าพร้อมทาน เติบโตและเป็นที่พูดถึงในฐานะ “ร้านอิ่มสะดวก” จากหมวดหมู่อาหารแช่แข็งและเบเกอรีที่ผลิตโดย “ซัพพลายเออร์คู่บุญ” หลายเจ้าด้วยกัน โดยในตอนหลัง “เซเว่น-อีเลฟเว่น” ได้เพิ่มไลน์สินค้าพร้อมทานเข้ามาเสริมทัพอีกมากมาย ทั้งอาหารแปรรูป ขนมไทย ไปจนถึงผักและผลไม้ โดยเฉพาะอย่างหลังสุดที่โดดเด่นจนกลายเป็นสินค้าขายดีติดอันดับชนิดที่ว่า ถ้ามาช้าเกินช่วงพักเที่ยงไปแล้ว คุณจะไม่มีทางได้เห็น “กล้วยหอมทอง” บนชั้นวางกระบะไม้หน้าแคชเชียร์แน่นอน

ปัจจุบันราคาขาย “กล้วยหอมทองลูกเดี่ยว” ที่ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นสนน 9 บาทต่อลูก ขณะที่ราคาขายกล้วยหอมแบบ “ยกหวี” ตามท้องตลาดมีตั้งแต่ 50 บาท ไปจนถึง 100 บาท แล้วแต่ขนาดและความสมบูรณ์แบบของผลกล้วย ซึ่งหากบวกลบคูณหารดูแล้วก็จะพบว่า ซื้อแบบยกหวีตามท้องตลาดอาจให้ความคุ้มค่า คุ้มราคามากกว่า ทว่าพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้เปลี่ยนไปแล้ว การขาย “กล้วยลูกเดี่ยว” ได้รับการตอบรับที่ดี จนทำให้ “กล้วยหอมทอง” ที่เซเว่น-อีเลฟเว่นครองอันดับสินค้าขายดีหลายปีติดต่อกัน จนมีผู้ประกอบการ “SMEs” และบรรดาเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยมองเห็นลู่ทางในการส่งสินค้าฝากขาย บางรายส่งขายได้ด้วยจำนวนมากถึง “แสนลูก” ต่อวันเลยทีเดียว

• ตามเทรนด์คนรุ่นใหม่ เปลี่ยนจาก “ยกหวี” เป็น “ลูกเดี่ยว” แทน

จุดเริ่มต้นการวางขายสินค้า “กล้วยหอมทองพร้อมทาน” ในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น มาจากการสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคของ “มานะ บุญสร้าง” หัวหน้าฝ่ายการตลาด สหกรณ์การเกษตรท่ายาง จ.เพชรบุรี ย้อนกลับไปในปี 2556 “มานะ” มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่เน้นพิจารณาเลือกซื้อสินค้าจากคุณภาพเป็นอันดับแรก ที่สำคัญต้องมีความสะดวกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยในส่วนของอาหารต้องเป็นสินค้าแบบ “พร้อมทาน”

ในตอนนั้นบรรดาอาหารแช่แข็ง-พร้อมทานได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้นแล้ว “มานะ” ได้นำแนวคิดเหล่านี้มาปรับใช้เพื่อพัฒนาสินค้า มองว่า คุณภาพของกล้วยเพชรบุรีดีอยู่แล้ว แต่ “Pain Point” ของกล้วยหอมที่มีขนาดใหญ่ คือหลายคนซื้อไปแล้วกินไม่ทัน บางคนไม่ได้อาศัยอยู่กับครอบครัว หากนึกอยากกินกล้วยก็อาจจะทำให้การตัดสินใจซื้อยากขึ้น

“มานะ” เกิดปิ๊งไอเดียขายกล้วยหอมแบบลูกเดี่ยว จึงนำไปเสนอขายให้กับเซเว่น-อีเลฟเว่นดู ปรากฏว่า ร้านสะดวกอิ่มซื้อไอเดียนี้ โดยในช่วงเริ่มต้นเซเว่น-อีเลฟเว่นสั่งซื้อสินค้ามาวางจำหน่ายไม่ถึง 1,000 ลูก แต่พอขายได้ไม่นานก็พบว่า ได้รับความนิยม ขายดี ขายหมดไว หลังจากนั้นสหกรณ์การเกษตรท่ายางจึงขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปี 2563 สหกรณ์ฯ ส่งขายกล้วยให้กับร้าน “เซเว่น-อีเลฟเว่น” เป็นจำนวน 50,000 ลูกต่อวัน

