คอนเสิร์ต ‘เจย์ โจว’ รอบ 20 ปีในไทย! มากกว่าดนตรี คือฟื้นเชื่อมั่น ‘ชาวจีน’
'เจย์ โจว' (Jay Chou) หรือ โจว เจี๋ยหลุน ราชาเพลงแมนโดป๊อป กลับมาจัดคอนเสิร์ต 'Jay Chou Carnival World Tour in Bangkok 2023' ในประเทศไทยรอบ 20 ปี เมื่อวันที่ 8-9 ธ.ค. 2023 จำนวน 2 รอบการแสดง ดึงดูดผู้ชมกว่า 70,000 คนมุ่งหน้าสู่สนามราชมังคลากีฬาสถานด้วยความรู้สึกปลื้มปริ่มเอ่อล้น
เมื่อจะได้ชมการแสดงสดของซูเปอร์สตาร์เอเชียระดับตำนาน หายใจและรู้สึกไปกับ 50 กว่าบทเพลงซึ่งถูกคัดสรรจาก 15 อัลบั้มบนเส้นทางดนตรี เรียงร้อยตลอด 3 ชั่วโมงเต็มอิ่ม อัดแน่นด้วยคุณภาพทั้งเสียงร้อง ดนตรี และโปรดักชันสุดอลังการ!
ประเมินด้วยสายตา มากกว่า 90% เป็นแฟนคลับชาวจีนและประเทศในเอเชียที่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้ เช่น มาเลเซีย และสิงคโปร์ ส่วนใหญ่อยู่ในวัย “มิลเลนเนียลส์” หรือ Gen Y ซึ่งเติบโตมากับเพลงของ เจย์ โจว ตลอดระยะเวลากว่า 23 ปีนับตั้งแต่ผู้ชายคนนี้เดบิวต์เมื่อปี 2000
เวลาผ่านไป แฟนคลับเติบใหญ่ มีกำลังซื้อเต็มขั้น! พร้อมเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อสัมผัสเสียงร้องและท่วงทำนองอันคุ้นเคย หล่อเลี้ยงชีวิตของพวกเขาตั้งแต่วัยเยาว์
ดีกรีความคลั่งไคล้ฉายชัดในช่วงไฮไลต์ท้ายคอนเสิร์ต โดย เจย์ โจว จะสุ่มเลือก “ลักกี้แฟน” แฟนคลับผู้โชคดี มาพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ บรรยากาศของช่วงคนดังพบปะประชาชนจึงเต็มไปด้วยความอบอุ่น หลายคนพรั่งพรูความรักที่มีต่อศิลปินตรงหน้า ชนิดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
หนึ่งในสีสันน่าสนใจคือ หลายคนแต่งชุดนักเรียนไทยเข้าชม ดูแล้วน่ารักมากๆ สื่อถึงนัยยะว่าพวกเขาชื่นชอบแฟชั่นชุดนักเรียนไทยจริงๆ และชวนตีความไปอีกนัยว่าเพลงของ เจย์ โจว คือเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยเรียน
ขณะเดียวกัน เจย์ โจว ยังเปิดโอกาสให้ลักกี้แฟนได้ “ขอเพลง” ที่อยากร้องด้วยกัน ตอบแทนความรักของแฟนๆ ที่มีให้เขามาตลอด 23 ปี หลายคนน้ำตาไหลเมื่อฝันของพวกเขาเป็นจริง! และช่วงนี้น่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลของการแย่งชิงตั๋วคอนเสิร์ตโซนหน้าเวที เพื่อ “ครั้งหนึ่งในชีวิต” จะได้มีโอกาสร้องเพลงกับศิลปินในดวงใจ
หนึ่งในลักกี้แฟนคือ บี้ KPN หรือ บี้ ธรรศภาคย์ นักร้องนักแสดงหนุ่มชื่อดังชาวไทย ที่มีผลงานการแสดงในประเทศจีน ถือเป็น “ตัวแทนหมู่บ้าน” ของฝั่งประเทศไทยท่ามกลางชาวจีนแน่นสนามเลยก็ว่าได้
โดยหนุ่มบี้ได้ถือโอกาสขอบคุณและบอกให้ เจย์ โจว รับรู้ว่าเขาคือแรงบันดาลใจที่ทำให้บี้ได้กลายมาเป็นนักร้องนักแสดงในทุกวันนี้ พร้อมขอเพลง “Tui Hou” (Step Back) กลั่นเสียงร้องเต็มพลังเคล้าทำนองเหงาเศร้าร่วมกับคนเป็นไอดอล
ย้อนไปในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด เจย์ โจว มีกำหนดเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตในจีนและอีกหลายประเทศ แต่เป็นอันต้องเลื่อนคิวออกไปก่อน
