‘นักการตลาด’ แนะทางรอดธุรกิจไทย วางเกมกลยุทธ์ปี 67 โฟกัส มีวินัยการเงิน

‘นักการตลาด’ แนะทางรอดธุรกิจไทย วางเกมกลยุทธ์ปี 67 โฟกัส มีวินัยการเงิน

จับตาปี 67 หลากหลายปัจจัยบวกลบกระทบธุรกิจ ‘นักการตลาด’ แนะทางรุ่งธุรกิจไทย วางเกมกลยุทธ์ปี 67 ต้องโฟกัส สร้างตัวตน อย่ามุ่งแต่แมส สร้างวินัยการเงินให้แข็งแกร่ง คำว่า เมตตา (Meta) ไมตรี (Mitri) มีตังค์ (Meetang) เป็นเทรนด์ยาว 3-5 ปี

ส่องภาพธุรกิจไทยในปี 2567 มีหลายปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งนอกประเทศและในประเทศ กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยฝ่าวิกฤตของรัฐบาล รวมถึงภาวะกำลังซื้อในประเทศที่ยังซบเซาอยู่ ไปจนถึงราคาพลังงานและค่าไฟที่กำลังเพิ่มขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นเร็วตามที่คาดไว้ และนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ตามนัด ตลอดจนเทคโนโลยีที่เข้ามาผสานเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคน เป็นโจทย์ท้าทายผู้ประกอบการทุกกลุ่ม!

ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอุปนายกฝ่ายกิจกรรมการสื่อสาร และการตลาดยั่งยืน สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ส่องทิศทางการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในปี 2567 ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน ผู้ประกอบการต้องมุ่งปรับแบรนด์ให้เป็นสไตล์ของตัวเอง รวมถึงการมีเอกลักษณ์ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างการเป็นแบรนด์ให้มีตัวตนเป็นจดจำที่ดีและอยู่ในใจของผู้บริโภค

 

ขณะเดียวกันในปีหน้ามีการประเมินว่าจะมีหลายธุรกิจจะมีการใช้งบการตลาดที่ลดลง ดังนั้นแนวทางการทำตลาดของผู้ประกอบการที่ควรมุ่งทำตลาดแบบเจาะจง และไม่ควรเน้นทำตลาดในแบบกว้าง หรือ แมส เพื่อนำธุรกิจและแบรนด์ให้สามารถเดินหน้าไปได้ต่อเนื่อง

ผลการสำรวจมุมมองนักการตลาดในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนเสียงของนักการตลาด 50% ที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเพียง 1.33% เท่านั้น โดยปัจจัยดังกล่าวมาจาก นักการตลาดประเมินหลายปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจทั้งเรื่อง ภาวะสงครามในต่างประเทศ ส่วนในประเทศมีทั้งภาพรวมเศรษฐกิจ ภาครัฐบาล  การเมือง งบประมาณ ต้นทุนค่าใช้จ่าย ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงและความขัดแย้งในด้านต่างๆ ดาต้า และ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

‘นักการตลาด’ แนะทางรอดธุรกิจไทย วางเกมกลยุทธ์ปี 67 โฟกัส มีวินัยการเงิน

ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอุปนายกฝ่ายกิจกรรมการสื่อสาร และการตลาดยั่งยืน สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

“ผู้ประกอบการต้องมุ่งทำตลาดที่ไม่แมส มุ่งดำเนินธุรกิจแบบ สมอลล์ แต่สามารถเติบโตได้อย่าง งดงาม หรือ บิวตี้ฟูล ต่อไปได้”

เทรนด์การตลาดไทยในปีหน้าที่ต้องติดตาม จะมีทั้ง ความยั่งยืน เป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค ดิจิทัล ดาต้า มาร์เทค สิ่งแวดล้อม นวัตกรรม คอนเทนต์ และ เอไอ และเทรนด์เทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยนักการตลาดต้องเตรียมความพร้อมและติดตามปัจจัยต่างๆ อย่างใกล้ชิด

จักรวาลการตลาดที่มุ่ง เมตตา ไมตรี และมีตังค์ จะเป็นเทรนด์ยาว 3-5 ปี

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ประเมินภาพรวมในปีหน้า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่ไม่ดีมากนัก ผู้ประกอบการจึงต้องมุ่งดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและสร้างวินัยทางการเงิน พร้อมนำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการธุรกิจเพื่อให้มีต้นทุนที่ถูกลง และการดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นมิตร เพื่อมุ่งไปสู่การสร้างความยั่งยืน ที่จะเป็นจุดแข็งพร้อมรับมือทุกปัจจัยและทุกสถานการณ์

‘นักการตลาด’ แนะทางรอดธุรกิจไทย วางเกมกลยุทธ์ปี 67 โฟกัส มีวินัยการเงิน

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

จักรวาลการตลาดยุคใหม่ ที่ดำเนินกลยุทธ์ด้วยการใช้ เมตตา (Meta) และไมตรี (Mitri) เป็นแรงหนุนสำคัญสร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนความสำเร็จทางธุรกิจ และสร้างผลลัพธ์ที่สำคัญคือ เกิด มีตังค์ (Meetang) จะเป็นแนวคิดสำคัญระยะยาวต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปีข้างหน้า ร่วมตอบโจทย์กับทั้งกลุ่มลูกค้า ผู้ประกอบการ พร้อมร่วมสร้างการความมั่นคงทางการเงินแบบยั่งยืน

“ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเร่งปรับตัว และนำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการธุรกิจ เนื่องจากโลกได้เข้าสู่ยุคดิจิทัลแล้ว และนำเทคโนโลยีมาผสมผสานให้สามารถวางแผนการตลาดได้ชาญฉลาดมากขึ้น และปรับตัวได้อย่างรวดเร็วขึ้น พร้อมให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืน แต่หากไม่มีการปรับตัวธุรกิจจะอยู่รอดได้ยากมากขึ้น”

คำแนะนำสำหรับแบรนด์ไทยที่มีขนาดธุรกิจยังไม่ใหญ่มากนัก ควรหาทางสร้างจุดขายของแบรนด์ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการตลาดและสร้างการจดจำแก่กลุ่มลูกค้า โดยหากแบรนด์ไทยสามารถสร้างจุดขายและผสมผสานในเรื่อง ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย จะยิ่งสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้มากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติจะรู้จักว่าประเทศไทยมีความสนุกสนาน และมีความสร้างสรรค์อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการจัดงาน “World Marketing Forum ครั้งที่ 3” ที่ประเทศไทย โดยมีสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (Marketing Association of Thailand) และ สหพันธ์การตลาดแห่งเอเชีย (Asia Marketing Federation) ร่วมเป็นเจ้าภาพ เพื่อร่วมระดมกูรูการตลาดในประเทศไทยและทั่วโลก เพื่อร่วมฉายภาพจักรวาลการตลาดยุคใหม่ “The New Marketingverse : Meta Mitri Meetang” โดยงานนี้ได้รับความสนใจจากนักการตลาดจากหลากหลายประเทศสมาชิกเข้ามาร่วมงาน ซึ่งมีนักการตลาดประเทศสมาชิกเข้ามาร่วมงานจำนวน 250-300 คน และมีการเข้ารับฟังผ่านออนไลน์สูงถึงกว่า 2,000 คน รวมถึงยังเป็นโอกาสที่จะร่วมขยายโอกาส คำว่า เมตตา ไมตรี และมีตังค์ ออกไปสู่เวทีระดับโลก และนำเสนอแบรนด์ไทยในการขยายตลาดใหม่ๆ สู่นักการตลาดในภูมิภาค และในตลาดโลกอีกด้วย