ข้อมูลจากเว็บไซต์ “ซีพีออลล์” (CP ALL) ระบุว่า กล้วยหอมทองที่ จ.เพชรบุรี มีจุดเด่นคือเป็นพันธุ์แท้ รสสัมผัสหวาน ละเอียด และมีกลิ่นหอมกว่าที่อื่น กรรมวิธีการปลูกก็ต่างกัน ที่สหกรณ์การเกษตรท่ายางจะใช้ “หน่อพันธุ์แท้” ในการปลูก ช่วยลดและป้องกันการกลายพันธุ์ได้ เรื่องทำเลก็สำคัญ กล้วยหอมจะเจริญเติบโตได้ดีต้องมีดินที่มีแร่ธาตุดี น้ำอุดมสมบูรณ์ กล้วยที่นี่ใช้น้ำจาก 3 แหล่ง คือ เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนเพชร และน้ำบาดาล ประกอบกับ อ.ท่ายาง อยู่ใกล้กับทะเล ไอของทะเลมีส่วนช่วยขับไล่แมลงกัดกินพืชและผลผลิตได้ 

• ปรับตัวเพื่อให้ได้ “กำไร” มากขึ้น

“มานะ” เคยให้ข้อมูลกับเว็บไซต์ “SME Thailand Club” ว่า การขายเป็นลูกเดี่ยวได้กำไรมากกว่าขายเป็นหวีก็จริง แต่ก็มาพร้อมกับการทำงานที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่ตัดผลผลิตจากต้นก็ส่งขายเป็นหวีได้เลย แต่เมื่อทำส่งร้าน “เซเว่น-อีเลฟเว่น” ก็ต้องเพิ่มขั้นตอนการทำงานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการตัดแต่ง ใส่ซองบรรจุภัณฑ์ เจาะถุง ติดสติกเกอร์ พัฒนาแพ็กเกจให้ทันสมัย ทำอย่างไรให้ยืดอายุผลผลิตได้นานขึ้นเพื่อรักษาคุณภาพสินค้าก่อนส่งถึงมือลูกค้า หลังจากนั้น สหกรณ์ก็ต้องวางแผนการปลูกเสียใหม่เพื่อให้รอบการตัดขายทันกับออเดอร์ โดยกล้วยจะออกผลผลิตต่อครั้ง ใช้เวลาในการปลูกราว 8-9 เดือนจึงจะเก็บเกี่ยวได้ 

หลังจาก “สหกรณ์การเกษตรท่ายาง” เปิดตลาดขายกล้วยใน “เซเว่น-อีเลฟเว่น” ก็มีเกษตรกรหลายรายที่ให้ความสนใจนำกล้วยวางขายในร้านสะดวกซื้อ อย่าง “ไร่ภักดี” ภายใต้การดูแลของ “ภักดี เดชจินดา” ลูกหลานเกษตรกร จ.นครปฐม ที่ขยับขยายย้ายไปทำการเกษตร จ.ตาก เขาทดลองปลูกกล้วยหอมทองและพบว่า กล้วยเป็นสินค้าเกษตรที่ต้นทุนต่ำ ดิน น้ำ อากาศ แบบเมืองร้อนยิ่งส่งเสริมให้กล้วยเติบโตได้ดี แต่ปัญหาสำคัญ คือ “กล้วย” เป็นสินค้าที่ราคาซื้อขายในตลาดไม่แน่นอน หากล้นตลาดก็จะเจอกับการกดราคาจากพ่อค้าคนกลางทันที

