ส่องเหตุผล 'เซ็นทรัลรีเทล' รุกค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง-ตกแต่งบ้านครั้งใหญ่

ส่องเหตุผล 'เซ็นทรัลรีเทล' รุกค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง-ตกแต่งบ้านครั้งใหญ่

ตลาดค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน ร้อนแรง วัดได้จาก เซ็นทรัลรีเทล ที่มีแบรนด์ในเครือกับ ไทวัสดุ ได้รุกขยายสาขาใหม่ 14 สาขาตลอดปีนี้ สร้างสถิติการเปิดการสาขามากสุด สัญญาณบวกตลาดก่อสร้างทั่วประเทศโต

ไทวัสดุ เรือธงกลุ่ม ฮาร์ดไลน์ (Hardline) ที่มีความเกี่ยวข้องกับ สินค้าบ้าน สินค้าตกแต่ง และปรับปรุงบ้าน รวมถึงอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และเครื่องเขียน เครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น  ภายใต้ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2555 เป็นระยะเวลา 13 ปีแล้ว สามารถสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และปัจจุบันมีสาขาทั่วประเทศรวม 79 สาขา

กลยุทธ์ในการขยายสาขาของไทวัสดุ ทั้งใช้แนวทาง “ป่าล้อมกรุง” เจาะทำเลยุทธศาสตร์ในเมืองเศรษฐกิจและเมืองท่องเที่ยวที่กำลังโต มีโครงการลงทุนก่อสร้างใหม่ๆ ในตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง

 

อีกทั้งได้มุ่งนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้า ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์การเกษตร เครื่องมือช่าง กระเบื้อง เฟอร์นิเจอร์ เคมีภัณฑ์ ของตกแต่งบ้าน รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับโรงแรมและร้านอาหาร เป็นต้น

โมเดลการเปิดสาขามีทั้ง "ไทวัสดุ" รวบรวมสินค้าวัสดุก่อสร้างของตกแต่งบ้านและซ่อมแซมบ้านครบวงจร ตั้งแต่ขนาดเนื้อที่ประมาณ 1.6-17 หมื่นตร.ม. มีสินค้าและบริการรวมประมาณ 4 หมื่นรายการ ส่วนอีกฟอร์แมตกับ "ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม" มีขนาดพื้นที่ประมาณ 2-3 หมื่นตร.ม. รวบรวมสินค้าวัสดุก่อสร้างและบริการรวมกว่า 4 หมื่นรายการเช่นกัน

ส่องเหตุผล \'เซ็นทรัลรีเทล\' รุกค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง-ตกแต่งบ้านครั้งใหญ่

แนวคิดหลักที่จะนำเสนอแก่กลุ่มลูกค้าคือ "ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี" ด้วยการกำหนดสินค้าให้มีคุณภาพ มีราคาที่หลากหลาย เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าในทุกกลุ่ม ตั้งแต่ผู้รับเหมา ช่าง หรือเจ้าของบ้าน 

รวมถึงเดินหน้าองค์กรค้าปลีกสู่ความยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ ของเซ็นทรัล รีเทล กับ "Green & Sustainable Retail" ในการเป็นองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย ทำให้ ไทวัสดุ ได้ติดตั้งโซลาร์รูฟในทุกสาขา พร้อมนำรถบรรทุกไฟฟ้าพลังงานสะอาดหรือรถบรรทุกที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน 100% เข้ามาใช้ในการขนส่งสินค้าจากคลังสินค้าไปยังสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมการใช้พลังงานที่สะอาด 

อีกแนวทางการร่วมสร้างเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้แข็งแกร่ง ทำให้เปิดสาขาใหม่เน้นจ้างคนในพื้นที่ โดยตลอดปีที่ผ่านมาได้จ้างงานคนในพื้นที่จำนวนกว่า 4,200 คน พร้อมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชน มีช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าผ่านการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เปิดพื้นที่ด้านหน้าร้านไทวัสดุให้พ่อค้า แม่ค้าในชุมชนเข้ามาจัดจำหน่ายสินค้าได้ฟรี

ภาพรวมในปี 2566 ได้มีการขยายสาขาได้รวม 14 สาขา ประกอบด้วย 1. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขารังสิต คลอง 4 2. ไทวัสดุ สาขาโคราช หัวทะเล 3. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาภูเก็ต ฉลอง 4. ไทวัสดุ สาขากำแพงเพชร 5. ไทวัสดุ สาขาชัยนาท 6. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาเมืองเอก 7. ไทวัสดุ สาขาเลย 8. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาสมุทรปราการ

9. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาเชียงใหม่ สันทราย 10. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาบางใหญ่ 11. ไทวัสดุ สาขาศรีสะเกษ และ 12. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขานครอินทร์ 13. ไทวัสดุ สาขานครสวรรค์

สาขาที่ 14 ในเดือน ธ.ค. ปิดท้ายปี 2566 กับ "ไทวัสดุ สาขายโสธร" ตั้งอยู่บริเวณแยกบายพาสศาลาแดง ถนนแจ้งสนิท ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง มีขนาดพื้นที่ 1.60 หมื่น ตร.ม. ใช้งบลงทุน 340 ล้านบาท นำสินค้าวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านแบบครบวงจร เจาะตลาดลูกค้าในพื้นที่กว่าแสนคน ทำให้ในปัจจุบัน ไทวัสดุมีสาขาทั่วประเทศ 79 สาขา

 

ส่องเหตุผล \'เซ็นทรัลรีเทล\' รุกค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง-ตกแต่งบ้านครั้งใหญ่

นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเหตุผล การขยายสาขาใหม่ในปีนี้ของ ไทวัสดุ ได้มุ่งขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศไทย โดยเป็นไปตามความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านที่มีแนวโน้มเติบโต ตามอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา เซ็นทรัลรีเทล ได้ระบุว่า ไทวัสดุ สามารถสร้างการเติบโตในระดับสองหลักมาต่อเนื่อง