‘เมียนมา’ เที่ยวได้จริง! แต่ขายทัวร์ยาก ‘ทีทีเอเอ’ ชี้คนไทยกังวลการสู้รบ

เพื่ออัปเดตสถานการณ์การเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก และร้านอาหารในเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ โดยได้รับความร่วมมือและสนับสนุนการเดินทางจาก “สมาคมท่องเที่ยวสหภาพเมียนมา” (Union Myanmar Travel Association: UMTA) ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์สู้รบระหว่างกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์กับกองทัพเมียนมา ทำให้ “นักท่องเที่ยวไทย” วิตกว่าเดินทางไปได้จริงหรือไม่?!

สิทธิชัย อุดมกิจธนกุล อุปนายก ทีทีเอเอ กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากการไปสำรวจเส้นทางและอัปเดตข้อมูลด้านการท่องเที่ยวในเมียนมาครั้งนี้ เห็นว่า “สถานการณ์ในเมืองท่องเที่ยวของเมียนมา ทุกอย่างเป็นปกติดี”

หลังจากในช่วงแรกที่มีข่าวการสู้รบ ส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวไทยที่กำลังวางแผนไปเที่ยวเมียนมาเกิดความหวั่นวิตกต่อความปลอดภัย จึงพากันยกเลิกการเดินทางทุกกรุ๊ป! กระทั่งข่าวเริ่มแน่ชัดว่าการสู้รบกัน แม้เกิดขึ้นหลายจุด แต่อยู่ห่างจากจุดท่องเที่ยวมาก ทำให้นักท่องเที่ยวไทยเริ่มวางแผนเที่ยวเมียนมาอีกครั้ง

สำหรับพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยที่เลือกเดินทางไปเมียนมา ส่วนใหญ่จะมีวัตถุประสงค์มากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น มาขอพรจากเทพทันใจและเทพกระซิบ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มนักท่องเที่ยว “สายมู” อีกจุดหมายที่สนใจมาคือ ต้องมากราบไหว้สักการะและชมความงดงามของเจดีย์ชเวดากอง พระธาตุอินทร์แขวน รวมถึงสัมผัสวัฒนธรรม อาหารการกิน และความเป็นอยู่ของชาวเมียนมา

“เป็นที่รู้กันว่าก่อนโควิด-19 ระบาด เมียนมาเป็นหนึ่งในจุดหมายที่มีแลนด์มาร์กสายมู นักท่องเที่ยวต้องแวะเวียนกันไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และมีการจัดคณะทัวร์กันอย่างคึกคัก นอกจากนี้ยังมีเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ทางทะเลที่สามารถเดินทางผ่านจังหวัดระนองทางภาคใต้ของไทย ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติ ต้องการสัมผัสความบริสุทธิ์ของอากาศและพักผ่อนในช่วงวันหยุด”

ส่วนเรื่องการพัฒนาและปรับปรุงของทางเมียนมา คงมีขีดจำกัด เพราะเมียนมาเองเพิ่งจะฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19 แต่ความเป็นคนเมียนมาที่มีอัธยาศัยไมตรีดี ไม่แพ้คนไทย นับเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยอยากมาสัมผัส และชมวิถีชีวิตของชาวเมียนมา อีกทั้งสินค้าของฝากของที่ระลึกของเมียนมามีราคาไม่แพง จึงเป็นสิ่งที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ชอปปิงอีกทางหนึ่งด้วย

เจริญ วังอนานนท์ นายกทีทีเอเอ กล่าวเสริมว่า “เมียนมายังเที่ยวได้ มีบริษัททัวร์ทำแพ็กเกจออกมาขาย โดยเฉพาะเส้นทางสายมู ท่องเที่ยวเชิงศรัทธา ไหว้พระทำบุญ แต่ขายยาก ทำตลาดยาก! จากปัจจัยสถานการณ์ความไม่แน่นอน และไม่มีอะไรมาการันตี ทำให้นักท่องเที่ยวไทยหลายคนรอให้สถานการณ์ในเมียนมาสงบก่อน ถึงจะกล้าเดินทาง”

