'เทอร์เทิล' เปิดทุกสถานีรถไฟฟ้า หมากรบค้าปลีกใต้เงา 'วีจีไอ-บีทีเอส กรุ๊ป'

นายโยธิน ทวีกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ บริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด(มหาชน) ภายใต้เครือวีจีไอ เปิดเผยว่า ธุรกิจของวีจีไอ นอกจากเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้าน (OOH : Out Of Home) ยังมีธุรกิจบริการด้านดิจิทัล และธุรกิจจัดจำหน่าย เพื่อเชื่อมและเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะที่ใช้บริการเดินทางขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าสายต่างๆ

ปัจจุบันผู้บริโภคมีการกลับมาใช้บริการรถไฟฟ้าเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หรือเฉลี่ยผู้โดยสารเน้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีกว่า 40 ล้านคนต่อเดือน เทียบกับปี 2565 ที่ยังมีโควิด-19 ระบาด จำนวนผู้โดยสารอยู่ระดับ 25 ไปจนถึงมากกว่า 30 ล้านคนต่อเดือน ขณะเดียวกันผู้ใช้บริการยังเป็นกลุ่มวัยทำงาน มีกำลังซื้อสูง

จากข้อมูลของวีจีไอ อ้างอิงจากนีลเส็น พบว่าผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเซ็กเมนต์ครัวเรือนต่างๆ เป็นดังนี้ กลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้สูงมากกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน สัดส่วน 37% กลุ่มครัวเรือนชนชั้นกลางรายได้ 50,000-99,999 บาทต่อเดือน สัดส่วน 44% และกลุ่มครัวเรือนที่รายได้ต่ำกว่า 49,999 บาทต่อเดือน มีสัดส่วน 23%

เทอร์เทิล เอ็กซ์ แบรนด์ใหม่ค้าปลีกจากกลุ่มวีจีไอ-บีทีเอส กรุ๊ป

ทั้งนี้ แนวทางการขยายธุรกิจของวีจีไอ นอกจากธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน บริการดิจิทัล บริษัทยังให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจไลฟ์สไตล์ภายใต้แบรนด์ร้านเทอร์เทิล (Turtle) ซึ่งปัจจุบันให้บริการลูกค้าบนสถานีรถไฟฟ้า 19 สาขา

นอกจากนี้ ยังมีมีแบรนด์ใหม่ เทอร์เทิล เอ็กซ์ เปิดให้บริการที่อาคารสำนักงานเดอะ ยูนิคอร์น รูปแบบสาขาดังกล่าวจะมีขนาดเล็กกว่าเทอร์เทิลที่อยู่บนสถานีรถไฟฟ้า สินค้าจะตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายพนักงานออฟฟิศ อย่างไรก็ตาม เทอร์เทิล เอ็กซ์ นับเป็นสาขาที่ 20 โดยเดือน ก.พ. 2567 จะเปิดร้านเทอร์เทิลเพิ่ม 2 สาขา 

"เราจะขยายร้านเทอร์เทิลบนสถานีรถไฟฟ้าสีเขียวให้ครบก่อน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตสร้าง ต้องใช้เวลา โดยรูปแบบร้าน หากสถานีไหนพื้นที่เล็ก จะมีการปรับขนาดให้เหมาะสม"

โดยตามแผนงานในอนาคตบริษัทต้องการขยายร้านเทอร์เทิลให้ได้ 115 สาขา บนสถานีรถไฟฟ้าสายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายสีเขียว 60 สาขา สายสีเหลือง 23 สาขา และสายสีชมพู 32 สาขา ส่วนสินค้าที่นำเสนอจะเน้นเครื่องดื่ม และอาหาร บางรายการจะเป็นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟที่จำหน่ายเฉพาะร้านเทอร์เทิลเท่านั้น

“เทอร์เทิลไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต เราทำช็อปหรือร้านขึ้นมา เพื่อเป็นไลฟ์สไตล์ สโตร์ หาสินค้าที่ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่ใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก ออกจากบ้านไปทำงาน ไปทำธุระ ขณะที่วิสัยทัศน์ของบริษัท เราจะทำหน้าที่ในการเป็นโซลูชันที่ดีสุด เป็นทัชพอยท์ให้ผู้บริโภคใช้รถไฟฟ้า ซึ่งมี 3 พันธกิจ ทั้งการนำเสนอเครื่องดื่ม อาหารตอบโจทย์ลูกค้า มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านฟู้ด หรือ Meal โซลูชั่น เป็นตัวแทนหาร้านค้าและแบรนด์ต่างๆมาป้อนลูกค้า และเป็นกลไกทำให้ธุรกิจเติบโต”

สำหรับร้านเทอร์เทิล มีพื้นที่ราว 200 ตารางเมตร (ตร.ม.) สินค้าเด่นเสิร์ฟลูกค้า ได้แก่ เครื่องดื่ม ชา กาแฟเทอร์เทิลแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เบเกอรี อาหารพร้อมทาน ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ หรือ เวนดิ้ง แมทชีน อยู่บนทุกสถานีบีทีเอส

นอกจากร้านเทอร์เทิล บริษัทยังมีพื้นที่ให้เช่า แบ่งสัญญาเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สัญญาเช่าพื้นที่ 1 ปีขึ้นไป พื้นที่ 20-30 ตร.ม. ร้านขนาดเล็กหรือคีย์ออส สัญญาเช่าน้อยกว่า 1 ปี เกมาะกับสินค้าที่ต้องการทดลองตลาด หรือเปิดเป็นคีย์ออส และสัญญาเช่ารายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน รองรับการเปิดแนะนำสินค้า เป็นต้น

เทอร์เทิล พร้อมเปิดร้านให้ได้ 115 สาขา

ด้านพื้นที่เช่า 3 ประเภท สัญญา 1-3 ปีขึ้นไป พื้นที่ 20-30 ตรม. ต้องการที่เล็กคีย์ออส ทำสัญญาน้อยกว่า 1 ปี มาทดลองตลาด สุดท้ายเหมาะกับสินค้าใหม่ ลอนซ์โปรดักท์ มีเช่า รายวัน อาทิตย์ และรายเดือน เทอร์เทิลช้อป รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรในการให้บริการต่างๆ เช่น ผนึกซูเปอร์ริช (สีส้ม) เพื่อเปิดร้านแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น

“เรายังหาพันธมิตรมาต่อจิ๊กซอว์เพื่อเพิ่มเสน่ห์ในการให้บริการลูกค้าที่ใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสเท่านั้น”

พันธมิตร ร้านค้าเช่าพื้นที่บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส

สำหรับร้านเทอร์เทิล เปิดให้บริการราว 2 ปี สาขาขยายสาขาเติบโต 7 เท่า มีลูกค้าทำธุรกรรมในสาขาเดิม (Same Store) เติบโต 50% กว่า 50% เป็นลูกค้าสมาชิกบัตรแรบบิท

“ร้านเทอร์เทิลเพิ่งมี 19 สาขา ครอบคลุมลูกค้าเป้าหมายที่ใช้บริการรถไฟฟ้าเพียง 10% เท่านั้น มีโอกาสเติบโตได้อีก”

เนื่องจากบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ยังมีร้านสะดวกซื้อ "ลอว์สัน 108" ของเครือสหพัฒน์ จะทับซ้อนกันหรือไม่ ประเด็นดังกล่าว นายโยธิน ระบุว่าร้านเป็นคนละโมเดล อีกทั้งร้านดังกล่าวอยู่บริเวณพื้นที่เช่าด้านนอก ส่วนเทอร์เทิล อยู่ภายในสถานี