กระทั่งสถานการณ์โรคระบาดใหญ่รอบศตวรรษคลี่คลาย ราชาแมนโดป๊อปประกาศไทม์ไลน์ลุยจัดคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้ง ประเดิมด้วย 2 รอบการแสดงที่สิงคโปร์ (17-18 ธ.ค. 2022) ต่อด้วยมาเลเซีย 1 รอบ (15 ม.ค. 2023) ออสเตรเลีย 1 รอบ (4 มี.ค. 2023) จากนั้นเข้าสู่โหมดพื้นที่ในประเทศจีนมากกว่า 20 รอบ ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ย. 2023 เฉพาะฮ่องกง ปาเข้าไป 7 รอบ ฮูฮอตในเขตปกครองตนเองมองโกเลีย 4 รอบ เทียนจิน 4 รอบ และชานซีอีก 4 รอบ
รายงานข่าวจาก Trip.com (ทริปดอทคอม) ยักษ์ใหญ่แพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์สัญชาติจีน ระบุว่า ตอนที่คอนเสิร์ตของ เจย์ โจว จัดการแสดงที่เมืองเทียนจินเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมถึง 185,000 คนตลอด 4 วัน ทำรายได้จากการบริโภคไปร่วม 3,000 ล้านหยวน (ราว 15,000 ล้านบาท) ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวเมืองเทียนจินพุ่งขึ้นไปถึง 77.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019
Trip.com ได้จัดทำแพ็กเกจ “ตั๋วคอนเสิร์ต + ห้องพักโรงแรม” รวมอาหารเช้า รถรับส่ง และทัวร์เที่ยวเทียนจิน พบว่ายอดจองโรงแรมในเทียนจินบนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 188 เท่าในช่วงคอนเสิร์ต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022
กระทั่งคอนเสิร์ตของ เจย์ โจว เพิ่มชื่อ “กรุงเทพฯ” ในปฏิทินเวิลด์ทัวร์ ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา และเปิดขายบัตรคอนเสิร์ตเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2023 จน Sold Out! ขายหมดในระยะเวลาอันรวดเร็ว กระแสดีจนผู้จัดตัดสินใจเพิ่มการแสดงเป็น 2 รอบ
โมเดลการขายแพ็กเกจเดินทางมาชมคอนเสิร์ตถูกต่อยอดสู่จุดหมายในประเทศไทย ผู้ชมชาวต่างชาติที่สนใจ ซื้อแพ็กเกจเดินทางที่แพลตฟอร์มของพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวของคอนเสิร์ตนี้ ได้แก่ Meituan, Trip.com และ Tongcheng Travel
นี่คือกุญแจสำคัญในการดึงดูด “นักท่องเที่ยวจีน” เดินทางเข้าประเทศไทย สอดรับกับช่วงที่รัฐบาลไทยประกาศบังคับใช้มาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี) แก่ตลาดเป้าหมาย ได้แก่ จีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน เป็นการชั่วคราวพอดี โดย นักท่องเที่ยวจีน เริ่มยกเว้นวีซ่าตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 – 29 ก.พ. 2567 ส่วนนักท่องเที่ยวไต้หวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 2566 – 10 พ.ค. 2567
ท่ามกลาง “ความกังวล” ของนักท่องเที่ยวจีนเกี่ยวกับประเด็นภาพลักษณ์ “ความปลอดภัย” ในประเทศไทย จากข่าวเชิงลบต่างๆ นานา ว่ามาเที่ยวประเทศไทยไม่ปลอดภัย ทั้งข่าวลือเรื่องลักพาตัว ตัดอวัยวะขาย รวมไปถึงเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นจริงเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา
ในช่วงค่อนท้ายของคอนเสิร์ตก่อนเข้าสู่ช่วงขอเพลง... เจย์ โจว ขับขานบทเพลง 等你下课 (เติ๋งหนี่เซี่ยเค่อ / Waiting For You) บนจอยักษ์กลางเวทีฉายคลิปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในไทยจากมุมสูงออกมาสวยงามจับตามาก อาทิ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เมืองโบราณสมุทรปราการ องค์พระปฐมเจดีย์ และวิวมุมสูงเห็นคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา ชนิดที่คนไทยเห็นเองยังรู้สึกว้าว!
เชื่อว่าด้วยบรรยากาศทั้งหมด น่าจะทำให้ชาวจีนรู้สึกเชื่อมั่นมากขึ้น และตัดสินใจกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้งหลังจบคอนเสิร์ตนี้
สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในช่วงสัปดาห์วันที่ 4-10 ธ.ค. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยเฉพาะ “นักท่องเที่ยวจีน” ขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้าไทยเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน 100,704 คน หรือเพิ่มขึ้น 23,861 คน จากสัปดาห์ก่อนหน้า
“หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการจัดคอนเสิร์ตของ เจย์ โจว ที่ดึงดูดแฟนคลับจากต่างประเทศโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน”
ด้าน หยีว์ ผิง ผู้จัดการด้านผลิตภัณฑ์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แผนกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ซ่างไห่ ว่าน กั๋ว อินเตอร์เนชันแนล แทรเวล เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นโฮลเซลค้าส่งแพ็กเกจท่องเที่ยวรายใหญ่ มี 4 สาขาในประเทศจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ หนานจิง หางโจว และหนิงโป เล่าว่า “ที่ผ่านมาชาวจีนยังคงกังวลประเด็นปัญหาภาพลักษณ์ความปลอดภัยในประเทศไทย แต่จากผลตอบรับการร่วมขายบัตรคอนเสิร์ตเจย์ โจว ในประเทศไทยทั้ง 2 รอบการแสดง และได้พูดคุยกับลูกค้าชาวจีน พบว่าหลังได้เดินทางไปชมคอนเสิร์ตของเจย์ โจว ในไทยแล้ว ลูกค้าบอกว่าการเดินทางมาท่องเที่ยวและชมคอนเสิร์ตนั้นปลอดภัยดี ความกังวลลดลง และทำให้บางส่วนไม่กังวลประเด็นความปลอดภัยแล้ว”
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สำหรับทิศทางการทำตลาดจีนของ ททท. จะเน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ หลังเห็นพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไป นิยมเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) เป็นกลุ่มขนาดเล็กชัดมาก
โดยในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 26 ธ.ค. สำนักงาน ททท.ในจีนทั้ง 5 แห่งจะจัดแฟมทริป เชิญอินฟลูเอนเซอร์ สื่อมวลชน และเซเลบริตี้ รวมกว่า 100 คน เดินทางมาสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวในไทย
ขณะเดียวกัน ททท.จะรุกทำตลาดกลุ่มนักเดินทางไมซ์ (MICE: การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) มากขึ้น และเล็งดึงเทศกาลดนตรีขนาดใหญ่ในจีนยกมาจัดที่ประเทศไทย เพื่อให้เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Entertainment) เป็นตัวนำการเดินทางของตลาดนักท่องเที่ยวจีน
“ในปี 2567 ตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาทวงแชมป์เที่ยวไทยสูงสุด ด้วยจำนวนไม่น้อยกว่า 8 ล้านคนตามเป้าหมายของ ททท. เข้าใกล้สถิติเดิมซึ่งเคยสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2562 ก่อนโควิดระบาด มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยกว่า 11,138,658 คน สร้างรายได้ 531,576 ล้านบาท”