“ภักดี” เคยให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ “Marketeer” ว่า วันหนึ่งเขาเดินเข้า “เซเว่น-อีเลฟเว่น” แล้วเจอกล้วยวางขายเป็นลูก ราคาลูกละ 9 บาท ขณะที่ราคาขายต่อหวีของเขาอยู่ที่ 20 - 30 บาทเท่านั้น “ภักดี” จึงติดต่อหา “ซีพีออลล์” เพื่อนำสินค้าวางขาย พอดีกันกับที่บริษัทต้องการหาซัพพลายเออร์ผู้ปลูกกล้วยส่งขายในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นบนพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างเช่นกัน ทำให้ปัจจุบันกล้วยหอม “ไร่ภักดี” รับผิดชอบพื้นที่ส่งขายทั้งหมด 9 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ ตาก กำแพงเพชร อุทัยธานี ชัยนาท พิจิตร เพชรบูรณ์ สุโขทัย และพิษณุโลก โดยมียอดส่งขายต่อวันราว 20,000 ถึง 30,000 ลูก

• ซัพพลายเออร์กล้วย ลุยยึดชั้นวาง “กล้วยหอมเซเว่น”

นอกจาก “สหกรณ์การเกษตรท่ายาง” และ “ไร่ภักดี” ยังมีซัพพลายเออร์อีก 2 เจ้าที่ส่งขายกล้วยหอมลูกเดี่ยวในร้าน “เซเว่น-อีเลฟเว่น”  ได้แก่ “เอ็น แอนด์ เอ็น ฟรุทส์” และ “เอส. พี. เอส. ฟรุ๊ตส์” 

“เอ็น แอนด์ เอ็น ฟรุทส์” เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่ส่งกล้วยหอมลูกเดี่ยวขายในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นมากถึง 110,000 ถึง 120,000 ต่อวัน ปัจจุบันส่งจำหน่ายในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น 3,000 สาขาทั่วประเทศ เมื่อดูผลประกอบการย้อนหลังของ “บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น ฟรุทส์ จำกัด” เริ่มมีรายได้ก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา จากปี 2558 มีรายได้อยู่ที่ “21 ล้านบาท” กำไรสุทธิ “612,588 บาท” ปี 2559 มีตัวเลขรายได้รวม “99 ล้านบาท” กำไรสุทธิ “2.4 ล้านบาท” ซึ่งเป็นปีที่มีการนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในเซเว่น-อีเลฟเว่นแบบเต็มรูปแบบ

ด้าน “เอส. พี. เอส. ฟรุ๊ตส์” เริ่มต้นจากการรับซื้อกล้วยจากเกษตรกรมาจำหน่ายให้กับร้าน “โมเดิร์นเทรด” หลังจากนั้นจึงค่อยๆ มองหาที่ดินเพื่อทำสวนกล้วยด้วยตัวเอง ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี กระทั่งเริ่มนำสินค้าวางขายในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น จากส่งขาย 200 ถึง 300 ลูกในตอนแรก ปัจจุบัน “เอส. พี. เอส. ฟรุ๊ตส์” ส่งขายเฉลี่ย 5,000 ถึง 6,000 ลูกต่อวัน และเคยทำยอดได้สูงสุด 10,000 ถึง 20,000 ลูกต่อวัน จนปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ “ร้อยล้านบาท” และทำกำไรปีล่าสุด (ปี 2565) อยู่ที่ “1 ล้านบาท”

นอกจาก “กล้วยหอม” แล้ว ยังมี “กล้วยน้ำว้า” แบรนด์ “JIB” ที่ส่งขายเซเว่น-อีเลฟเว่นเฉลี่ยวันละ 6,000 ลูกด้วย เมื่อเทรนด์รักสุขภาพมาแรง บรรดาผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงก็น่าจะยังเป็นที่ต้องการของตลาด ดูได้จากยอดส่งขายกล้วยหอมทองลูกเดี่ยวที่ดูเหมือนว่า ส่งเท่าไรก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการอยู่ดี

 

อ้างอิง: CPALL 1, CPALL 2, Creden Data, Marketeer Online, Matichon TV, Sentangsedtee 1, Sentangsedtee 2, SME Thailand Club, Technology Chaoban, Techsauce, Thansettakij