ด้านหนึ่งในตัวแทนผู้ประกอบการบริษัททัวร์ที่ร่วมเดินทางกับแฟมทริปนี้ เล่าว่า ย้อนไปในยุคก่อนโควิด-19 ระบาด แพ็กเกจทัวร์เมียนมาขายดีมาก มีลูกค้าตลอด เป็นกลุ่มสายมูที่ต้องการเดินทางไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้โปรแกรม “พม่าวันเดียว” ขายดีมาก “เน้นมูอย่างเดียว” เดินทางเช้า สักการะเทพทันใจและเจดีย์ชเวดากองในย่างกุ้ง แล้วบินกลับตอนค่ำวันนั้นเลย ราคาขายแพ็กเกจทัวร์ต่ำหมื่นบาท! เช่น โปรแกรมไหว้ 4 วัดดัง ราคาเริ่มต้น 3,999 บาท ถือว่าราคาดีมากในตอนนั้น ตั๋วเครื่องบินไม่แพง แต่ตอนนี้ยังไม่กลับไปทำแพ็กเกจนี้ขาย เพราะติดข้อจำกัดความถี่เที่ยวบินที่ยังไม่กลับมาปกติ

ทั้งนี้ตลาดคนไทยเที่ยวเมียนมาเพิ่งฟื้นเมื่อปลายปี 2565 แต่ยังกลับมาไม่มาก เพราะ “คนยังกล้าๆ กลัวๆ” สงสัยว่าเที่ยวได้หรือไม่ หลังเกิดสถานการณ์ด้านการเมืองและการสู้รบภายในเมียนมา พอบริษัทได้เดินทางร่วมแฟมทริปเพื่อมา “เห็นเองกับตา” ก็พบว่า “เที่ยวได้จริง” โดยบริษัททัวร์ต้องแจ้งให้ทางการเมียนมาทราบว่าจะมีกรุ๊ปทัวร์เดินทางเข้ามา พร้อมแนบสำเนาพาสปอร์ตผู้เดินทางประกอบการรายงาน และทุกคนต้องทำประกันเดินทางกับโรคโควิด-19 ด้วย

“ตอนนี้ยอดขายแพ็กเกจเที่ยวเมียนมาฟื้นแบบเรื่อยๆ จากปัจจัยเรื่องจำนวนเที่ยวบินที่ยังไม่กลับมาเท่าเดิม และสถานการณ์การเมืองในเมียนมา ทำให้ไม่บูมเหมือนยุคก่อนโควิดระบาดที่พอปล่อยขายแพ็กเกจทัวร์เมื่อไร ก็ขายหมดทันที เพราะคนไม่กังวลเรื่องความปลอดภัย จึงตัดสินใจซื้อง่าย ทั้งยังมีเที่ยวบินตรงสู่หลายเมืองให้เลือกเยอะอีกด้วย”

โดยปัจจุบันราคาขายแพ็กเกจทัวร์เมียนมา แบบ 3 วัน 2 คืน ราคาเริ่มต้น 12,000 บาท ใกล้เคียงราคาเดิมก่อนโควิดระบาด แต่ถ้าเลือกไปเมืองมัณฑะเลย์และพุกาม ราคาเริ่มต้น 17,000-19,000 บาท ขึ้นอยู่กับฤดูกาลท่องเที่ยว ต่างจากก่อนโควิดที่ขายราคาเริ่มต้น 13,000-14,000 บาท

นันดา อาว ผู้อำนวยการการโรงแรมและท่องเที่ยวนครย่างกุ้ง กระทรวงการโรงแรมและท่องเที่ยวแห่งสหภาพเมียนมา ระบุว่า ในช่วงก่อนโควิดระบาด เมียนมามี “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้ามาเมื่อปี 2561 ทั้งหมด 3.85 ล้านคน และเพิ่มเป็น 4.38 ล้านคนในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วง 2 ปีที่มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้าเมียนมาจำนวนมาก ครองอันดับ 2 เป็นรองแค่นักท่องเที่ยวจีน โปรแกรมที่ได้รับความนิยมคือการไหว้พระ สวดมนต์ และพบหมอดู แต่ในยุคหลังโควิดระบาด พบว่านักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้ามามากเป็นอันดับ 1 แซงจีนแล้ว

เฉพาะใน “ย่างกุ้ง” นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่งเริ่มฟื้นในปี 2566 คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนเดินทางเข้ามา 2 แสนกว่าคน โดยมีนักท่องเที่ยวไทยมากเป็นอันดับ 1 ประมาณ 5 หมื่นคน แม้จะเพิ่มขึ้น 3% จากปีที่แล้ว แต่ยังห่างจากสถิติเดิมเมื่อปี 2562 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางมาย่างกุ้งกว่า 1.5 แสนคน

“ตามที่สมาคมท่องเที่ยวสหภาพเมียนมาจัดแฟมทริปเชิญสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวเข้ามาสำรวจเส้นทางเพื่อให้อุ่นใจ หลังเห็นกับตาว่าสถานการณ์ในเมียนมาไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ยังสามารถท่องเที่ยวได้ และที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์นักท่องเที่ยวถูกทำร้าย”