'รินไน' ยักษ์ใหญ่เครื่องทำน้ำอุ่น ย้ำไทยฐานผลิตหลัก มุ่งรักษาท้อปทรี

'รินไน' ยักษ์ใหญ่เครื่องทำน้ำอุ่น ย้ำไทยฐานผลิตหลัก มุ่งรักษาท้อปทรี

รินไน แบรนด์ใหญ่เครื่องทำน้ำอุ่นจากญี่ปุ่น ย้ำประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักในอาเซียน พร้อมลงทุนขยายตลาด ประเมินตลาดรวมเครื่องทำน้ำอุ่นในฤดูหนาวยังขยายตัว พร้อมส่งสินค้ารุ่นใหม่ มุ่งรักษาส่วนแบ่ง ท้อปทรีในตลาดเครื่องทำน้ำอุ่น

ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของเครื่องใช้ไฟฟ้าจากหลากหลายประเทศต่อเนื่องมาเป็นสิบปีแล้ว ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยได้เห็นภาพของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีตัวแปรจากการที่บางแบรนด์เริ่มย้ายฐานไปในประเทศอื่นๆ ซึ่งจากหลากหลายปัจจัย ทั้งสถานการณ์ตลาด กลุ่มลูกค้าและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงราคาสินค้าและการแข่งขัน เป็นต้น

ในอีกด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายแบรนด์ยังปักหลักในตลาดไทยต่อเนื่อง อาทิ พานาโซนิค โตชิบา ชาร์ป ไฮเออร์ แอลจี ฮิตาชิ และ ฟิลิปส์ เป็นต้น รวมถึงแบรนด์ รินไน (Rinnai) แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องทำน้ำจากประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น ได้ปักธงในประเทศไทยเป็นการทำตลาดและเป็นฐานผลิตสินค้ามาร่วม 33 ปีแล้ว พร้อมสามารถสร้างการเติบโตในไทยได้แข็งแกร่ง วางให้ไทยเป็นศูนย์การผลิตเพื่อส่งออกไปในภูมิภาคอาเซียน

หากมาประเมินตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย โดย เพาเวอร์ มอลล์ ระบุว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่า 2.3-2.5 แสนล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 4-5% ใกล้เคียงกับปีก่อน แรงกระตุ้นมาจากภาคการท่องเที่ยวเติบโต มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศมากขึ้นจากนโยบายวีซ่าฟรี รวมถึงตลาดเครื่องปรับอากาศที่ขยายตัวสูงถึง 40% จากสภาพอากาศที่ร้อนมากกว่าปกติ ขณะที่ภาพรวมตลาดส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเน้นแข่งขันในราคา เน้นฟังก์ชั่นและการใช้งานที่หลากหลาย แบบคุ้มค่า

“ไทจิ อุเมมูระ” รองกรรมการผู้จัดการ  บริษัท รินไน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำร้อน เครื่องใช้ในครัวเรือนและอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นในประเทศไทยปีนี้มีแนวโน้มขยายตัว แม้ว่าช่วงฤดูหนาวสภาพอากาศโดยรวมอาจไม่เย็นมากนัก โดยกลุ่มลูกค้าคนไทยมีความต้องการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นในบ้าน ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด รวมถึงตลาดในกลุ่มคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเม้นท์ รวมถึงธุรกิจภาคบริการ

 

\'รินไน\' ยักษ์ใหญ่เครื่องทำน้ำอุ่น ย้ำไทยฐานผลิตหลัก มุ่งรักษาท้อปทรี แผนการรุกตลาดของแบรนด์รินไนในปี 2566 จะมุ่งส่งผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่เข้ามาขยายฐานลูกค้าและพร้อมการเร่งนำเสนอเทคโนโลยี และดีไซน์เพื่อสร้างความแตกต่าง รวมถึงบริษัทเดินหน้าขยายตลาดในไทยต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีความสนใจขยายการทำตลาดและการลงทุนในไทย ซึ่งบริษัทมีโรงงานผลิตอยู่ที่ บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นโรงงานผลิตหลักในกลุ่มเครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อน ไฟฟ้า ที่ผลิตทั้งแบรนด์รินไน และรับจ้างผลิตในรูปแบบ OEM ด้วยกำลังการผลิตมากกว่า 200,000 เครื่องต่อปี 

สำหรับการเลือกลงทุนในตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง มาจากแรงหนุนของตลาดและภาพรวมเศรษฐกิจในไทยที่มีการขยายตัวไปได้ดีอยู่ แตกต่างจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอนในหลายด้าน โดยประเทศไทยยังเป็นฐานการส่งออกเพื่อส่งออกไปในตลาดภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้จากแผนการรุกตลาดในไทย ประเมินว่าจะทำให้แบรนด์ รินไน ยังครองส่วนแบ่งการตลาดในไทยติดอันดับท้อปทรีของตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นได้ต่อไป

\'รินไน\' ยักษ์ใหญ่เครื่องทำน้ำอุ่น ย้ำไทยฐานผลิตหลัก มุ่งรักษาท้อปทรี

“สมพล ปรีชาวุฒินันท์” รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท รินไน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมถึง แผนการทำตลาดในปี 2567 จะขยายกลุ่มลูกค้า B2B มากขึ้น ในกลุ่มเครื่องทำน้ำร้อนระบบแก๊สเพื่อเจาะกลุ่มโรงแรม รีสอร์ท ร้านแฟรนไชน์ซักรีด ส่วนผลิตภัณฑ์สำหรับครัวเชิงพาณิชย์ จะมีทั้ง เตาย่างซาลาแมนเดอร์ หม้อทอดไฟฟ้าและแก๊สสำหรับกลุ่มร้านอาหารและโรงแรม สำหรับกลุ่มที่อยู่อาศัย มีกลุ่มเตาไฟฟ้าและแก๊สรุ่นใหม่ เครื่องดูดควัน และ เครื่องทำน้ำอุ่น เข้ามารุกทำตลาด

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยประเมินไว้กว่า 850 ล้านบาท ส่วนตลาดส่งออกไปในต่างประเทศได้รับปัจจัยกระทบจากทั้ง สถานการณ์สงครามในต่างประเทศ สถานการณ์ เงินเฟ้อและตัวแปรเรื่องค่าเงินในแต่ละประเทศ

ทั้งนี้ในช่วงปลายปีนี้ ได้ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้ามาทำตลาดจำนวน 3 รุ่นได้แก่ รุ่น FON (ฝน) รุ่น KIN 550(RB) และรุ่น KIN 450(S)

สำหรับแบรนด์ รินไน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่นกว่า 103 ปีแล้ว เป็นแบรนด์สินค้าอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือน โดยได้ทำตลาดใน 34 ประเทศ มีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายอยู่ทั่วโลกกว่า 80 ประเทศ เรือธงผลิตหลักประกอบด้วย 3 กลุ่ม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์เครื่องทำน้ำร้อน และผลิตภัณฑ์ทำความร้อนในที่อยู่อาศัย ฮีตเตอร์ และระบบทำความร้อนใต้พื้น (Space Heating)