สรรพากรปิดระบบคืนแวตผ่านเช็คจี้ผู้เสียภาษีเปิดระบบโอนพร้อมเพย์

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีและโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากร จะเชิญชวนให้ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต)ทุกรายไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลเข้าสมัครใช้บริการโอนเงินและรับโอนเงินมาตรฐานใหม่ที่เรียกว่า ระบบพร้อมเพย์กับธนาคารพาณิชย์ที่เปิดบัญชีเงินฝากไว้ เพื่อเพิ่มความสะดวกกรณีที่กรมสรรพากรจะดำเนินการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต)ให้แก่ผู้เสียภาษี โดยจะทำการคืนภาษีแวตผ่านช่องทางพร้อมเพย์แทนการคืนผ่านระบบเช็คสั่งจ่าย 

“นับตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป กรมฯจะขอให้ผู้ที่อยู่ในระบบแวตทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเปิดใช้บริการการโอนและรับเงินผ่านระบบพร้อมเพย์กับธนาคารที่ได้เปิดบัญชีไว้ เพื่อที่กรมฯจะได้ทำการโอนเงินที่ผู้เสียภาษีทำการขอคืนแวตมาได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ปัจจุบันมีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่ใช้ระบบพร้อมเพย์อยู่จำนวนหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ครบทุกราย”

เขากล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน กรมฯจะใช้วิธีการโอนคืนแวตแก่ผู้เสียภาษีผ่านช่องทางเช็คสั่งจ่าย เนื่องจากการโอนเงินคืนผ่านเลขที่บัญชีของผู้เสียภาษีจะมีค่าใช้จ่ายค่าโอนต่อรายการเป็นเงินสูงถึง 250 บาทต่อรายการ ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้ กรมฯก็ไม่สามารถเป็นผู้รับภาระดังกล่าวได้ เนื่องจาก ธุรกรรมหรือรายการการโอนเงินคืนดังกล่าวมีจำนวนมากหรือราว 3-4 แสนรายการ ขณะเดียวกัน ทางผู้เสียภาษีก็ไม่ยินยอมที่แบกรับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว ดังนั้น กรมฯจึงใช้ช่องทางการโอนเงินคืนผ่านเช็คสั่งจ่าย

ทั้งนี้ หากว่า ผู้เสียภาษีรายใดไม่ยินยอมที่จะสมัครระบบพร้อมเพย์ กรมฯจะต้องขอให้ผู้เสียภาษีดังกล่าวยินยอมที่จะเป็นผู้ชำระค่าบริการโอนเงินคืนภาษีเองผ่านเลขที่บัญชี อย่างไรก็ดี กรมฯจะให้เวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่านระบบการรับโอนเงินสำหรับผู้ที่อยู่ในระบบแวตประมาณ 3 เดือน หลังจากที่กรมฯได้เริ่มดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวอย่างเป็นอย่างการแล้ว

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ กรมฯอยู่ระหว่างการเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเงื่อนไขการสมัครระบบพร้อมเพย์ ซึ่งปัจจุบันยังมีข้อจำกัดสำหรับผู้สมัครบางประเภทที่ไม่สามารถสมัครใช้งานได้ เช่น ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือ บุคคลต่างชาติ เป็นต้น 

เขากล่าวด้วยว่า แนวทางการคืนแวตผ่านระบบพร้อมเพย์ดังกล่าว จะเป็นแนวทางที่ช่วยแก้ไขปัญหาการทุจริตการคืนแวตได้ หลังจากกรมฯได้ตรวจพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของกรมฯได้กระทำการทุจริตการคืนแวตผ่านช่องทางการคืนแวตด้วยเช็คสั่งจ่ายในช่วงโควิดที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างพิจารณาคดี โดยล่าสุด เมื่อเร็วๆนี้ ทางคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดกรณีเจ้าหน้าที่สรรพากรจำนวน 4 ราย ร่ำรวยผิดปกติและส่งอัยการสูงสุดยื่นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบให้เงินตกเป็นของแผ่นดิน พร้อมเสนอต้นสังกัดไล่ออก

ทั้งนี้ ในฝั่งของกรมฯนั้น ได้ดำเนินการให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้วจำนวน 3 ราย ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.65 และรายที่ 4 เป็นลูกจ้างชั่วคราวไม่ต่อสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 โดยกรมฯได้เป็นผู้ตรวจพบความผิดและแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเรื่องให้ป.ป.ช.พิจารณาความผิดเนื่องจากเป็นเจ้าพนักงานรัฐ โดยความผิดที่ตรวจพบเกิดขึ้นช่วงโควิด โดยทั้ง 4 รายร่วมกันกระทำความผิดในคดีโกงเช็คที่กรมฯเตรียมคืนแก่ผู้เสียภาษีเป็นเม็ดเงินประมาณ 150 ล้านบาท

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า อยากให้ประชาชนมั่นใจในกระบวนการทำงานของกระทรวงการคลังและกรมสรรพากรว่าได้เพิ่มความรอบคอบแก้ไขปัญหาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยในเรื่องกระบวนการเอาผิดนั้น อยู่ในกระบวนการของศาล

อย่างไรก็ดี ในฝั่งของกรมฯก็ได้ส่งหนังสือเป็นการภายในยังสรรพากรทุกพื้นที่ให้ทำการตรวจสอบย้อนหลังเพิ่มเติมว่าพบธุรกรรมที่มีความสุ่มเสี่ยงในลักษณะเดียวกันหรือไม่ โดยเข้าไปตรวจสอบย้อนหลังเพิ่มเติม 3 เดือน ก็ไม่พบความเสียหายในลักษณะเดียวกัน

ในส่วนของผู้เสียภาษีที่ยังไม่ได้รับเงินคืนแวตจากกรณีดังกล่าว ทางกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการเร่งคืน โดยประสานหน่วยงานอื่นเพื่อขอจัดสรรงบประมาณมาจ่ายคืนให้ ซึ่งเป็นวงเงินประมาณ 100 ล้านบาท