โรงแรม 80% ยังไม่ฟื้นตัวเท่าก่อนโควิด! ระดับ 3 ดาวคาดไตรมาสแรกลูกค้าจีนลดลง

มาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ผลสำรวจดังกล่าวระบุว่า “รายได้ของธุรกิจโรงแรมเกือบ 80% ยังไม่ฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนโควิด!” โดยกว่า 21% คาดว่าจะกลับมาได้ในปี 2568 เป็นต้นไป ส่วนอีก 20% คาดว่าจะกลับมาได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ขณะที่ 21% มีรายได้เท่ากับหรือมากกว่าก่อนโควิดแล้ว ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป และอยู่ในภาคกลางและภาคใต้ ขณะที่โรงแรมราว 10% คาดว่ารายได้จะไม่สามารถกลับไปสู่ระดับเดิมได้

ประเด็น “การประเมินจำนวนลูกค้าต่างชาติและลูกค้าไทย” ที่เข้าพักในช่วงไตรมาส 1/2567 เทียบกับไตรมาส 4/2566 พบว่า “ลูกค้าต่างชาติ” (ไม่รวมจีน) โรงแรมส่วนใหญ่ประเมินว่าในไตรมาส 1/2567 จะมีลูกค้าต่างชาติ (ไม่รวมจีน) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566 (สัดส่วนผู้ตอบมากขึ้นรวมกว่า 40%) โดยโรงแรมในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ และโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไปส่วนใหญ่คาดว่าลูกค้าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่โรงแรมในภาคตะวันออกส่วนใหญ่คาดว่าลูกค้าต่างชาติจะทรงตัว

“ลูกค้าจีน” โรงแรมระดับไม่เกิน 3 ดาวกว่า 40% คาดว่าในไตรมาส 1/2567 ลูกค้าจีนมีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสก่อน หากพิจารณารายภูมิภาค โรงแรมส่วนใหญ่ในภาคกลางยังประเมินว่าลูกค้าจีนจะเพิ่มขึ้น ขณะที่โรงแรมในภาคตะวันออกและภาคใต้ส่วนใหญ่ประเมินว่าลูกค้าจีนจะใกล้เคียงกับไตรมาส 4/2566

“ลูกค้าไทย” พบว่าในไตรมาส 1/2567 ทั้งโรงแรมระดับไม่เกิน 3 ดาวและ 4 ดาวขึ้นไป และในเกือบทุกภูมิภาคประเมินว่าจะมีจำนวนลูกค้าไทยใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ยกเว้นโรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ส่วนใหญ่คาดว่าลูกค้าไทยจะเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ยังได้สอบถามเกี่ยวกับประเด็น “ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน เดือน ธ.ค. 2566 เทียบกับก่อนเกิดโควิด-19” ด้วย พบว่าโรงแรมกว่า 50% สามารถปรับราคาห้องพักได้สูงกว่าช่วงก่อนโควิด โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ขณะที่โรงแรมระดับไม่เกิน 3 ดาวส่วนใหญ่ยังปรับราคาได้จำกัด ทั้งนี้ โรงแรมในภาคใต้มีสัดส่วนของโรงแรมที่ปรับราคาได้สูงกว่าก่อนโควิดสูงกว่าภาคอื่นๆ ขณะที่โรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่ยังมีราคาห้องพักยังใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด

สำหรับ “อัตราการเข้าพัก” ในเดือน ธ.ค. 2566 พบว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 68% เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ย. ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือ “ไฮซีซัน” เมื่อดูเป็นรายภาค พบว่าภาคเหนือมีอัตราการเข้าพักเดือน ธ.ค. ที่ 65% เพิ่มขึ้นจาก 62.3% ของเดือนก่อน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี 38.3% ลดลงจาก 43.3% ภาคตะวันออกมี 65.8% ลดลงเล็กน้อยจาก 64.6% ภาคกลางมี 77% เพิ่มขึ้นจาก 70.3% และภาคใต้ 75.1% เพิ่มขึ้นจาก 69.7% ทั้งนี้คาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักเดือน ม.ค. 2567 จะอยู่ที่ 65%

“ด้านการจ้างงาน พบว่าโรงแรมกว่า 60% เผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน และส่วนใหญ่กระทบคุณภาพการให้บริการ แต่ไม่กระทบความสามารถในการรองรับลูกค้า”

มาริสา กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการช่วยเหลือที่ผู้ประกอบการต้องการจากภาครัฐ ส่วนใหญ่ต้องการให้มี “มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย” อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและเน้นตลาดที่มีคุณภาพ โดยการให้วีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะในเมืองรอง เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวไทย

“มาตรการช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย” โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านพลังงาน ค่าสาธารณูปโภค และค่าแรง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของธุรกิจโรงแรม “มาตรการด้านแรงงาน” เช่น การพัฒนาและอบรมบุคลากร เพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานและเพิ่มบุคลากรในภาคท่องเที่ยวให้มากขึ้น และ “มาตรการด้านการเงิน” โดยมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับธุรกิจโรงแรมในการปรับปรุงที่พักเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ

“ช่วงไฮซีซันจะเป็นจุดเริ่มต้นการการฟื้นตัวแบบไต่ระดับ ของภาคธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว เนื่องจากการสนับสนุนจากภาครัฐในช่วงปลายปีที่ผ่านมา”

ทั้งมาตรการขยายเวลาเปิดบริการสถานบันเทิง การออกมาตรการยกเว้นการวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวชาวจีน อินเดีย คาซัคสถาน และไต้หวัน รวมถึงการร่วมมือกันในส่วนภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น การจัดกิจกรรมเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในแต่ละจังหวัด สร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นจุดเคาต์ดาวน์ระดับโลกที่นักท่องเที่ยวต้องนึกถึงในการเฉลิมฉลองช่วงสิ้นปี  

สมาคมฯ หวังว่าการออกนโยบายและมาตรการด้านต่างๆ จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวรวมถึงโรงแรมที่พักมีการเติบโตขยายตัวได้ มาตรการลดหย่อนภาษี นโยบายด้านพลังงาน นโยบายโครงสร้างราคาน้ำมัน หรือการประกาศกฎกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจโรงแรม จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการจัดการดำเนินงานต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงการเดินทางคมนาคม ลดเวลาการเดินทาง สามารถปลดล็อกเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากขึ้นทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ สามารถยกระดับให้ภาคท่องเที่ยวไทยดูแล้วน่าเที่ยวยิ่งขึ้น! เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างแรงจูงใจในการเดินทาง ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่ค่อยดี แต่ประเทศไทยสามารถมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและเที่ยวได้ 365 วัน สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล